สมาธิสามัคคึ..แบบสามขา



หลายท่านวันนี้ นั่งสมาธิ มันดีมากๆ เลย ผมเองก็ปลีกวิเวกไป นั่ง สมาธิกับเขาเหมือนกัน  ทั้งโดยสมัครใจและโดยสถานการณ์บังคับ  

แต่ว่าไปแล้ว เดิน นอน กิน ก็ทำสมาธิได้นะ แม้แต่เยี่ยว ขี้ สมาธิ แต่มักหาพระสอนแบบนี้ได้ยาก (dynamic meditation)

สำหรับผมนิยม ด่า สมาธิ คือด่าไปพลาง ทำสมาธิไปพลาง...ก็ได้หลายต่อ

ยังจำได้ว่าสมัยผมเป็น นักเรียนนายเรือ เป็นทั้งนักฟุตบอล และนักกรีฑา พร้อมกันไป จึงมีงานคู่ขนานกับงานหลักหลายต่อ เพราะนอกจากซ้อมบอลแล้ว ยังมีซ้อมวิ่งผลัด ๔๐๐ เมตร วิ่งกรรเชียงบก ๑๐๐ม. วิ่งสามขา ๑๐๐ ม 

นอกจากซ้อมบอล ยิงประตู โหม่ง เสียบ แล้ว ยังต้องซ้อมวิ่ง...ทั้งวิ่งช้า วิ่งกลาง วิ่งเร็ว เป็นประมาณวันละ ๒๐ รอบสนาม ผมเหนื่อยมากๆ แต่ก็บรรเทาความเหนื่อยได้ ด้วยการทำสมาธิ ขณะวิ่ง กำหนดจิต ขณะเท้ากระทบพื้น มันช่วยบรรเทาเหนื่อยได้จริงๆ นะ ...........วิ่งไปวิ่งมา ในที่สุดกลายเป็นกิเลส สนุกกับการวิ่งที่แสนเหนื่อยไปเสียอีกงั้นแหละ วันไหนไม่ได้วิ่ง เช่น ฝนตก หรือต้องซ้อมกิจกรรมทหาร (เช่นสวนสนาม) จะรู้สึกหงุดหงิดมาก ...มันเหมือนติดเหล้าสุราติดยายาฝิ่น ติดเฮโรอินพิษร้าย ให้แขยง ..ดังเพลงโบราณท่านว่ายังงั้นแหละ

ซ้อมสามเดือน เพื่อแข่งขันกับหน่วยงานอื่นเป็นจำนวนมาก ประมาณ ๒๐ หน่วย เป็นเวลา ๕ ปี ปีละครั้ง ผมได้เหรียญทองฟุตบอลสองครั้ง เหรียญทองแดงวิ่ง ๔๐๐ หนึ่งครั้ง (เราซ้อมหนักมาก แต่ทำไมได้แค่นี้ ประหลาดมาก ) .... เหรียญทองวิ่งกรรเชียงบก หนึ่งครั้ง (วิ่งกรรเชียงบกคือ เอาใบพายเรือมาพาดไว้หว่างขาของคนสี่คน แล้ววิ่งไปข้างหน้าพร้อมกัน) 

เหรียญทองวิ่งสามขาหลายครั้ง (คือการวิ่งของคนสามคน กอดคอกัน แล้วเอาขาที่ชิดกันผูกไว้ด้วยผ้ารัดเอวทหารเรือ) โห มันเป็นการวิ่งที่ต้องฝึกมากๆ จนรู้ใจกัน ไม่งั้นช้า หรือล้มระเนนาด เพราะขามันขัดกัน .. มันเป็นการวิ่งที่สนุกมาก น่าจัดเป็นกีฬาโอลิมปิกส์ได้เลย เพราะตัวเราเองเร็วกว่า แต่เพื่อนช้ากว่า มันก็ขัดขากัน ทำให้ล้ม จึงต้องสามัคคีกัน ปรองดองกัน จึงจะชนะเขาได้ ....ฝึกครั้งแรกๆ ล้มหมด แต่พอฝึกนานไป ก็เริ่มรู้ใจกัน และพัฒนาให้เร็วขึ้นเรื่อยๆ ...คนช้าก็เร็วขึ้น คนเร็วก็ช้าลง จังหวะลงตัว ชนะได้ในที่สุด 

พอซ้อมบอลเสร็จ ตะวันตกดิน คนอื่นเริ่มเดินไปกินอาหารเย็น เราสามคน ฝึกวิ่งสามขาต่อ มีไอ้อ้อ ไอ้บัง และผม เพื่อนร่วมรุ่นเดียวกันหมด ..ไอ้อ้อซ้าย ผมกลาง ไอ้บังขวา กอดคอกัน ผูกมัดขา ...วิ่งๆๆ และวิ่ง จนกลายเป็นม้าฮ่อ ...ซ้อมกันเป็นเดือนๆ มีปัญหามากหลาย ก็วิจัยกัน เถียงกัน ตกลงกัน จนแก้ปัญหาได้หมด วิ่งเร็วเหมือนดังว่าวิ่งคนเดียว หลอมรวมเป็นใจเดียวกัน ..... จนได้เหรียญทองมาครอง ทิ้งเหรียญเงินแบบว่าประมาณ ๕ เมตร ไม่ต้องเสียเวลาถ่ายรูปมาตัดสินเลย

...คนถางทาง (๖ เมษายน ๒๕๕๖) 

ปล... ผมไม่ทราบว่าทำไมเรียกว่า “วิ่งสามขา” ทั้งที่มันเป็น สามคน สี่ขา หรือว่า เริ่มแรก มันเป็นสองคน สามขา แล้วพัฒนาให้สนุกขึ้น กลายเป็น สามคน สี่ขา แต่ยังคงเรียกว่า วิ่งสามขาเหมือนเดิม 



หมายเลขบันทึก: 532272เขียนเมื่อ 6 เมษายน 2013 01:46 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 เมษายน 2013 01:46 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ต้องใช้ทักษะหลายด้านมากเลยค่ะทำได้ นับถือ ๆ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท