การดื่มเยี่ยวเน่าตัวเอง..น่าจะรักษาโรคได้จริง


แสดงว่ามีเชื้อโรคที่ไหน จะมีการสร้างเชื้อดีมาคอยดักกินจนหมดสิ้น แบบว่าธรรมะย่อมชนะอธรรมเสมอ แม้ในโลกของจุลินทรีย์


ว่ากันว่า พพจ. ทรงสอนไว้ว่าวีธีป้องกันและรักษาโรคที่ดีคือให้ดื่มน้ำเยี่ยวเน่าของตนเอง ยิ่งดองผลสมอด้วยก็ยิ่งดี

ผมเองสมัยบวชอยู่ในป่าวังเวง เต็มไปด้วยต้นสมอ ก็เคยลองเก็บเอามาดองฉี่ แต่อินทรีย์ยังไม่แก่กล้าพอ เลยกินได้แต่ผลสมอดอง ส่วน “น้ำมูถเน่า” เททิ้ง ก็โอน่ะ ไม่ได้เหม็นอะไรมากเลย 

ต่อมาผมเคยเขียนบทความค้านเรื่องนี้ ว่าพพจ. ไม่น่าทรงสอนอะไรที่น่าขยะแขยงแบบนี้

แต่วันนี้มาคิดต่อ หรือว่ามันเป็นไปได้ ตามหลักชีววิทยาสมัยใหม่ด้วยซ้ำไป 

ผมมาเอะใจกับ ระบบกรองน้ำแบบ slow sand filter ที่องค์กรอนามัยโลกส่งเสริมมาก ให้เป็นเครื่องกรองคนจน เพราะมันกรองเชื้อโรคออกได้มากถึง ๙๙.๙% โดยไม่ต้องใช้สารเคมีอะไรเลย (เช่น คลอรีน) ว่ากันว่า ระบบมันจะสร้างแผ่นเค้กแห่งจุลินทรีย์ขึ้นมาหน้าเครื่อง จุลินทรีย์นี้มันจะเขมือบเชื้อโรคต่างๆ ที่ปนมากับน้ำสกปรกจนเกือบหมดสิ้น

แสดงว่ามีเชื้อโรคที่ไหน จะมีการสร้างเชื้อดีมาคอยดักกินจนหมดสิ้น แบบว่าธรรมะย่อมชนะอธรรมเสมอ แม้ในโลกของจุลินทรีย์

ที่นี้ฉี่ของเรานี้น่าจะมีเชื้อโรคมาก (แต่บางกระแสก็ว่าฉี่นี่ sterile นะ)  และเชื้อโรคนั้นก็เป็นเชื้อโรคประจำกายเราเสียด้วย ดังนั้นถ้าเราเอามาหมักไว้ ก็น่าจะมีการพัฒนาเชื้อดีมากินเชื้อโรคสิ จนเชื้อดีเต็มไปหมด พอเราดื่มน้ำหมักเข้าไป เชื้อดีเหล่านี้ก็เข้าไปกินเชื้อโรคในร่างกายเราหมด และเป็นเชื้อที่ “ถูกโรค” กันเสียด้วยสิ 

น่ามีการวิจัยทางการแพทย์นะ หมอ หรือ นักวิทย์คนไหน พิสูจน์ได้คนแรก รางวัลโนเบลน่าจะรออยู่นะ (อย่าลืมแบ่งให้ผมสักเสี้ยวก็ยังดี ในฐานะคนกระตุกให้คิด) 

การหมักฉี่ น่าจะมีเวลาหมักที่ดีที่สุดอยู่ คือมีความหนาแน่นเชื้อดีสูงสุด หากนานกว่านี้หมดอาหาร เชื้อดีอาจตายไปด้วย

...คนถางทาง (๔ เมย. ๒๕๕๖) 


หมายเลขบันทึก: 532161เขียนเมื่อ 4 เมษายน 2013 22:41 น. ()แก้ไขเมื่อ 4 เมษายน 2013 22:41 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

ระบบslow sand filter ต้องใช้เวลาประมาณ ๒๐ วันกว่าระบบจะทำงานแบบเข้าที่  ดังนั้นการหมักฉี่ให้ดีก็น่าจะประมาณนี้กระมัง 

I think it may depend on the amount of nutrients (water, sugar/glucose/sucrose/fructose/carbohydrate/...) available for microbial growth, temperature and initial microbial population in the (multi-) culture.

From my experience, I get 'vinegar' from aerobic (open to air with cloth cover) fermentation and 'wine' from anaerobic (closed with lid on tight) fermentation in about 6 weeks depending on temperature (30C seems best, may be faster at 40C but slower over 40C or under 20C).

The end result microbial culture "may be" considered as "microbial" or "micro-herbal" medicine (we have much to learn from ancient folk medicines (the Eskimo's fermented meats, the scandibevian pickled fish, the old Roman fish sauce called garum, the chinese soy sauce, the Thai Isan's fish pickles, ...). The recently innovative thinking about using peptides to heal. (Good sources of peptides are pickled fish, rotting meats, fermented (soya) beans, ;-)

อีแร้งกินหมาเน่า ไม่เห็นมันเป็นโรคอะไรเลยครับ  สุขภาพดี  แข็งแรง บินสูง  ไกลซะอีก 

น้ำฉี่เวลานำไปรดผัก ผักยังสวย

ไม่ใช่ฉี่สดๆ น่ะครับ อันผักตายหมดครับ...

แต่ยังไม่ได้ลองดื่ม เหมือนของอาจารย์ทำ.....ยังทำใจไม่ได้ ฮิฮิ

คุณ SR...ผมชอบปลาร้า Thai Isan's fish pickles ตอนเป็นเด็กๆ ปลาเย่อะครับ

คุณแม่ผมเอาปลาร้ามาต้ม.....ทำเป็นน้ำปลา...อร่อยสุดยอด.

ที่ fb ผม มีคนมาให้คห. ว่า หายจากเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขั้นสุดท้ายเพราะดื่มฉี่ ผมกำลังตามอยู่ว่ากินอะไรอื่นอีกด้วยหรือไม่   ...ท่าน yong ว่ามาน่าสนใจมาก  ฉีสดไม่ดี  ฉี่หมักดี  ก็เข้ากันได้กับการวิเคราะห์ของผมสิ  เพราะการหมักทำให้เชื้อร้ายถูกเชื้อดีกินหมด 

อาจารย์คะได้ยินมาว่าพระธุดงค์ท่านหมักลูกสมอในฉี่ ส่วนฉี่เพียวๆนั้นจะดื่มสดๆใหม่ๆเลย

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท