มหัศจรรย์พันธุ์มัลเบอรี่(หม่อน)ให้ผลดก


                                          มหัศจรรย์พันธุ์มัลเบอรี่(หม่อน)ให้ผลดก

                                                                                                                                           วิโรจน์  แก้วเรือง

  กรมหม่อนไหม  มีความเชื่อมั่นว่าพันธุ์หม่อนผลสดที่ดีที่สุดในปัจจุบันของไทยคือพันธุ์เชียงใหม่

  หม่อนผลสดพันธุ์เชียงใหม่ มีดีอย่างไร ?

1.  สามารถปลูกได้ทั่วทุกภาคของประเทศไทย

2.  ปลูกและดูแลรักษาง่าย ขอแค่ให้มีน้ำเพียงพอก็ให้ผลแล้ว

3.  ให้ผลผลิตประมาณ 1,000 กิโลกรัม/ไร่/ปี เมื่อต้นหม่อนมีอายุ 3 ปีขึ้นไปหลังปลูก

4.  ผลผลิตที่ได้ปลอดภัยจากสารพิษ เพราะขณะนี้ยังไม่พบว่ามีความจำเป็นต้องใช้สารป้องกันกำจัดโรคและแมลงศัตรูพืช

5.  ผลมีสีแดงสดใสจนถึงสีแดงเข้ม (ผลห่าม) ดุจดังสีทับทิมสยาม สำหรับผลสุกให้สีม่วง เมื่อนำไปแปรรูปจะได้ ผลิตภัณฑ์สีสดใส ถูกใจ ผู้บริโภค

การปลูกหม่อนผลสดพันธุ์เชียงใหม่

1.  เพื่อปลูกเป็นไม้ประดับ เพราะสามารถเป็นได้ทั้งไม้ใบและไม้ผล

2.  ปลูกเพื่อผลิตผลหม่อนเชิงพาณิชย์

การเลือกพื้นที่

1.  ต้องเป็นพื้นที่ที่ไม่มีน้ำท่วมขัง

2.  ดินไม่เป็นกรด หรือด่างมากเกินไป

3.  สภาพพื้นดินไม่เคยเกิดการระบาดโรครากเน่าของหม่อนมาก่อน

4.  สามารถให้น้ำได้ในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนเมษายน ที่หม่อนกำลังติดดอกออกผล

1.  พื้นที่คมนาคมสะดวก

2.  อยู่ใกล้ตลาดและโรงงานอุตสาหกรรมแปรรูปผลหม่อน

การปลูกมี 2 วิธี

วิธีที่ 1. การปลูกเป็นแถว

-  ไถดินลึก 30 เซนติเมตร

-  ขุดร่องกว้าง 30 เซนติเมตร ลึก 30 เซนติเมตร รองก้นร่องด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก 2-3 ตัน/ไร่ กลบดิน ปลูกหม่อนระยะระหว่างต้น 75 เซนติเมตร ระหว่างแถว 2-3 เมตร

วิธีที่ 2. ปลูกเป็นหลุม

-  เตรียมหลุดขนาด 30x30x30 เซนติเมตร ระยะระหว่างหลุม 2-4 เมตร รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก 3-5 กิโลกรัม

-  ปลูกต้นกล้าหม่อนกลบโคนให้แน่นและรดน้ำให้ชุ่ม

การใส่ปุ๋ย

ครั้งที่1 ต้นฤดูฝนใช้ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมัก อัตรา 1,000-3,000 กิโลกรัมต่อไร่ (ตามความอุดมสมบูรณ์ของดิน) ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 อัตรา 50 กิโลกรัมต่อไร่

ครั้งที่ 2 ต้นฤดูหนาว ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 13-13-21 อัตรา 50 กิโลกรัมต่อไร่

ครั้งที่ 3 เพื่อเพิ่มความหวานใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 0-0-60 อัตรา 25 กิโลกรัมต่อไร่ ในระยะผลหม่อนเริ่มเปลี่ยนเป็นสีชมพูแดง

การให้น้ำ

1.  ต้องให้น้ำหม่อนในระยะติดผล

2.  ให้น้ำในระยะอื่นๆ  พิจารณาตามความเหมาะสมเมื่อฝนทิ้งช่วง

การบังคับทรงพุ่ม

1.  เลือกกิ่งสมบูรณ์ไว้ประมาณ 5 กิ่ง/ต้น ตัดไว้ตอช่วงต้นฤดูฝนเพื่อให้แตกกิ่งแขนง สร้างทรงพุ่มให้แตก

2.  หม่อนจะออกดอกราวเดือนมกราคม-มีนาคม และเก็บเกี่ยวผลหม่อนในช่วงปลายฤดูหนาว-ฤดูร้อน

การเก็บเกี่ยวผลหม่อน

1.  เพื่อบริโภคผลสด ควรเก็บเกี่ยวผลหม่อนสีม่วงแดง หรือสีม่วงดำ

2.  เพื่อการแปรรูป การทำน้ำผลหม่อนที่มีสีแดงควรเก็บเกี่ยวในระยะผลสีแดงม่วงผสมกับสีม่วง  การแปรรูปเป็นไวน์ควรเก็บเกี่ยวในระยะสีม่วงดำ  

การเก็บรักษาผลหม่อน

1.  การบริโภคผลสด นำมาบรรจุในกล่องกระดาษเป็นชั้นๆ หนาไม่เกิน 2 ชั้น ทำการปิดกล่องเพื่อรอการขนส่งและจำหน่าย

2.  การแปรรูป อาทิ น้ำหม่อน แยมหม่อน ไวน์หม่อน เยลลี่ หากไม่สามารถนำไปแปรรูปได้ทันที ควรเก็บไว้ที่อุณหภูมิ -14 องศาเซลเซียส สามารถเก็บไว้ได้นานถึง 12 เดือน









หมายเลขบันทึก: 531969เขียนเมื่อ 2 เมษายน 2013 16:25 น. ()แก้ไขเมื่อ 3 เมษายน 2013 16:32 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

ปลูกไว้ที่ไหนครับ น่ากินมากๆๆ

หม่อน สีเขียวสวยงามยิ่ง...ทำให้นึกถึงคราวเป็นเด็กเคยเก็บใบหม่อนไปเลี้ยงตัวไหม....

ชอบทานลูกหม่อนมากค่ะ อร่อยจริงๆ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท