ข่าว
“แม่บ้านฟิลิปปินส์” ในฮ่องกง “แพ้คดี” ไม่ได้"สิทธิพำนักถาวร"
มติชนออนไลน์ วันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๖ เวลา ๑๒.๐๐.๕๐ น.
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1364184953&grpid=03&catid&subcatid
ศาลฎีกาฮ่องกงตัดสินไม่ให้สิทธิพำนักถาวรแก่แม่บ้านชาวฟิลิปปินส์ ๒ คน ในการพิจารณาคดีซึ่งส่งผลกระทบต่อแม่บ้านชาวต่างชาติหลายหมื่นคนในฮ่องกง หลังการต่อสู้ในศาลยืดเยื้อมาถึง ๒ ปี
ศาลฎีกาฮ่องกงประกาศคำพิพากษาดังกล่าวได้รับเสียงเอกฉันท์ ๕ – ๐ เสียง สืบเนื่องจาก น.ส.อีวานเจลีน บานาโอ วาลเลโจส แม่บ้านชาวฟิลิปปินส์ ได้ยื่นฟ้องว่า ข้อกำหนดว่าด้วยการเข้าเมืองซึ่งห้ามคนที่เข้ามาทำงานตำแหน่งแม่บ้านในฮ่องกงได้รับสิทธิพำนักถาวร ขัดต่อรัฐธรรมนูญ หลังทำงานที่นี่มาเป็นเวลากว่า ๑๗ ปี โดยบอกว่าการปฏิเสธไม่ให้พวกเธอได้เป็นพลเมืองถาวรเป็นเรื่องขัดต่อกฏหมาย เพราะกฏหมายข้อหนึ่งชี้ว่า คุณสมบัติของผู้ที่สามารถสมัครเป็นพลเมืองถาวรได้ ต้องอาศัยอย่างถูกกฏหมายในฮ่องกงไม่น้อยกว่า ๗ ปี
ศาลเห็นพ้องกับทางการฮ่องกงซึ่งมองว่า คนที่ทำงานเป็นแม่บ้านไม่เหมือนกับชาวต่างชาติคนอื่น ๆ ที่มาอาศัยอยู่ในฮ่องกง ซึ่งหมายความว่าแม่บ้านชาวฟิลิปปินส์ทั้งสองคนจะไม่ได้รับอนุญาตให้ยื่นคำร้องขอตั้งถิ่นฐานถาวรหลังจากอาศัยอยู่ในฮ่องกงอย่างน้อย ๗ ปี
รายงานกล่าวว่าคำตัดสินนี้ มีผลต่อคนที่ทำงานเป็นแม่บ้านในฮ่องกงกว่า ๓๐๐,๐๐๐ คนที่ส่วนใหญ่มาจากฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย ที่ส่วนใหญ่ทำงานที่ฮ่องกงเป็นเวลาหลายปี บางคนมองว่าการห้ามแม่บ้านต่างชาติได้สิทธิพำนักถาวรนั้น เท่ากับการเลือกปฏิบัติทางชาติพันธุ์ ส่วนอีกกลุ่มเกรงว่าการให้สิทธิพำนักถาวรแก่แม่บ้านชาวต่างชาติจะทำให้ครอบครัวของแม่บ้านเหล่านั้นอพยพหลั่งไหลเข้ามาในฮ่องกง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อบริการทางสังคมและระบบสาธารณสุข รวมถึงระบบการศึกษา
รัฐบาลฮ่องกงเคยคาดการณ์ว่า มีแม่บ้านต่างชาติราว ๑๒๕,๐๐๐ คน ที่เข้าข่ายมีสิทธิ์พำนักถาวร และหากแต่ละรายมีสามีและบุตร ๒ คน ฮ่องกงจะมีประชากรเพิ่มขึ้นอีกกว่า ๕๐๐,๐๐๐ คน แม้นักเรียกร้องจะกล่าวว่า มีเพียงจำนวนเล็กน้อยเท่านั้นที่ได้สิทธิ์นั้น
แต่ในที่สุดศาลได้พิพากษาว่า แม่บ้านต่างชาติที่มาทำงานในฮ่องกง เมื่อหมดสัญญาจ้างก็จะถูกส่งกลับประเทศ และตั้งแต่แรกทุกคนก็ทราบดีว่าวีซ่าที่ออกให้ เพื่อให้สามารถทำงานในฮ่องกงได้เท่านั้น แต่ไม่สามารถนำมาสมัครเพื่อเป็นพลเมืองของฮ่องกง เช่น อาชีพอื่นๆ ได้
---------------------------------
คำถามของ Ratinan Choochaimangkhala เมื่อวันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๖
https://www.facebook.com/archanwell/posts/165083506982380
---------------------------------
เรียนถามอาจารย์แหววค่ะ
- กรณีนี้หากเป็นกลุ่มพม่า ลาว เขมร ฯลฯ จะขอสิทธิอาศัยถาวร ในประเทศไทยได้ไหมคะ ตามกฎหมายไทย
- ไม่เห็นคำพิพากษาเต็ม ๆ แต่ถ้าตามข่าวนี้เป็นการเลือกปฏิบัติ ขัดต่อสิทธิมนุษยชนหรือไม่คะ ไปเสิร์ชข่าวเรื่องเดียวกันในเว็บอื่น ในข่าวเขียนว่า "Foreigners who work in other professions are eligible for permanent residency after living in Hong Kong for seven years..."
ขอบพระคุณที่ร่วมแสดงความเห็นค่ะ
---------------------------------
คำตอบของอาจารย์แหวว เมื่อวันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๖
https://www.facebook.com/archanwell/posts/165083506982380
---------------------------------
คิดว่านะคะ เรื่องนี้มิใช่เรื่องของคนไร้รัฐไร้สัญชาติ ผู้หญิงเหล่านี้ยังมีรัฐมีสัญชาติ กล่าวคือรัฐฟิลิปปินส์ แต่เมื่อพิจารณาสถานการณ์ของแผ่นดินฮ่องกงในอีกด้านหนึ่ง ก็อาจจะมีความกังวลในการเข้ามาของคนต่างด้าวในแผ่นดินฮ่องกงที่ไม่มีพื้นที่เพียงพอที่จะยอมรับคนจำนวนมาก เป็น conflict of interests ซึ่งรัฐเจ้าของดินแดนย่อมจะมีอำนาจอธิปไตยที่จะปฏิเสธการรับรองสถานะ "คนต่างด้าวอยู่ถาวร" ซึ่งพิจารณาแล้วว่า มิใช่ประโยชน์ของตน ย้อนกลับไปดูท่าทีของรัฐไทยภายใต้กฎหมายไทยว่าด้วยคนเข้าเมือง ก็อาจจะมีท่าที่แบบ "อำนาจนิยม" มากกว่า "มนุษย์นิยม" ประเด็นมิใช่ว่า เป็นคนสัญชาติพม่าลาวกัมพูชาไหม ? แต่เป็นประเด็นว่า รวยไหม ? เคยมีสัญชาติไทยไหม ? เป็นบุตรของหญิงที่มีสัญชาติไทยหรือเคยมีสัญชาติไทยไหม ? ย้อนไปดู มาตรา ๔๐+๔๑, ๔๒, ๔๓ และ ๕๑ แห่ง พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.๒๕๒๒ ซิคะ ส่วนแนวคิดมนุษย์นิยมต่อคนไร้สัญชาติจะมาจากมาตรา ๑๗ ซึ่งรัฐสภาโยนอำนาจแก่รัฐบาลอันหมายถึง ครม.ที่จะตัดสินใจ ซึ่งรัฐบาลไทยก็มักไม่ค่อยมีแนวคิดมนุษย์นิยมค่ะ พรุ่งนี้ ก็ต้องพูดถึง "อำนาจนิยม VS มนุษย์นิยม" ในห้องเรียนสิทธิมนุษยชนอีกแล้ว พูดมาจะ ๓๐ ปีแล้วนะคะ ...
อีกแนวคิดที่รัฐเจ้าของดินแดนใช้ในการอนุญาตให้สิทธิอาศัย ก็คือ "ประโยชน์นิยม" ค่ะ แนวคิดนี้อาจจะนำหน้า "อำนาจนิยม" และมนุษย์นิยมอาจถูกใช้ในสถานการณ์ที่พิเศษจริงๆ ค่ะ เพราะทรัพยากรย่อมมีจำกัด
---------------------------------
ข้อแลกเปลี่ยนของ Ratinan Choochaimangkhala เมื่อวันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๖
https://www.facebook.com/archanwell/posts/165083506982380
---------------------------------
ประโยชน์นิยม คือที่อาจารย์บอกว่า รวยไหม ใช่ไหมคะ เพราะหากรวย ก็จะีมีโอกาสมาใช้เงินในไทยมากขึ้น ไม่เป็นปัญหาไม่เป็นภาระ
ประโยชน์นิยมภาษาอังกฤษ ใช่ utilitarianism ไหมคะ เผื่อจะไปค้นต่อค่ะ
---------------------------------
ข้อแลกเปลี่ยนของอาจารย์แหววเมื่อวันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๖
https://www.facebook.com/archanwell/posts/165083506982380
---------------------------------
โดยหลักกฎหมายการเข้าเมืองสากล การร้องขอสิทธิอาศัยถาวรก็น่าจะเป็นสิทธิของคนต่างด้าวที่เข้าเมืองถูกกฎหมาย แต่การอนุญาตให้สิทธิเข้าเมืองและอาศัยน่าจะเป็นอำนาจดุลพินิจ เว้นแต่กรณีพิเศษ อาทิ การพิจารณาให้สิทธิอาศัยแก่คนต่างด้าวที่หนีภัยความตาย อันนี้ คงต้องใช้มนุษย์นิยม
utilitarianism เป็นศัพท์ปรัชญาค่ะ แต่เรื่องนี้อาจเป็นบรรยายกาศของจิตวิทยาการเมือง ถ้าคิดเป็นภาษาอังกฤษ อ.แหววคิดถึงคำว่า "Individualism" หรือ "Nationalism" หรือ "Statism"
Statism เป็นคำที่ อ.แหววมั่วมาจากภาษาฝรั่งเศสค่ะ L'Etatisme
http://en.wiktionary.org/wiki/%C3%A9tatisme
อ.แหววชอบการสร้างคำใหม่ๆ มากค่ะ
บันทึกของอาจารย์ทรงคุณค่าและมีประโยชน์ต่อสังคมมากเลยนะครับ
ขอชื่นชม สิ่งดีดีที่อาจารย์มอบให้มาสม่ำเสมอนะครับ