ช่วงนี้นักวิชาการทางเศรษฐกิจหรือนักเศรษฐศาสตร์หลายคนเริ่มส่งสัญญาณเตือนเรื่องแนวโน้มเศรษฐกิจที่ไม่มั่นคงในประเทศไทยกันอีกแล้ว
ในฐานะผู้ประกอบการคนหนึ่งที่อยู่ในธุรกิจการค้าระหว่างประเทศหรือนำเข้าและส่งออกก็เริ่มกังวลกับความผันผวนของค่าเงินบาทที่อาจเกิดขึ้นถ้ามีปัญหาเศรษฐกิจในประเทศขึ้นมาจริงๆ
ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนในแต่ละวันก็กระทบกับการคำนวณกำไรในแต่ละงวดอยู่แล้ว
ถ้าบาทอ่อนขึ้นมาเหมือนสมัย “ต้มยำกุ้ง” แล้ว
ไม่อยากจะคิดเลยว่าจะต้องทำอย่างไรให้ดำเนินกิจการต่อไปได้แบบไม่ห่วงหน้าพะวงหลัง
ถึงกิจการที่ทำอยู่ไม่ได้เป็นกิจการใหญ่มากนัก
แต่ความเสี่ยงในธุรกิจก็ไม่ได้น้อยไปกว่าธุรกิจไหนๆ เลย เมื่อสัญญาณเตือนมาแล้ว
เกิดจริงไม่เกิดจริงก็เตรียมพร้อมไว้ไม่เสียหลายค่ะ ส่วนตัวเองคิดแผนไว้หลายอย่าง
ใครมีไอเดียอะไรน่าสนใจ แบ่งปันกันบ้างนะคะ
- สร้างรูปแบบของธุรกิจในบริษัทไว้หลายๆ อย่าง
เพื่อป้องกันผลกระทบเมื่อมีปัญหาเศรษฐกิจเกิดขึ้นจริง เช่น ขายปลีก ขายส่ง
ทั้งในและต่างประเทศ
มีรูปแบบการบริการหลายแบบไว้ทั้งนำเข้าและส่งออกโดยเน้นสินค้าที่จำเป็นต่อการอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวัน
ฯลฯ
- เก็บเงินสดหมุนเวียนในมือเพียงพอจ่ายเงินพนักงานไปได้หลายๆ
เดือนโดยไม่กระทบเงินลงทุนด้านอื่นๆ
- เก็บเงินในสกุลเงินต่างๆ
ของประเทศที่ร่วมธุรกิจไว้บ้าง
กรณีเกิดค่าเงินผันผวนก็พอจะชดเชยผลกระทบที่เกิดขึ้นได้ไม่มากก็น้อย
- หาพันธมิตรทางธุรกิจไว้มากๆ
รักษาความสัมพันธ์ ช่วยเหลือและดูแลกันสม่ำเสมอ
เมื่อตอนเกิดปัญหาขึ้นจริงก็จะสามารถพยุงกันไปได้ตลอดรอดฝั่ง
- ควบคุมสต็อก
กรณีจำเป็นต้องสต็อกสินค้าให้ดูแลสินค้าหมุนเวียนอย่างใกล้ชิด
ให้มีสต็อกสินค้าคงค้างในมือน้อยที่สุด ใช้ระบบ Just
In Time ถ้าเป็นไปได้
- ขยันให้มากกว่าเดิมหลายเท่าในการเก็บเงินเตรียมความพร้อมรับมือ
ประเมินความเสียหายในด้านต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น
วิเคราะห์ความเสี่ยงในการลงทุนเรื่องใหม่ๆ
กรณีมีความจำเป็นต้องลงทุนเพิ่มเติม
- ศึกษาธุรกิจที่เกิดขึ้นและยังประสบความสำเร็จได้เมื่อเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในช่วง
“ต้มยำกุ้ง” ดูแนวคิด วิธีการดำเนินธุรกิจ มาปรับใช้และเตรียมความพร้อม
- คำนึงถึงความเสี่ยงระยะยาวในการเพิ่มกำลังคนเป็นพนักงานประจำ
พิจารณาการประกันความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับพนักงานในด้านต่างๆ
เพื่อรักษาความมั่นคงของบริษัทกรณีเกิดภาวะวิกฤต
- ให้พนักงานรับรู้ข่าวสาร ความเป็นไปของเศรษฐกิจและสัญญาณเตือนเป็นระยะ
ส่งเสริมและกระตุ้นการออมเงินของพนักงานไว้ใช้จ่ายยามฉุกเฉิน
- มีการสลับสับเปลี่ยนและสอนงานเพิ่มเติมให้พนักงานสามารถทำงานแทนกันได้หรือทำงานได้หลายอย่างขึ้น
กรณีที่วันข้างหน้าต้องใช้คนมากขึ้นในบางงานหรือลดจำนวนคนลงในบางงาน