ถาม-ตอบ ปัญหาในสีลนิเทศ
โดย พระมหาเอกกวิน ปิยวณฺโณ เลขที่ ๒
สาขาพุทธศาสตร์ คณะศาสนาและปรัชญา
๑. อะไรเป็นศีล ?
ธรรมทั้งหลายมีเจตนาเป็นต้นของบุคคลผู้เว้นจากโทษมีปาณาติบาตเป็นต้นก็ดี ของบุคคลผู้บำเพ็ญข้อวัตรปฏิบัติก็ดี เป็นศีล
๒. ที่เรียกว่าศีลเพราะอรรถว่ากระไร ?
ที่เรียกว่าศีลเพราะอรรถว่าเป็นสีลนะ (คือเป็นมูลราก) คือกิริยาที่รวมเอาไว้อย่างดี หมายถึงความที่กรรมในทวารมีกายกรรมเป็นต้น ไม่กระจัดกระจายโดยความมีระเบียบอันดีอย่าง
คือความเข้าไปรับไว้ หมายถึงความเป็นที่รองรับ โดยความเป็นที่ตั้งอาศัยแห่งกุศลธรรมทั้งหลายอย่าง
๓. อะไรเป็นลักษณะของศีล ?
สีลนะ ได้แก่ ความเป็นมูลราก เป็นลักษณะของศีล ท่านกล่าวว่า สีลนะ คือความเป็นมูลรากนั้นเป็นลักษณะของศีล หมายถึงความประพฤติเรียบร้อยทางกายกรรมวจีกรรมและการสำรวมในมโนกรรม หรือการที่กายใจมีความประพฤติชอบมีความสำรวมจนสามารถยังกุศลกรรมให้ประดิษฐานในใจได้กล่าวคือการที่คนสามารถเข้าถึงคุณธรรมต่างๆหรือสามารถน้อมนำคุณธรรมต่างๆมาปฏิบัติได้จริงเรียกว่าเป็นลักษณะของศีล
๔. อะไรเป็นรสของศีล ?
กิริยาที่กำจัดความทุศีล อีกอย่างหนึ่งคุณคือความหาโทษมิได้ ท่านกล่าวว่า ชื่อว่าเป็นรส คือเป็นหน้าที่ของศีล
๕. อะไรเป็นปัจจุปัฏฐานของศีล ?
ศีลนี้นั้นผู้รู้พรรณนาไว้ว่า มีความสะอาดเป็นปัจจุปัฏฐาน ได้แก่ความสะอาด ๓ คือ
ความสะอาดทางกาย ความสะอาดทางวาจา ความสะอาดทางใจ เป็นปัจจุปัฏฐาน
๖. อะไรเป็นปทัฏฐานของศีล ?
โอตตัปปะและหิรินั่นแล เป็นปทัฏฐานแห่งศีลนั้น เพราะเมื่อหิริและโอตตัปปะ มีอยู่ ศีลจึงจะเกิดขึ้นและตั้งอยู่ได้ เมื่อหิริและโอตตัปปะไม่มี ศีลก็เกิดไม่ได้ตั้งอยู่ไม่ได้
๗. ปริยันตปริสุทธิศีล หมายถึงอะไร ?
ปริยันตปริสุทธิศีล หมายถึง ศีลมีที่สุด มี ๕ ประเภท ได้แก่
๑. ศีลมีลาภเป็นที่สุด หมายถึงผู้ที่ละเมิดศีลเพราะลาภเป็นเหตุ
๒. ศีลมียศเป็นที่สุด หมายถึงผู้ที่ทุศีลเพราะเหตุแห่งยศถาบรรดาศักดิ์
๓. ศีลมีญาติเป็นที่สุด หมายถึงผู้ที่ทุศีลเพราะญาติเป็นสำคัญ
๔. ศีลมีอวัยวะเป็นที่สุด ได้แก่ผู้ที่ละเมิดสิกขาบทด้วยความกังวลในอวัยวะ
๕. ศีลมีชีวิตเป็นที่สุด ได้แก่ ผู้ที่ยอมทำลายศีลเพราะความรักในชีวิต
๘. อปรามัฏฐศีล หมายถึงอะไร ?
อปรามัฏฐศีล หมายถึง ศีลที่ไม่ถูกตัณหาและทิฏฐิจับ ได้แก่ ศีลอันสัมปยุตด้วยมรรคของพระเสขะทั้งหลาย กล่าวคือ ศีลของพระเสขบุคคล ๗ จำพวก
๙. ทายัชชบริโภค หมายถึงอะไร ?
ทายัชชบริโภค หมายถึง หมายถึงการบริโภคจตุปัจจัยของทายกโดยความที่ตนเป็นผู้มีคุณธรรมเหมาะสมกับความเป็นสมณะเป็นเชื้อสายของพระพุทธเจ้า กล่าวโดยสรุป คือการบริโภคปัจจัยของพระเสขะบุคคล ๗ จำพวก
๑๐. สังวรสุทธิ หมายถึงอะไร ?
สังวรสุทธิ หมายถึง ความหมดจดด้วยความสังวรคือสำรวม กล่าวคือ อินทรีย์สังวร การสำรวมอินทรีย์ ๖ เรียกว่าเป็น สังวรสุทธิ เพราะหมดจดด้วยการสำรวมโดยการตั้งมโนปณิธานว่า เราจักไม่ทำอย่างนี้อีก
๑๑. สัลลปนา หมายถึงอะไร ?
สัลลปนา หมายถึงการพูดเอาใจทายกทายิกา ได้แก่การพูดโดยแสดงการอ่อนน้อมต่อทายกทายิกาเพราะเกรงว่าทายกทายิกาจะไม่รัก ซึ่งเป็นกิริยาที่จัดอยู่ใน กุหนา คือการหลอกลวง
๑๒. อุนนหนา หมายถึงอะไร ?
อุนนหนา หมายถึง การพูดผูกมัดทายกายิกา เช่น พูดว่า เมื่อปีก่อนโยมถวายผ้าป่าตั้งหมื่นปีนี้ไม่ถวายหรือ ซึ่งเป็นการบีบบังคับให้ทายกทายิกาต้องถวายโดยความไม่เต็มใจ
๑๓. อารักขโคจร หมายถึง อะไร ?
อารักขโคจร หมายถึง การสำรวมระวังของภิกษุผู้เข้าไปสู่บ้าน ไม่วอกแวกสอดส่ายจนทำให้ไม่เป็นที่ศรัทธาเลื่อมใสของผู้พบเห็น กล่าวคือให้มีสติเป็นเครื่องกำกับอยู่ตลอดเวลาซึ่งพระฎีกาจารย์ได้อธิบายไว้ว่า สตินั่นเองเป็นอารักษ์
๑๔. อุปนิพัทธโคจร หมายถึงอะไร ?
อุปนิพัทธโคจร หมายถึง สติปัฏฐาน ๔ ได้แก่ กายานุปัสสนา เวทนานุปัสสนา จิตตานุปัสสนาและธรรมานุปัสสนา ซึ่งเป็นกิจอันภิกษุควรเจริญเป็นนิตย์
๑๕. ปณีตศีล หมายถึง อะไร ?
ปณีตศีล หมายถึง ศีลที่บุคคลประพฤติด้วยอิทธิบาทธรรมมีฉันทะเป็นต้นอย่างประณีต ชื่อว่า ปณีตศีล อีกความหมายหนึ่ง คือ ศีลที่บุคคลสมาทานอาศัยอริยภาวะด้วยความคิดว่า สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ดีเราควรทำ อีกอย่างหนึ่ง โลกุตตรศีลจัดเป็นปณีตศีล และศีลที่ประพฤติด้วยความประสงค์จะหลุดพ้นก็จัดเป็นปณีตศีล
๑๖. ปริกถา หมายถึงอะไร ?
ปริกถา หมายถึง การพูดจาหว่านล้อม คือการพูดล้อมไปล้อมมาจนทายกทายกต้องถวายให้ในที่สุด เช่น พูดว่า กุฏิของอาตมาเล็กไปนะคุณโยม หรือรถของพระอาจารย์คันนี้มันเก่าไปแล้ว เป็นต้น
๑๗. อานิสงส์ของศีลในคัมภีร์วิสุทธิมรรคจำแนกไว้อย่างไรบ้าง ?
อานิสงส์ของศีลในคัมภีร์วิสุทธิมรรคจำแนกไว้เป็น ๔ จำพวก ดังนี้
จำพวกที่ ๑ ศีลมีความไม่ต้องเดือดร้อนใจเป็นผลดังที่พระพุทธองค์ตรัสว่า ดูกรอานนท์ ก็แลศีลแลเป็นกุศล มีความไม่ต้องเดือดร้อนใจเป็นผล มีความไม่ต้องเดือดร้อนใจเป็นอานิสงส์
จำพวกที่ ๒ อานิสงส์ของศีลมี ๕ ประการ ได้แก่
๑. ย่อมได้ประสบกองโภคะใหญ่ เพราะเหตุความไม่ประมาท
๒. กิตติศัพท์ชื่อเสียงย่อมฟุ้งกระจายไป
๓. จะเข้าไปสู่ท่ามกลางประชุมชนได้อย่างองอาจกล้าหาญไม่เก้อเขิน
๔. ไม่หลงทำกาลกิริยา
๕. เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตกย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์
จำพวกที่ ๓ อานิสงส์ของศีลมีความเป็นที่รักที่ชอบใจเป็นเบื้องต้นและมีความสิ้นอาสวะเป็นที่สุด
จำพวกที่ ๔ อานิสงส์ของศีลมี ประการ ได้แก่
๑. ย่อมชำระมลทินของสรรพสัตว์ได้
๒. มีความเย็นระงับความเร่าร้อนให้แก่สรรพสัตว์ได้
๓. มีกลิ่นที่ขจรกระจายไปได้ในทุกที่ (หมายถึงกลิ่นความดี)
๔. เป็นบันไดขึ้นสู้สวรรค์
๕. เป็นประตูสู่พระนิพพาน
๖. มีความงดงามกว่าเครื่องประดับทั้งปวง
๗. ย่อมกำจัดภัยมีอัตตานุวาทภัยเป็นต้นได้
๘. ย่อมยังชื่อเสียงและความเริงร่าให้เกิด
ไม่มีความเห็น