เดิมผมจะตั้งชื่อเรื่องว่า "ชอบข้างหน้า หรือข้างหลัง" แต่นึกขึ้นได้ว่ามันฟังดูสองแง่สามง่ามเกินไป คนอาจรู้สึกว่าไม่สุภาพ เราจะ ลปรร. วิธีคิด (และวิธีทำงาน) แบบ "โปรอดีต" เทียบกับวิธีใหม่หรือวิธีแนว KM ซึ่งผมเรียกว่า "โปรอนาคต"
ที่จริงการขึ้นต้นความคิดแบบนี้ผิดนะครับ เพราะเป็นวิธีคิดแบบแยกส่วน แยกขั้ว แยก ถูก-ผิด ดำ-ขาว วิธีคิดแบบ KM ต้องไม่ either-or แต่ต้องคิดแบบ both-and ดังนั้น เราควรมีวิธีคิดทั้งแบบ "โปรอดีต" และ "โปรอนาคต" ไปพร้อมๆ กัน ใช้วิธีคิดทั้งสองแบบให้สนธิพลังกัน (ในยุคปฏิรูปฯ เช่นนี้ คำว่าสนธิ ดูจะยิ่งมีพลังนะครับ) ผมใช้คำว่าสนธิพลังในความหมายของ synergy
แต่ประสบการณ์ในการทำ KM สอนผมว่า ยังมีวิธีคิดอีกแบบหนึ่ง ซึ่งถ้ารู้จักนำมาใช้ จะสามารถส่งพลังขับเคลื่อนโครงการไปสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ได้ง่ายขึ้น และทำให้บรรยากาศการทำงานมีความเครียดน้อยลง มีความสุขมากขึ้น ผมเรียกวิธีคิดแนวนี้ว่าแนว KM
วิธีคิดที่คนทั่วไปคุ้นเคยเวลานำเสนอผลงานของโครงการ หรือเวลาฟังการนำเสนอ คือวิธีคิดแบบ "โปรอดีต" หรือตรวจสอบผลงานที่มาจากการกระทำในอดีตโดยเราไม่รู้ตัว เรามักจะมองภาพรวมว่าผลงานอยู่ในเกณฑ์ดีเลิศ ดีมาก ดี พอใช้ หรือใช้ไม่ได้ (ผมไม่ชอบใช้คำว่าล้มเหลว เพราะแม้จะไม่ประสบผลสำเร็จ แต่ก็จะมีสิ่งดีๆ ให้เราได้เรียนรู้เสมอ) การคิด/ประเมิน แบบนี้เป็นแนวของการตัดสินผลงาน เป็นแนวของการประเมินเพื่อประเมิน เป็นโลกทัศน์แบบประเมินเพื่อติดตามตรวจสอบว่าได้ผลงานตรงเป้าหรือตามแผนหรือไม่ นี่คือโลกทัศน์แบบกระแสหลักในปัจจุบัน
ยังมีโลกทัศน์อีกแบบหนึ่ง ที่เมื่อมีการนำเสนอผลงานหรือประเมินผลงาน มีการตั้งคำถามว่าผลงานส่วนไหนที่ได้ผลดีน่าชื่นชมเป็นอย่างยิ่งตามเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ ถ้าไม่มีผลงานใหญ่ๆ เข้าขั้นดังกล่าว ยกผลงานเล็กๆ ขึ้นมาเสนอก็ได้ และขอให้นำเสนอด้วยว่าผลสำเร็จที่น่าภาคภูมิใจเช่นนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร เกิดจากความคิดอย่างไร ของใคร มีใครบ้างร่วมกันทำงานนั้น ได้ร่วมกันฟันฝ่าอุปสรรคอย่างไรบ้างจนประสบความสำเร็จ ถ้าต้องการให้เกิดความสำเร็จในทำนองเดียวกัน ควรดำเนินการอย่างไรบ้าง จะขยายความสำเร็จนั้นให้กว้างขวางขึ้นได้อย่างไร จะทำให้ความสำเร็จนั้นยิ่งลึกซึ้งขึ้นอีกได้อย่างไร
เราอาจเรียกโลกทัศน์แบบหลังนี้ว่าโลกทัศน์แบบพุ่งเป้า มุ่งหาความสำเร็จมาทำความเข้าใจและขยายผล เป็นโลกทัศน์ที่มุ่งเน้นการสร้างความสำเร็จในอนาคต โดยขยายจากความสำเร็จเล็กๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน
อาจจะเรียกว่า โลกทัศน์ AI - Appreciative Inquiry ก็ได้
วิจารณ์ พานิช
๒๒ กย. ๔๙
ไม่มีความเห็น