กฏหมายลักษณะนิติกรรมและสัญญา


กฏหมายลักษณะนิติกรรมและสัญญา


กฎหมายลักษณะนิติกรรม


นิติกรรม[1] เป็นเรื่องที่สำคัญมาก ถือเป็นหัวใจของกฎหมายแพ่งและเป็นพื้นฐานของกฎหมายแพ่ง


นิติกรรม หมายถึง การใดๆอันกระทำลงชอบโดยกฎหมายและด้วยใจสมัคร มุ่งโดยต่อการผูกนิติสัมพันธ์ขึ้นระหว่างบุคคล เพื่อจะก่อ เปลี่ยนแปลง โอน สงวน หรือ ระงับซึ่งสิทธิ

เช่น การทำพินัยกรรม การรับบุตรบุญธรรม การปลดหนี้ เป็นต้น




นิติกรรม กับ นิติเหตุ


ทั้งนิติกรรมและนิติเหตุต่างก็เป็นมูลเหตุแห่งความสัมพันธ์ทางกฎหมายทั้งสิ้น แต่จะมีข้อแตกต่างคือ



  • นิติกรรม เกิดจากความสมัครใจของบุคคลที่จะผูกพันตามกฎหมาย เช่นการทำสัญญา การสมรส



  • นิติเหตุ เป็นสิ่งที่บุคคลมิได้สมัครใจที่จะผูกพันกับบุคคลอื่นแต่เพราะมีเหตุการณ์หรือการกระทำบางอย่างเกิดขึ้น ซึ่งกฎหมายกำหนดให้บุคคลเหล่านั้นมีความผูกพันกัน แม้ใจจริงเขาจะอยากมีความผูกพันหรือไม่ก็ตาม


ตัวอย่าง


นายพจน์ขับรถยนต์ด้วยความประมาทชนรั้วบ้านนางเพ็ญจันทร์พังเสียหาย : จะเห็นได้ว่านายพจน์มิได้อยากจะมีความสัมพันธ์อะไรกับนางเพ็ญจันทร์เลยแม้แต่น้อย แต่การกระทำเช่นว่านี้ หากกฎหมายไม่กำหนดความสัมพันธ์เอาไว้ นางเพ็ญจันทร์ก็อาจไม่ได้รับความเป็นธรรม ดังนั้น กฎหมายจึงบังคับให้นายพจน์มีความผูกพันตามกฎหมายที่จะต้องจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่นางเพ็ญจันทร์ตามกฎหมายลักษณะละเมิด


แม้นายพจน์จะไม่สมัครใจจ่ายค่าเสียหาย กฎหมายก็บังคับให้จ่าย


เหตุแห่งความผูกพันตามกฎหมาย

                                                         (มูลเหตุแห่งหนี้)




    นิติกรรม                                                                    นิติเหตุ


-สัญญา -  ละเมิด


-การบอกล้างโมฆียะกรรม               - จัดการงานนอกสั่ง


-การหมั้น                 -  ลาภมิควรได้


-การทำคำเสนอ                                              - เหตุอื่นๆตามที่
                                                                                        กฎหมายได้บัญญัติ

-การทำพินัยกรรม



นิติกรรมมีอยู่  2 ชนิดคือ


1. นิติกรรมฝ่ายเดียว คือ นิติกรรมที่ผู้กระทำสามารถทำได้โดนฝ่ายเดียวโดยไม่ต้องอาศัยบุคคลอื่นให้มีปฏิกิริยากลับมา เช่น การทำคำเสนอ การให้คำมั่น การบอกล้างโมฆียกรรม การบอกเลิกสัญญา เป็นต้น


2. นิติกรรม ฝ่าย คือ นิติกรรมที่ต้องอาศัยการมีปฎิกิริยาระหว่างบุคคลผู้ทำนิติกรรมและผู้รับการกระทำ นิติกรรมจึงจะมีผล นิติกรรม  2 ฝ่ายเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าสัญญา

                         ความสมบูรณ์ของนิติกรรม


1. นิติกรรมที่สมบูรณ์ คือ นิติกรรมที่มีผลผูกพันตามกฎหมาย
2.  นิติกรรมที่ไม่สมบูรณ์ แบ่งออกเป็น  2  ประเภทได้แก่

  2.1 โมฆะกรรม หรือ นิติกรรมที่เป็นโมฆะ คือ นิติกรรมเสียเปล่า ใช้ไม่ได้มาตั้งแต่ต้น ผู้กระทำย่อมไม่มีความผูกพันตามกฎหมายอย่างใดทั้งสิ้น


               2.2 โมฆียกรรม หรือ นิติกรรมที่เป็นโมฆียกรรม คือนิติกรรมที่มีข้อบกพร่องซึ่งอาจมีการบอกล้างหรือมีการให้สัตยาบันในภายหลัง


>>>ถ้ามีการบอกล้าง  = นิติกรรมจะกลายเป็นโมฆะแต่ต้น

>>>ถ้ามีการให้สัตยาบัน = นิติกรรมก็จะกลายเป็นนิติกรรมที่สมบูรณ์




ในระหว่างที่ยังไม่ได้มีการบอกล้างหรือให้สัตยาบันนิติกรรมที่เป็นโมฆียะนิติกรรมนั้นก็ยังคงสามารถบังคับตามกฎหมายได้


เหตุที่ทำให้นิติกรรมไม่สมบูรณ์

[img border="0" src="http://4.bp.blogspot.com/-8CM7me-Q0Pg/Tz94UNG6EBI/AAAAAAAAABU/ali-cKuAH2I/s1600/CV_ToLove.jpg" >


ก)เหตุที่ทำให้นิติกรรมเป็นโมฆะ ที่สำคัญมีอยู่ ประการ ได้แก่


1. นิติกรรมที่มีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมาย


เช่น สัญญาซื้อขายยาบ้า สัญญารับจ้างฆ่าคน


2. นิติกรรมที่เป็นการพ้นวิสัย


เช่น จ้างแท็กซี่ให้ไปส่งที่ดวงจันทร์


3. นิติกรรมที่เป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน


เช่น การทำสัญญาตกลงอยู่กินกันฉันสามีภริยาสามคน 



4.นิติกรรมที่ไม่ทำตามแบบที่กฎหมายกำหนด
           แบบของนิติกรรม คือการที่กฎหมายกำหนดไว้ว่า  หากจะทำนิติกรรมประเภทนี้  จะต้องมีวิธีการทำให้เหมือนกับที่กฎหมายกำหนดไว้  วิธีการที่กฎหมายกำหนดไว้ให้ทำตาม  ก้คือแบบนั่นเอง


แบบของนิติกรรมมีหลายแบบ  แล้วแต่ว่านิติกรรมชนิดนั้นจะกำหนดไว้เช่นไร เช่น


-การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์และสังหาริมทรัพย์บางชนิด กฏหมายกำหนด     แบบไว้คือ ต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนกับพนักงานเจ้าหน้าที่


-การจำนอง แบบคือ ต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนกับพนักงานเจ้าหน้าที่


-การเช่าซื้อ แบบคือ ต้องทำเป็นหนังสือ


-การจัดตั้งบริษัท แบบคือ ต้องจดทะเบียนต่อเจ้าหน้าที่


-การสมรส แบบคือ ต้องจดทะเบียนสมรส


5. การแสดงเจตนาลวง คือการสมรู้ ร่วมคิดกับคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่ง  โดยทำนิติกรรมเพื่อแสดงออกต่อบุคคลภายนอกแต่ในใจจริงมิได้มุ่งประสงค์ตามนั้น


6.นิติกรรมอำพราง คือ การที่บุคคลทำนิติกรรมขึ้นมา2 อย่าง โดยอย่างหนึ่งเป็นนิติกรรมที่ไม่ได้มีเจตนาที่จะทำกันจริงๆ (แสดงเจตนาลวง) แต่เป็นนิติกรรมที่แสดงออกให้บุคคลภายนอกเห็นและมีนิติกรรมอีกอันหนึ่งที่แอบทำกันลับๆ ซึ่งประสงค์จะผูกพันกันจริง


นิติกรรมที่ทำขึ้นมาบังหน้า เรียกว่านิติกรรมอำพราง ตกเป็นโมฆะ


นิติกรรมที่แอบซ่อนเอาไว้ เรียกว่า นิติกรรมที่ถูกอำพราง มีผลสมบูรณ์


7.การแสดงเจตนาโดยสำคัญผิดในสาระสำคัญ ได้


-สำคัญผิดในลักษณะของนิติกรรม


-สำคัญผิดในตัวบุคคลที่เป็นคู่กรณี


-สำคัญผิดในทรัพย์อันเป็นวัตถุแห่งนิติกรรม


ข)เหตุที่ทำให้นิติกรรมเป็นโมฆียะ ที่สำคัญมีอยู่  4 ประการ ได้แก่


1. นิติกรรมที่ผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ กระทำลงโดยปราศจากความยินยอมจากผู้แทนโดยชอบธรรม ผู้อนุบาล ผู้พิทักษ์ แล้วแต่กรณี


2.การแสดงเจตนาโดยสำคัญผิดในคุณสมบัติของบุคคลหรือทรัพย์สิน 


3.การแสดงเจตนาเพราะถูกกลฉ้อฉล คือ การแสดงเจตนาเพราะถูกหลอก


4.การแสดงเจตนาเพราะถูกข่มขู่



 ระยะเวลาในการบอกล้างหรือให้สัตยาบัน

การบอกล้างหรือให้สัตยาบันนั้นมิใช่ว่าจะสามารถทำเมื่อไรก็ได้ กฎหมายจะกำหนดระยะเวลาเอาไว้ ถ้าเลยจากที่กฎหมายกำหนด ก็จะไม่สามารถทำได้ระยะเวลาที่กฎหมาย

กำหนดไว้คือ “ ไม่เกิน 1 ปี นับตั้งแต่วันที่รู้เหตุแห่งความเป็นโมฆียะนั้น แต่ต้องไม่เกิน 10 ปี นับตั้งแต่วันทำนิติกรรม  











--------------------

[1]ธันวคม จุลรุจน พุทธมิลินประทีป,เดอะ โรค ทู ลอว์  (เล่ม1), (กรุงเทพ : เดอ จูเร่ ,2551),59
[2]พวงผกา บุญโสภาคย์ และประสาน บุญโสภาคย์ ,กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยเรื่องนิติกรรมและสัญญา มหาวิทยาลัยรามคำแหง, พิมพ์ครั้งที่ 4 (กรุงเทพ : นิติธรรม , 2549),36



บรรณานุกรม


ธันวคม จุลรุจน พุทธมิลินประทีป . เดอะ โรค ทู ลอว์  (เล่ม1) กรุงเทพ : เดอ จูเร่              ,2551.


จิตติวัฒน์ ทองนวล และคนอื่นๆ .หนังสือคู่มือเตรียมสอบเข้า นิติศาสตร์. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพ :วิทยการพิมพ์,2546


พวงผกา บุญโสภาคย์ และประสาน บุญโสภาคย์ . กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยเรื่องนิติกรรมและสัญญา มหาวิทยาลัยรามคำแหง . พิมพ์ครั้งที่ 4กรุงเทพ : นิติธรรม , 2549



ศนันท์กรณ์ โสตถิพันธุ์.  อธิบายศัพท์นิติกรรม-สัญญา.พิมพ์ครั้งที่ 2 กรุงเทพ :นิตินาถ, 2551

ปริญญา ศรีเกตุ . คำอธิบายกฏหมายลักษณะนิติกรรมสัญญา. กรุงเทพ : สูตรไพศาล ,2550



หมายเลขบันทึก: 530518เขียนเมื่อ 18 มีนาคม 2013 10:23 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 มีนาคม 2013 10:23 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท