ไวรัส
ไวรัสคอมพิวเตอร์เป็นโปรแกรมประเภทหนึ่ง โดยเรามักจะเรียกและโทรจันต่างๆ ว่า Malware หรือ Badware หมายถึงโปรแกรมที่มีวัตถุประสงค์ไม่ดี เมื่อไวรัสเข้ามาอยู่ในคอมพิวเตอร์แล้ว อาจจะนำความเสียหายแก่ข้อมูลในฮาร์ดดิสก์หรือรบกวนการทำงานของระบบปฏิบัติการ โดยทั่วไปแล้ว ไวรัสจะสามารถทำสำเนาตัวเองได้ ซึ่งหมายความว่าไวรัสจะเพิ่มปริมาณได้เองในคอมพิวเตอร์ นอกจากนี้ไฟล์ที่มีไวรัสเมื่อมีการเรียกใช้ หรือทำสำเนาไปยังคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น คอมพิวเตอร์เครื่องนั้นก็จะติดไวรัสประเภทเดียวดันไปด้วย
ประเภทของไวรัสไวรัสมีอยู่หลายประเภท โดยแบ่งเป็นประเภทใหญ่ๆ ได้ดังนี้
ไฟล์ไวรัส (File virus) เป็นเประเภทไวรัสที่ใหญ่ที่สุด โดยไวรัสประเภทนี้จะซ่อนตัวเองไปกับไฟล์ ซึ่งโดยมากมักเป็นไฟล์ประเภทโปรแกรม
บู๊ตเซ็กเตอร์ไวรัส (Boot Sector Virus) เป็นไวรัสประเภทที่ติดทางแผ่นดิสก์เก็ตและฮาร์ดดิสก์ ตัวไวรัสจะทำงานโหลดตัวเองขึ้นมาก่อนระบบปฏิบัติการ
มาโครไวรัส (Macro Virus) เปฌนไวรัสประเภทใหม่ซึ่งจะใช้ลักษณะพิเศษของโปรแกรมที่มีการเขียนโปรแกรมด้วยมาโคร ไวรัสประเภทนี้จะไม่เกมือนกับประเภทอื่น เพราะมาโครไวรัสจะไม่ติดกับโปรแกรม แต่จะติดเฉพาะกับไฟล์เอกสาร
ไวรัสโฮแอ็กซ์ (Virus Hoax) เป็นไวรัสประเภทที่ไม่มีอยู่จริง แม้ว่าจะมีการค้นพบไวรัสพันชนิดในแต่ละปี แต่ก็ยังมีไวรัสบางชนิดที่เราเพียงแค่ทึกทักว่ามันมี ซึ่งเราจะเรียกว่าไวรัสโฮแอ็กซ์นั่นเอง โดยจะเป็นไวรัสที่ไม่มีอยู่จริงแต่เป็นเพียงแค่ข่าวลือหรือสิ่งที่เราคิดกันไปเองเท่านั้น
หนอนไวรัส (Worm) โดยที่จริงแล้วหนอนไวรัสยังไม่ถือว่าเป็นไวรัสเสียทีเดียว เนื่องจากจะไม่ติดกับโปรแกรมใดๆ หนอนไวรัสอาจจะเป็นโปรแกรมนึ่งหรือชุดคำสั่งโปรแกรม ซึ่งสามารถทำสำเนาได้เอง และจะติดกับคอมพิวเตอร์ในระบบเครือข่าย (Network) เป้าหมายของหนอนไวรัสคือ การโจมตีผ่านเครือข่าย ซึ่งมีตั้งแต่ขัดขวางการทำงานไปจนถึงทำให้เครือข่ายล่มเลยทีเดียว
สปายแวร์นอกจากไวรัสแล้ว ยังมีโปรแกรมอีกประเภทหนึ่งซึ่งมีลักษณะการทำงานเข้าข่ายไวรัสแต่ยังไม่ใช่ไวรัสเสียทีเดียว นั่นก็คือโทรจัน (Trojan Horse) เหตุผลที่โทรจันไม่ใช่ไวรัสก็เพราะว่ามันไม่ได้ทำสำเนาเหมือนกับไวรัสทั่วไป แต่จะทำงานแบบซ่อนเร้นอยู่เบื้องหลังโปรแกรมทั่วไปอีกทีหนึ่ง เช่น แอบดูข้อมูลการใช้งานคอมพิวเตอร์ของเราโดยที่ไม่รู้ตัว เป็นต้น
สปายแวร์มีลักษณะการทำงานของโทรจันอยู่ด้วยส่วนหนึ่งเหมือนกัน แต่สปายแวร์อาจจะไม่ได้แค่แอบดูข้อมูลเท่านั้น เพราะสปายแวร์จะมีลักษณะการทำงานของไวรัสเข้ามาด้วย เช่น ทำให้การทำงานของคอมพิวเตอร์ผิดปกติ เป็นต้น โดยทั่วไปแล้ว สปายแวร์มักออกแบบมาให้ยากต่อการกำจัดออกจากระบบ
สปายแวร์หมายถึง อุปกรณ์ในการสืบความลับ เช่น กล้องขนาดเล็ก แต่ว่าในปี 2542 บริษัท โซนแล็บผู้คิดค้นโปรแกรม Zone Alarm ได้นำคำว่าสปายแวร์ก็ได้มีการนำไปใช้อย่างแพร่หลายมากขึ้น
การที่เราได้รับอีเมลขยะมากขึ้น ส่วนหนึ่งก็มากจากการที่เราถูกสปายแวร์ส่งข้อมูลไปให้ผู้อื่นด้วยเช่นกัน โดยข้อมูลที่ส่งไปก็ทำให้สามารถคาดเดาได้ว่าผู้นั้นพฤติกรรมอย่างไร
ประเภทของสปายแวร์ยังมีโปรแกรมบางตัวที่จัดอยู่ในประเภทสปายแวร์ด้วย แต่อาจจะมีพิษสงน้อยกว่าสปายแวร์ตัวอื่น ซึ่งถึงแม้จะไม่ได้มีอันตรายมากนัก แต่ก็สามารถสร้างความรำคาญให้เราได้ไม่น้อยเลยดีเดียว โดยเราสามารถพบได้บ่อยๆ อยู่ 2 ตัวด้วยกัน คือ
1. Adware เป็นโปรแกรมที่จะคอยส่งแบนเนอร์โฆษณามาที่คอมพิวเตอร์ของเรา สาเหตุที่เราจัดให้ Adware เป็นสปายแวร์ก็เพราะมีส่วนประกอบของโปรแกรมที่ทำให้สามารถติดตามข้อมูลของผู้ใช้และส่งข้อมูลนั้นออกไปที่อื่นได้
2. Cookie เป็นส่วนประกอบหนึ่งที่ใช้เก็บข้อมูลเกี่ยวกับผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ต แต่โดยปกติแล้วการใช้งานคุกกี้กไม่ใช่เรื่องลับอะไร เนื่องจากผู้ใช้งานสามารถกำหนดได้ว่าต้องการใช้งานคุกกี้เมื่อไรก็ได้นั่นเอง แต่ว่าข้อมูลเกี่ยวกับตัวเราที่ทางเว็บไซต์เก็บไว้ในคุกกี้นั้น อาจจะเป็นข้อมูลที่เราไม่ทราบก็ได้ ดังนั้น เราจึงพิจารณาว่าคุกกี้เป็นรูปแบบหนึ่งของสปายแวร์ก็ได้เช่นกัน
วิธีสังเกตไวรัสและสปายแวร์เพื่อความปลอดภัยในการเล่นอินเตอร์เน็ตของคุณ โดยเลือกเอาแต่เฉพาะวิธีการที่คิดว่าค่อนข้างมีประสิทธิภาพมานำเสนอดังนี้
ทูลบาร์ให้โหลดมาติดตั้งตามเว็บต่างๆ มีแนวโน้มสูงมากกว่าจะเป็นสปายแวร์
อ่านข้อตกลงของซอฟแวร์ที่เราจะใช้งานให้ดี เพราะบางตัวอาจจะมีข้อตกลง โดยเขียนเป็นนัยๆ ว่าจะต้องมีการทำงานในลักษณะเหมือนสปายแวร์ด้วย แต่โดยมากทางผู้ผลิตมักจะเขียนอ้อมๆ ให้เรางงและอ่านเข้าใจยากทำให้ต้องหลงกลอยู่บ่อยๆ
ไฟล์ที่แนบมากับอีเมลจากคนที่ไม่รู้จักมักจะเป็นไวรัสเสียส่วนใหญ่
โปรแกรมแชร์ไฟล์โดยมากมักจะเปิดโอกาสให้สปายแวร์เข้ามาได้ง่ายขึ้น โดยให้พยายามสังเกตว่ามีไฟล์ไหนที่เราไม่รู้จักแล้วเข้ามาอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราบ้างหรือเปล่า ถ้ามีแสดงว่าโปรแกรมแชร์ไฟล์นั้นไม่มีระบบป้องกันภัยที่ดีพอ ดังนั้น จึงควรเลิกใช้โปรแกรนั้นไปได้เลย
เว็บบางเว็บที่เมื่อเข้าไปแล้วต้องการเราติดตั้งโปรแกรมบางตัวนั้น ถ้าไม่ใช่โปรแกรมที่เรารู้จักกันดีส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นสปายแวร์
จากข้อมูลที่ได้จากหนังสือเคล็ดลับจัดการVirus & Spyware
จากความคิดของดิฉันแล้ว ไวรัสและสปายแวร์นั้นก็มีอยู่หลายประเภทเราควรจำแนกและแยกแยะประเภทของมันให้ถูกต้อง ไม่งั้นเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราเวลาติดไวรัสแล้ว เราจะไม่รู้ได้เลยว่าเราควรจะแก้ไขและไวรัสที่ติดในคอมพิวเตอร์เรานั้นเป็นประเภทไหน
อืม ไวรัสมันเยอะจังเลยเดียวนี้ จะเปิดไปหน้าเว็บไหนก็เจอไวรัสบ้าง สปายแวร์บ้าง มีโปรแกรมกำจัดดีๆก็ต้องเสียตังบ้าง บางตัวก็ดี บางตัวก็ไม่ดี
ฝนน่าจะบอกโปรแกรมป้องกันด้วยก็ดีนะ ตัวไหนที่คิดว่าใช้แล้วดีอะ
ขอบคุณสำเนื้อหาดีๆ
ขอบคุณคัพ
ถ้าเครื่องมีไวรัสแล้ว ก็ดีแล้วไง จะได้ไม่ต้องกลัวว่าจะโดนไวรัสจากไหนอีก
เราก็จะได้ใช้คอมได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกลัวไวรัสอีกต่อไป
thank you so...
เป็นความรู้ที่ดีเลยทีเดียวขอบคุณคับ >/<