"คนน่าอิจฉา"


...เย็นวันหนึ่ง  ในขณะที่หลานเดินขึ้นมาบนบ้าน  ปู่ก็ได้เรียกให้เข้าไปหา

ปู่ :  ไอ้เม..ระหว่างคนน่าสงสาร กับคนน่าอิจฉา แกจะเลือกเป็นอะไร ?

หลาน : เ่อ่อ...เป็นคนน่าสงสารดีกว่า 

ปู่ : โง่ !  

หลาน : อ้าว ทำไมล่ะปู่  ก็คนที่น่าสงสารก็จะได้มีคนมาสงสารไง เหมือนนางเอกในละครน่ะ เป็นคนอิจฉาก็ไม่ดีน่ะสิ เหมือนนางร้ายในละคร ใครๆก็อยากเป็นนางเอกทั้งนั้นแหละปู่

ปู่ : โง่  เป็นทำไมคนน่าสงสาร ให้เขามานั่งสงสารเรา สมเพช สู้เป็นคนที่น่าอิจฉาดีกว่า ถ้าเขามาอิจฉาเรา แสดงว่าเรามีดีให้เขาอิจฉา แต่ถ้าเราทำตัวน่าสงสาร แสดงว่าเราไม่มีดีอะไรเลย คนอื่นเลยมาสงสาร สมเพชเรา

หลาน : ??   เหรอ  เอ่อ  งั้นมั้งปู่

ว่าแล้วหลานก็ลุกจากไป

..............................................................................................................................................................

จากเหตุการณ์ในวันนั้น หลานซึ่งยังเยาว์วัย จึงไม่สามารถเข้าใจความหมายที่ปู่ได้เพียรอธิบายได้ทั้งหมด ได้แต่งงๆว่า การที่เราเป็นคนที่น่าอิจฉามันดีตรงไหน  นางร้ายในละครยังไม่มีใครรักเลย  แต่อีกใจหนึ่งก็เริ่มเห็นด้วยกับสิ่งที่ปู่พยายามอธิบาย

จนมาถึงทุกวันนี้ หลานเริ่มคิดได้แล้วว่า สิ่งที่ปู่ได้อธิบายเป็นอย่างไร คำสอนของปู่แฝงไปด้วยเชาว์ปัญญาที่แยบยลนัก หลานจึงพยายามทำตนให้เป็นคนที่น่าอิจฉามากกว่าทำตนให้เป็นที่น่าสงสารอย่างที่ปู่สอน...

ด้วยรักและคิดถึง

หลาน...ผู้โง่เขลา

หมายเลขบันทึก: 520287เขียนเมื่อ 21 กุมภาพันธ์ 2013 23:37 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 กุมภาพันธ์ 2013 00:33 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท