การประชุมวิชาการ
"สร้างสรรค์นวตกรรมสร้างเสริมสุขภาพชุมชนจังหวัดพัทลุง" ระหว่างวันที่
26-27 กันยายน 2548 ณ โรงแรม บีพีแกรนด์ทาวเวอร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
ก็ได้ผ่านพ้นไปด้วยดี
และทุกฝ่ายก็ร่วมกันทำงานตามหน้าที่อย่างมีความสุข
ต้องขอขอบคุณแทนผู้ที่ได้รับผลดีจากการดำเนินงานครั้งนี้ด้วย
ปีนี้มีการส่งผลงานทั้งสิ้น 25 เรื่อง มีการตัดสินกันปก่อนล่วงหน้า
บนเวทีก็เลือกเฉพาะผลงานที่ได้ลำดับที่ 1 – 3
ทั้งผลการวิจัยและผลการดำเนินงานไปนำเสนอ
และทุกผลงานก็ขอให้นำเสนอด้วยโบสเตอร์ไว้ที่หน้างาน
บรรยากาศที่เห็นคือ ในห้องประชุมมีคนนั่งกันเต็มไปหมด ไม่มีที่ว่างเลย
ตอนพักรับประทานอาหารว่าง
มีผู้เข้าประชุมเป็นจำนวนมากไปเดินดูผลงานของเพื่อน ๆ ที่นำเสนอไว้
นี่เป็นดัชนีที่สำคัญว่างานนี้สำเร็จหรือไม่ ควรจะจัดต่อไปหรือไม่
งานนี้มีกลุ่มเยาวชนจากชุมชนเกาะเรียนได้นำเสนอด้วย 1 เรื่อง
แต่ในการตัดสินนั้นจะไม่ได้รับการตัดสินเนื่องจากมีข้อยกเว้นไว้
ซึ่งก็น่าเสียดายมาก
ในมุมมองของผมจึงอยากเสนอว่าการประกวดควรจะได้ประชาสัมพันธ์ไว้ตั้งแต่ต้นปี
ว่ามีทิศทางในประเด็นอะไร (กว้าง ๆ) โดยควรให้มีประเภทและระดับให้มาก
ๆ หน่อย เพื่อจะได้มีผลงานเข้าสู่การประกวดมาก ๆ
และเป็นผลลงานที่ทำจริงกับมือ ไม่ใช่เขียนมากับมือ
ควรเปิดรับจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาคราชการ ส่วนท้องถิ่น
และภาคเอกชน จะเป็นผลงานจาก อวช.ก็ได้ แต่ควรเว้นสาระนิพนธ์
และวิทยานิพนธ์ ซึ่งปีนี้ไม่จำกัดส่วนนี้ จึงทำให้การพิจารณายากลำบาก
ทั้งนี้ต้องให้เป็นผลงานหรือการวิจัยที่ดำเนินการในจังหวัดพัทลุงเท่านั้น
สำหรับระดับและประเภทอยากให้เป็นไปในลักษณะนี้ คือ
ระดับหน่วยงานสนับสนุนด้านสาธารณสุข (สสอ. สสจ. อบจ.)
ระดับหน่วยบริการระดับอำเภอหรือเทียบเท่า (รพท. รพช.)
และระดับหน่วยงานหรือหน่วยบริการระดับปฐมภูมิ (สอ. ศสช. เทศบาล อบต.)
ในส่วนของประเภทก็ควรจะมีประเภทผลงานเด่น การวิจัย
หรือกรณีศึกษาผู้ป่วยหรือกรณีศึกษาเชิงสังคมที่ Case น้อย ๆ
รวมเบ็ดเสร็จก็จะได้ประเภททั้งหมด 6 ประเภท ประเภทละ 3 รางวัล
ทั้งหมดจะมี 18 รางวัล ประเด็นสำคัญคือ
รางวัลใดที่ผลงานไม่ถึงเกณฑ์ที่ควรได้รับก็ให้ข้ามส่วนนั้นเสีย
เช่นรางวัลที่ 2 ประเภทการวิจัย ระดับหน่วยงานสนับสนุนด้านสาธารณสุข
ไม่มีผลงานเหมาะสม อย่างนี้เป็นต้น
ที่นำเสนออย่างนี้ก็เพราะถอดจากสิ่งที่กรรมการได้พูดถึงความยากลำบากในการตัดสิน
แต่ลองเปลี่ยนความยากลำบากนั้นมาเป็นความยากลำบากในการจัดการซึ่งอาจจะเพิ่มขึ้นสักเล็กน้อย
แต่เป็นการเพิ่ม Empowerment ให้แก่เจ้าหน้าที่อย่างใหญ่หลวงนัก
กรณีเช่นนี้ให้ลองไปศึกษาได้จากบริษัทประกันชีวิต ที่มีการเพิ่ม
Empowerment ให้แก่ทีมขายอย่างไร เกือบทุกแห่งมีวิธีคิดคล้าย ๆ กัน
และได้ผลมาตลอด
ไม่มีความเห็น