เรียงความชีวิต...เหนื่อยไหม...คนดี..เมื่อฉันอ่านเรียงความของลูกศิษย์คนนี้แล้ว..ฉันจึง..


สวัสดีครับผมชื่อเล่น พี อายุ 18 ปี กำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ สายวิทย์-คณิตศาสตร์ โรงเรียนพบพระวิทยาคม อำเภอพบพระ จังหวัดตาก ปัจจุบันได้อาศัยอยู่บ้านเลขที่ ๑๕/๕๓ หมู่ที่ ๖ ตำบลวาเล่ย์ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก มีพี่น้องทั้งสิ้น ๕ คน กระผมเป็นคนที่ ๔ ซึ่งพี่ๆ ก็ไม่ได้อาศัยอยู่กับแม่เพราะต้องอกไปหางานทำเพราะฐานะที่บ้านไม่ค่อยดีจึงทำให้ผมต้องอาศัยอยู่กับแม่และน้อง ๓ คน

ตอนนี้แม่ของผมได้ป่วยเป็นโรคไตเรื้อรังมาประมาณ ๑ ปี แล้ว ซึ่งต้องใช้ค่ใช้จ่ายสูงเพื่อรักษาและใช้จ่ายเป็นค่ายาค่าเดินทางไปโรงพยาบาลอยู่ตลอดเพราะโรงพยาบาลอยู่ไกลจากบ้านมากการเดินทางก็ลำบากเพราะที่บ้านไม่มีรถส่วนตัวการเดินทางไปก็ต้องใช้ค่าใช้จ่ายต้องจ้างรถปก็ประมาณ ๑,๐๐๐ บาท ขึ้นไปดังนั้นครอบครัวจึงไม่มีเงินพอที่จะจ้างรถได้บางครั้งก็ต้องยืมเงินเพื่อนบ้านจึงทำให้มีหนี้สินเพิ่มมากสุขภาพร่างกายแม่ไม่ค่อยดีเข้าโรงพยาบาลบ่อยอีกทั้งผมกับน้องกำลังเรียนอยู่ด้วยผมก็ต้องขาดเรียนอยู่บ่อยๆ เพื่อดูแลแม่บ้างผมต้องทำการล้างไตให้แม่ทุกวันซึ่งทำให้ผมพักผ่อนไม่เพียงพอ

ทุกเช้าผมต้องต้องตื่นมาหุงข้าว ทำกับข้าวรีดผ้าให้แม่ผมต้องล้างท้องให้แม่หลับตี ๓ ตี ๔ ทุกคืน เช้ามาก็ต้องทำกับข้าวให้แม่ทุกเช้าทำให้ขึ้นรถรับส่งนักเรียนไม่ทันผมจึงต้องนำรถมาเองซึ่งการนำรถมาก็ต้องใช้เงินเพื่อใช้เติมน้ำมันซึ่งก็มีบ้างไม่มีบ้างผมต้องออกไปหางานทำเพราะพ่อเสียชีวิตได้ประมาณ ๓ ปี แล้วทำให้ขาดเสาหลักของครอบครัวทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมา เช่น ขาดคนหาเงิน แม่ขาดกำลังใจ ทุกคนขาดกำลังใจ ทุกคนคิดถึงพ่อ ทุกคนต้องลำบากรวมถึงผมซึ่งตอนนี้ลำบากมากเพราะว่าแม่ป่วยหนักมาก แม่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ผมจึงต้องดูแลแม่อย่างใกล้ชิดอยู่ตลอด

เวลาผมมาโรงเรียนแม่ก็อยู่บ้านคนเดียวเพราะว่าไม่มีคนอยู่กับแม่เลยเลิกเรียนผมก็ต้องรีบกลับไปเพื่อดูแลแม่เพื่อไปทำกับข้าวให้แม่ทาน และทำการล้างไตให้แม่ทุกวันผมไม่รู้ว่าอนาคตผมจะได้เรียนต่อหรือไม่ ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร บ้านที่อยู่ก็ไม่ค่อยแข็งแรงมั่นคงเท่าไหร่ไม่รู้ว่าจะพังวันไหน

ผมได้เงินมาโรงเรียนบ้างไม่ได้บ้างได้มาก็วันละ20 บาท ซึ่งก็ไม่เพียงพอเวลามีงานหรือครูสั่งงานผมก็ต้องยืมเงินเพื่อนเพื่อใช้จ่ายก่อนเสมอๆ จนผมติดเงินเพื่อนเป็นจำนวนมากพอสมควร จนผมเกรงใจเพื่อนๆมาก ส่วนการเรียนของผมเทอมนี้ค่อนข้างแย่มาก เพราะไม่ค่อยได้เข้าเรียน  เรียนไม่ทันเพื่อนมีงานค้างมาก แต่คุณครูก็เมตตาให้ผมตามงานเมื่อมาโรงเรียน เนื่องจากผมไม่ค่อยได้มาโรงเรียนเพราะต้องดูแลแม่เป็นพิเศษเพราะผมต้องล้างไตให้แม่เองซึ่งคนอื่นไม่สามารถทำได้เพราะเนื่องจากไม่ได้ไปเรียนทำกับพยาบาลผมต้องไปเรียนทำกับพยาบาลประมาณ ๑ สัปดาห์ กว่าผมจะทำเป็นซึ่งมันไม่ง่ายสักเท่าไหร่ แต่ผมก็ทำจนได้

ผมลำบากมากในระยะหลังๆ ผมต้องพาแม่ไปโรงพยาบาลบ่อยจึงทำให้ขาดเงินเพื่อจ้างรถไปหาหมอ การไปแต่ละครั้งต้องใช้เงินมากในการจ่ายค่ารถ ค่ากิน ค่ายา ผมไม่รู้ว่าผมจะเอาที่ไหนมาจ่ายคืนเหมือนกัน  ความคิดผมตอนนี้คือ ทำยังไงก็ได้ขอให้มีเงินพาแม่ไปหาหมอ เพื่อให้แม่ผมดีขึ้นเท่านั้นเอง อนาคตเมื่อแม่ผมดีขึ้นผมจะทำงานใช้หนี้เพื่อนบ้านและเพื่อนๆในส่วนที่ผมยืมและผมติดค้างไว้ เงินเดือนที่พี่สาวส่งมาก็ไม่เพียงพอเพราะค่ากับข้าวไม่พอเท่าไหร่ต้องซื้อกับข้าววันละไม่ต่ำกว่าร้อยบางวันก็กินดีบ้างไม่ดีบ้าง ไหนจะค่ารถพาแม่ไปโรงพยาบาลค่าน้ำมันรถที่ผมเติมมาโรงเรียนค่าขนมน้องซึ่งมันไม่เพียงพอเลยบางครั้งก็ต้องยืมเงินเพื่อนบ้านมาซื้อกับข้าวมาใช้จ่ายในครอบครัว ค่าไฟค่าน้ำ 3 เดือนแล้วที่ผมติดค้างไว้ ไม่รู้ว่าเขาจะมาตัดวันไหน

ตอนที่ผมพาแม่ไปอยู่โรงพยาบาล ผมไม่มีเงินค่าอาหาร ได้ความช่วยเหลือและเมตตาจากคุณพยาบาลหาข้าวให้ผมกิน ช่วยเหลือผมทุกอย่าง เอารถโรงพยบาลส่งต่อแม่ผมไปโรงพยาบาลแม่สอด กลัวผมอดข้าวก็ซื้อข้าวกล่องและให้เงินผมไปอีก500บาท ผมซาบซึ้งใจมากครับ ที่ทุกคนเมตตาผมและแม่ผม

บางครั้งผมต้องอดข้าวเพื่อเก็บเงินเติมน้ำมันรถมาโครงเรียนซึ่งวันไหนไม่มีผมก็ไม่ได้มาเรียนผมไม่เคยขอเงินแม่เลยเพราะผมรู้ว่าแม่ไม่มีเงิน ผมไม่อยากทำให้แม่ต้องลำบากใจ เพราะอยากให้แม่เก็บเงินไว้เพื่อใช้รักษาตนเองผมยอมอดเพื่อให้แม่สบายใจเพื่อให้แม่มีชีวิตต่ออยู่กับผมอยู่กับนัองเพราะเหลือแม่เพียงคนเดียวผมต้องดูแลแม่ให้ดีที่สุดเท่าที่ทำได้ผมยอมลำบากผมอยากให้แม่หายผมอยากแบ่งเบาภาระพี่ ๆ เงินที่พี่ส่งมามันก็ไม่เพียงพอเพราะต้องจ่ายค่าไฟ ค่าน้ำต่างๆ นานา ต้องให้น้องไปโรงเรียน ใช้ซื้อกับข้าว

ผมหลับไม่เพียงพอทำให้เรียนไม่รู้เรื่องชีวิตตอนนี้ลำบากมาก ผมต้องอดข้าวกลางวันอยู่ตลอดเพราะไม่ได้เงินมาโรงเรียนผมก็ไม่รู้ว่าในอนาคตผมจะได้เรียนต่อหรือไม่เพราะขาดคนดูแลแม่ขาดเงินที่จะเรียนต่อเพราะผมรู้ว่ามันต้องใช้ค่าใช้จ่ายสูงและผมคงไม่มีโอกาสนั้นแม่ก็อยากให้ผมเรียนต่อและผมก็อยากเรียนต่อผมมีความใฝ่ฝันไว้ว่าผมอยากเป็นครูสอนพละผมอยากเป็นครูผมอยากเรียนจบมาและอยากทำงานใกล้ๆ แม่ผมอยากแบ่งเบาภาระครอบครัวอยากให้แม่เห็นผมเป็นคนดีผมอยากให้แม่เห็นว่าผมก็ทำดีได้

ผมรู้สึกท้อบ้างบางเวลาผมเห็นเพื่อนได้เที่ยวสนุกสนานเห็นคนอื่นร่าเริงเห็นครอบครัวอื่นอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาผมไม่เคยมีโอกาสได้กินข้าวร่วมกันพ่อแม่ลูกเลย ผมต้องเสียพ่อไปผมไม่มีโอกาสได้กอดพ่อเลยผมมาโรงเรียนก็เป็นห่วงแม่ว่าจะมีใครหาข้าวให้แม่ไหมจะมีคนมาอยู่กับแม่ไหมแม่เป็นไงบ้างผมก็ไม่รู้ผมแอบเห็นแม่ร้องไห้บ้างผมก็แอบร้องไห้บ้าง ผมคิดถึงพ่อคิดถึงพี่พี่ก็ส่งเงินมาบ้างไม่ส่งบ้างเพราะทุกคนก็มีครอบครัวกันหมดพี่ๆ ไม่เข้าใจผมเลยว่าตอนนี้ผมแม่น้องต้องลำบากซักแค่ไหนว่าผมได้หลับได้นอนไหม ผมเป็นห่วงแม่ผมลำบากมากผมเรียนไม่ทันเพื่อนขาดโรงเรียนบ่อยแม่เข้าโรงพยาบาลบ่อยต้องไปเฝ้าแม่ตลอดแม่ต้องนอนโรงพยาบาลเป็นอาทิตย์สองอาทิตย์อีกอย่างโรงเรียนกับบ้านก็อยู่ไกลกันทำให้การเดินทางก็ต้องใช้เวลากว่าผมจะมาถึงโรงเรียนเพื่อนก็เข้าแถวเสร็จแล้ว

ดังนั้นผมขอวิงวอนขอความอนุเคราะห์ท่านช่วยเข้ามาช่วยเหลือครอบครัวของผมหน่อยซึ่งแม่ป่วยหนักและบ้านฐานะยากจน ผมและน้องก็ยังเรียนอยู่ส่วนน้องตอนนี้กำลังศึกษาอยู่ชั้น ม.๑ อายุประมาณ ๑๔ ปี ผมอยากมีโอกาสที่จะศึกษาเล่าเรียนต่อแต่ยังขาดแคลนทุนทรัพย์อย่างมากเพื่อที่จะนำเงินศึกษาต่อในอนาคตผมอยากตอบแทนบุญคุณแม่ที่แม่ได้เลี้ยงดูผมและครอบครัวที่ให้กำเนิดผมที่ทำให้ผมได้มีชีวิตได้เกิดมาเป็นคนสัญญาว่าจะตั้งใจเรียนจะดูแลแม่ให้ดีที่สุดให้ดีกว่าที่แม่ดูแลผมมาให้แม่หายป่วยและให้แม่แข็งแรงกว่านี้ ให้แม่ช่วยเหลือตัวเองได้บ้างและผมจะตั้งใจเรียนจะทำความฝันของผมให้เป็นจริงจะมีอนาคตที่ดีจะแบ่งเบาภาระให้พี่ๆ น้องๆ บ้างให้แม่ภาคภูมิใจสบายใจมีชีวิตที่ดีขึ้นแต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตก็ตามกระผมขอทำตรงนี้ก้าวนี้ให้มันดีที่สุดเท่าที่ทำได้เพราะพ่อแม่เหนื่อยมากกว่าจะเลี้ยงเราโตมาแต่แม่คนเดียวผมก็ต้องตอบแทนบุญคุณท่านบ้าง

สุดท้ายนี้กระผมก็ต้องขอขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีทุกท่านที่ให้ความช่วยเหลือเจือจุนครอบครัวของผมมาตลอดทำให้มีชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิมทำให้แม่และครอบครัวผมมีกำลังใจที่จะสู้ต่อไปในอนาคต ต้องขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูง กราบขอบคุณมากครับผม

หัวอกครู...

ความเป็นครู..ฉันแค่รับรู้ว่าเขายากจน..แต่ไม่เคยรู้ว่าเขาลำบากมากขนาดนี้..เด็กคนนี้ฉันสอนเขาตั้งแต่เขาอยู่ป.4 จนกระทั่งถึงป. 6 เป็นเด็กตัวเล็กๆ ผิวสีดำ ใบหน้าเปื้อนยิ้ม ไม่มีความรู้สึกว่าตัวเองทุกข์ร้อนอะไร ชอบร้องเพลง ชอบเล่นกีฬา ฉันเคยจับเขาไปประกวดร้องเพลงในงานมหกรรมวิชาการที่โรงเรียนชุมชนบ้านพบพระครั้งหนึ่งในสมัยนั้น..แต่ด้วยความที่โรงเรียนของเรายังไม่พร้อมในหลายๆด้านจึงไม่ประสบความสำเร็จในการแข่งขันปีนั้น..แต่ความตั้งใจของเขา..ไม่เคยลดน้อยถอยลง..

บ้านของพีรพลอยู่หน้าโรงเรียน ในหมู่บ้านทหารผ่านศึก ตอนเย็นๆเขาชอบมาเล่นกีฬาในโรงเรียนทุกวัน  ฉันคงไม่แปลกใจมากนัก หากเพื่อนของเขาสมัยตอนป. 4 จะวิ่งเข้ามาหาฉันในตอนบ่ายวันหนึ่งแล้วพูดว่า “ครูครับ มีฟิวเจอร์บอดเก่าๆที่ครูไม่ใช้สักอันไหมครับ ผมจะเอาไปตัดให้นายพีมันทำพื้นรองเท้าครับ “ฉันได้ยินก็ตกใจและนึกขำ จนเพื่อนของเขาเอารองเท้านายพีมาให้ดู ฉันอึ้ง เป็นไปได้ยังไง..ที่เด็กคนหนึ่งที่ไม่มีใบหน้าเศร้าหมองอะไรเลย จะเป็นไปได้ขนาดนี้ นายพีรพลก็ได้แต่มองเพื่อนและมองหน้าเราแล้วยิ้มอายๆ เราเลยบอกให้เขาไปหาดูหลังห้องเรียน มีอะไรที่เอาไปได้ก็ให้เอาไป

ในตอนนั้นแม่ของเขายังแข็งแรงอยู่ เป็นแม่ครัวทำอาหารกลางวันเลี้ยงนักเรียนในโรงเรียน อาหารที่เหลือก็จะเอาไปฝากลูกๆที่บ้าน ซึ่งมีอยู่หลายคน..ส่วนพ่อก็ทำงานขายลูกชิ้นที่บ้าน ครอบครัวของเขาจึงไม่เดือดร้อนมากนัก..แต่ทุกคนก็ต้องอยู่อย่างแออัด..กับบ้านที่หลวงทำให้เพราะสภาพความแร้นแค้นและลูกในวัยกำลังเรียนนั่นเอง สิ่งที่ฉันรับรู้อย่างหนึ่งก็คือ..เด็กคนนี้..เป็นเด็กดี มีสัมมาคารวะ อ่อนน้อมถ่อมตน ไม่ทำตัวว่าเป็นเด็กมีปัญหา..ไม่ก้าวร้าว และตั้งใจเรียน ซึ่งผลการเรียนอยู่ในระดับปานกลาง..ซึ่งดีกว่าเด็กบางคนที่ครอบครัวมีฐานะพร้อมกว่าเสียอีก

วันหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้ฉันไปเยี่ยมบ้านนักเรียนชั้นม. 5 ซึ่งเป็นหน้าที่ของฉันในฐานะครูที่ปรึกษาที่ต้องออกเยี่ยมบ้านนักเรียน ฉันจึงได้รู้จากผู้ปกครองนักเรียนของฉันซึ่งเป็นผู้ช่วยพยาบาลอยู่ที่โรงพยาบาลพบพระว่า นายพีรพล เป็นเด็กกตัญญู ดูแลแม่ตลอดเวลาที่รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล เงินไม่มี บางวันต้องอดข้าว พยาบาลสงสารก็หาข้าวหาน้ำให้กิน ต้องตื่นแต่ตีสี่ตีห้ามาฟอกไตให้แม่ กว่าจะได้นอนก็ดึก เพราะการฟอกไตต้องใช้เวลานานวันหนึ่งต้องฟอกไม่น้อยกว่าสามถึงสี่ครั้ง.. ดังนั้นเขาจึงมีเวลาพักผ่อนน้อยกว่าคนอื่น และไม่มีเวลาเหมือนเพื่อนคนอื่นๆในวัยเดียวกัน

นั่นยังไม่เท่าไหร่..ความตั้งใจที่เขาอยากเรียน เขาอยากจบม.6 เขายอมมาโรงเรียน มาเรียนเพิ่มเติมขณะที่เพื่อนๆเรียนผ่านไปแล้ว งานกลุ่มของเขาก็ต้องฝาก ยืมเงินเพื่อนทำ  ห่วงแม่ ห่วงบ้าน ห่วงน้อง ห่วงเรียน เด็กผู้ชายคนหนึ่ง ที่ไม่มีพ่อ พี่ๆต่างก็แยกย้ายไปหางานทำและมีครอบครัว ส่งเงินให้ไม่เต็มที่ส่งบ้างไม่ส่งบ้าง ปล่อยให้เด็กสองคนกับแม่ที่ป่วยจนช่วยตัวเองไม่ได้ ผจญชีวิตอยู่ตามลำพัง  อดมือกินมื้อ..อนิจจา

ฉันไปเยี่ยมแม่เขากับเขาที่โรงพยาบาลพบพระ ครั้งหนึ่งให้เงินไว้เป็นค่ายา ค่าอาหาร 500 บาทมันอาจดูไม่มาก แต่สำหรับมนุษย์เงินเดือนอย่างฉันซึ่งต้องบริหารจัดการตัวเองก็คิดว่าอาจช่วยได้แค่เสี้ยวหนึ่งเท่านั้นเอง แม่ของเขาจับมือฉันขึ้นมาแล้วร้องไห้ขอบคุณ

ครั้งที่สองฉันไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาลแม่สอด แต่เขาได้ย้ายมาพักฟื้นที่บ้านเรียบร้อยแล้วฉันฟังคำบอกเล่าของพยาบาลที่เฝ้าไข้สองคนแม่ลูกนี้แล้ว ฉันจึงอยากรู้ว่าปัจจุบันเขาอยู่กันอย่างไรฉันจึงไปเยี่ยมเขาที่บ้าน ปรากฎว่า วันนั้นมีชาวบ้านมาช่วยกันถางหญ้ารอบๆบ้าน และทำห้องน้ำให้เขากันใหม่ ห้องน้ำที่อยู่นอกตัวบ้านเก่าๆไม่มีฝา ไม่มีหลังคา จะพังมิพังแหล่ สภาพบ้านก็ไม่ต่างอะไรกับกะท่อมหลังเล็กๆหลังหนึ่งที่รอวันโค่นล้ม อนิจจา ลูกหลานฉัน ฉันจอดรถไว้ลงไปสวัสดีชาวบ้านเหล่านั้นเกือบ 8 คนที่มาช่วยกัน พร้อมกับยกผ้าห่ม เสื้อผ้า ข้าวสารอีก1 กระสอบ ไข่อีก1 แผง เครื่องปรุงรสต่างๆ มาม่าอีกหนึ่งกล่อง หมู และอาหารกระป๋องจำเป็นอีกนิดหน่อยที่ครูจนๆอย่างฉันจะทำได้ไปให้เขา

เมื่อขึ้นไปบนบ้านสภาพที่ฉันเห็นฉันแทบร้องไห้ แม่สองนั่งบนที่นอนเก่าๆ ตาฝ้าฟาง ใส่เสื้อผ้าเก่าๆในห้องแคบๆ รกๆ ซึ่งห้องนั้นเป็นทั้งห้องนอน ห้องฟอกไต ห้องกินข้าว ห้องรับแขก ห้องครัวติดกันออกไปเป็นแค่ระเบียงยื่นออกไปนิดหน่อย ภายในนั้นมีแต่กล่องยาที่จะใช้ในการฟอกไต..โอ้...เกินบรรยายฉันกล้ำกลืนน้ำตาไว้ เข้าไปนั่งจับมือแม่สองแล้วพูดว่า ให้อดทน ให้ขยันกินยา ล้างไต อย่าท้อ ให้อยู่ต่อไปเพื่อดูแลลูกให้ได้..แม่สองยิ้มทั้งน้ำตาฝ้าฟาง..

พร้อมกับพูดเสียงแหบๆเหมือนคนไม่มีแรงว่า..ไม่รู้ว่าจะทนได้สักแค่ไหนหรอกครู แต่จะอดทนให้นานที่สุด..ฉันได้ฟัง..อดสะท้านใจไม่ได้..จับมือแม่สองขึ้นมาบีบ แล้วบอกว่า อย่าทอ้นะ..ลูกจะขาดที่พึ่ง..สักพักใหญ่ๆ ตะวันเริ่มคล้อยต่ำ ฉันเกรงว่าจะกลับบ้านไม่ทัน หนทางเปลี่ยวและอันตรายจึงขอตัวกลับ พร้อมให้เงินไว้ซื้อกับข้าวอีก 1 พันบาท ตั้งใจว่าต่อไปนี้ทุกเดือนฉันจะเจียดเงินค่าขนม และค่าเสื้อผ้าให้เด็กคนนี้เดือนละ 500 บาท..

คืนนั้นฉันกลับบ้านมานอนคิด..สงสารชะตากรรมเด็กคนหนึ่งและครอบครัวที่ต้องเผชิญตามลำพังแล้วอดสะท้อนใจไม่ได้ว่า..ทำไม..นะ คนเราถึงไม่เท่าเที่ยมกัน หากเด็กคนนี้จะไม่รักดี จะก้าวร้าวเหมือนเด็กมีปัญหาอื่นทั่วไปคงไม่เท่าไหร่ แต่นี่เขากลับกตัญญูรู้คุญและใฝ่ดีเหลือเกินทุกวันเวลาสอนฉันจะพยายามมองหาเขา ถามหาเขา และเล่าเรื่องเขาให้เพื่อนๆเขาฟังเสมอ พร้อมกับบอกเพื่อนๆให้ดูแลเขา อย่าทิ้งเพื่อน ให้ช่วยเหลือกัน..ฉันไม่รู้ว่าสิ่งที่ฉันทำจะทำให้เด็กคนอื่นมองว่าฉันลำเอียงหรือไม่ แต่ฉันก็ทำแบบนี้เสมอเมื่อฉันสอนห้องนี้..

สุดท้ายนี้..ขอพรสิ่งศักด็สิทธิทั้งหลายจงดลบันดาลให้เขา ได้เจอแต่สิ่งดีๆในวันนี้และวันหน้าด้วยเถิดเจ้าค่ะ..สาธุ๊..

นางอุไรพร ศิลาอ่อน  ครูวิทยฐานะชำนาญการ

โรงเรียนพบพระวิทยาคม  อำเภอพบพระ จังหวัดตาก

สังกัด สพม.เขต 38


(ไม่ได้มีเจตนาจะลบหลู่ หรือดูถูกใดๆทั้งสิ้น เป็นแค่เรียงความของเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ข้าพเจ้าสอน เพื่อเป็นอุทาหรณ์และตัวอย่างให้เด็กที่มีความพร้อมกว่าได้เห็น เท่านั้น รวมทั้งให้ท่านผู้อ่านที่มีจิตเมตตา มีกำลังพอที่จะช่วยเหลือเด็กคนนี้และครอบครัวได้..โปรดติดต่อได้หรือติดต่อได้..ที่นี่ หรือ

เด็กชายผู้น่าสงสาร..กว่าเราจะรู้ว่าเขาลำบาก..ก็เมื่อเขาผ่านความลำบากมานานแสนนาน...


สภาพคุณแม่..ที่นอนป่วยช่วยเหลือตัวเองไม่ได้...ในห้องนอนเล็กๆ..

  1. คุณแม่กับน้องชาย..กับห้องผู้ป่วยที่ดีที่สุดในบ้าน..

สภาพบ้าน....ที่อยู่แค่นอน..ได้หลบแดด หลบฝนได้บ้าง...


เมื่อเดินขึ้นไปบนบ้าน.ตัวบ้านโยก...จนกลัวว่ามันจะพัง ลงมา..


ที่ข้าพเจ้า นางอุไรพร ศิลาอ่อน..ครูโรงเรียนพบพระวิทยาคม อำเภอพบพระ จังหวัดตากค่ะ..

หมายเลขบันทึก: 519785เขียนเมื่อ 16 กุมภาพันธ์ 2013 18:42 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 กุมภาพันธ์ 2013 18:42 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท