๔. งานหลวงไม่ขาด..งานราษฏร์ไม่เสีย
หลังสำเร็จการศึกษากลับมาทำงานในประเทศไทย ภารกิจในหน้าที่การงานของเราในยุควิกฤตน้ำมันแพงเป็นครั้งแรกในประเทศไทย จากราคาลิตรละไม่ถึงสิบบาท กลายเป็นเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว เป็นผลให้ราคาสินค้าอุปโภคบริโภค การลงทุนและรายจ่ายของภาครัฐและภาคเอกชน เสียการสมดุลทุกด้านอย่างมากมาย นโยบายภาครัฐจึงต้องเร่งสร้างเสถียรภาพให้กลับคืนสู่ประเทศโดยเร็ว
ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ส่งสามีของข้าพเจ้าเข้าไปร่วมงานกับรัฐบาลหลายชุดในยุคนั้น ทั้งในหน้าที่คณะทำงานและทีมที่ปรึกษาเศรษฐกิจของนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติงานทั้งในประเทศในส่วนของการร่วมวางแผนเศรษฐกิจ และการทำงานในต่างประเทศ เช่น ร่วมเดินทางไปเปิดการค้าและเจรจาซื้อน้ำมันในแหล่งราคาถูกจากสาธารณประชาชนจีน เป็นต้น
นอกจากทุ่มเทแรงกายแบบคนหนุ่มไฟแรงแล้ว สามีของข้าพเจ้ายังออกแรงความคิดในการเสนอแนะนโยบายในการป้องกันและแก้ไขสถานะการณ์ทั้งในภาพรวมและเชิงปัจเจก วิพากย์และวิเคราะห์สถานการณ์เศรษฐกิจอย่างเป็นปัจจุบัน พยากรณ์ผลกระทบในอนาคต และการวางแผนที่เป็นไปได้ในทางปฏิบัติ
เขาได้เขียนความคิดเห็นเหล่านี้ลงในหนังสือพิมพ์ประชาชาติรายวัีน เป็นคอลัมน์ประจำชื่อ "ปากท้องชาวบ้าน" ใช้นามปากกา "สันติประชาราษฎร์" ...ต่อมาได้มีการเขียนเพิ่มเติมและจัดพิมพ์รวมเล่มออกเผยแพร่หลายครั้ง ในหนังสือชื่อ "วิเคราะห์เศรษฐกิจไทย" (พ.ศ. ๒๕๒๔ พิมพ์ครั้งที่ ๑ และ ๒ โดยสำนักพิมพ์อิมเมจ " เศรษฐทรรศน์ " (พ.ศ.๒๕๒๕ โดยสำนักพิมพ์ดอกหญ้า)โครงสร้างหนังสือเหล่านี้ ประกอบด้วย :
* ระบบบริหารเศรษฐกิจไทย และการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในระบอบประชาธิปไตย
* เศรษฐกิจการปกครอง (เศรษฐกิจกำนัน / ข้าราชการกับนักการเมือง /ปากท้องข้าราชการ)
* เศรษฐกิจชาวบ้าน (คนมีมากพึงช่วยคนมีน้อย / ถมไม่เต็ม / เศรษฐกิจน้ำท่วม)
* เศรษฐกิจการเกษตร (ธนาคารพาณิชย์ กับสินเชื่อเพื่อการเกษตร / สินเชื่อเพื่อการเกษตรกับการพัฒนาชนบท)
ในฐานะภรรยาอย่างข้าพเจ้า แม้มีงานประจำทำเต็มเวลาอยู่แล้ว แต่ยังต้องเข้ามาช่วยเป็นกองหลัง มีหน้าที่ในการส่งกำลังใจและความสะดวกในการทำงานของสามีอย่างเต็มที่ ทั้งการขับรถยนต์ส่วนตัวรับ-ส่งไปทุกแห่งที่มีการประชุม ทั้งใกล้-ไกล..ไม่จำกัดเวลาแม้ยามดึกดื่น..อีกทั้งหาอาหารจานด่วนบริโภคในระหว่างทางพร้อมน้ำชา กาแฟใส่กระติกเก็บความร้อนพร้อมดื่มเสมอ ..รับฟังความเห็นและเป็นที่ระบายอารมณ์เคร่งเครียดจากการงานด้วยความเข้าใจ ขณะเดียวกันข้าพเจ้าได้หาโอกาสชวนเขาไปผ่อนคลายสบายจิตในวาระดีๆบ้าง
ในบางการประชุมเดินทางต่างถิ่นและงานสังคมโดยทั่วไป เราทั้งสองเคียงคู่ไปไหนไปกัน ไม่ห่างเหินให้เป็นที่ว้าเหว่...ได้เก็บเกี่ยวทั้งความสุขและประสบการณ์ใหม่ๆร่วมกันอย่างสำราญใจ
ความอบอุ่นในหมู่วงศาคณาญาติทั้งสองฝ่าย ห้อมล้อมสังสรรกันเป็นประจำด้วยความเกื้อกูลอย่างสม่ำเสมอ ญาติของเขาเหมือนญาติของเรา...แบ่งปันความสุขทั้งงานบุญ..งานมงคลอย่างครบถ้วน
๕. สังขารนี้ไม่เที่ยงหนอ..
ความสุขในชีวิตคู่ผ่านไปอย่างรวดเร็วจวบจนย่างเข้าปีที่ห้า...สามีเริ่มมีอาการป่วยด้วยโรคไวรัสตับอักเสบบีแบบร้ายแรงและเรื้อรัง อาการเริ่มแสดงเป็นครั้งแรกหลังจากกลับจากประชุมผู้ว่าการธนาคารกลางเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ประเทศมาเลเซีย เป็นผลให้เบื่ออาหาร ตัวเหลือง และอ่อนแรง เขาต้องเข้าออกโรงพยาบาลศิริราชเป็นระยะๆอยู่ถึงห้าปี..
แพทย์ผู้ชำนาญโรคนี้ ได้เตือนล่วงหน้าว่า ตับจะแข็งมากขึ้นเป็นลำดับไม่สามารถเยียวยาได้ แพทย์ได้แต่ช่วยทุเลาอาการอ่อนเพลียเพียงฉีดน้ำเกลือผสมยาบำรุงตับเท่านั้น..พร้อมทั้งแนะนำให้ผู้ป่วยพักผ่อนมากๆ ไม่ควรออกกำลังหรือทำงานหนักใดๆ ..นับเป็นโรคร้ายที่เป็นอุปสรรค และบั่นทอนคนขยันทำงานอย่างสามีของข้าพเจ้าเป็นอย่างมาก..ชีวิตช่วงนี้ จึงใช้เวลาส่วนใหญ่ พักผ่อนอยู่อย่างสุขสงบที่บ้านเรือนหอที่อยู่ตรงกันช้ามกับบ้านพ่อแม่ของข้าพเจ้า ซึ่งมักจะเดินข้ามมาดูแล ให้ความอบอุ่นแก่ครอบครัวของเราเสมอ
ด้วยความที่สามีของข้าพเจ้าเป็นผู้ฝักใฝ่ในการศึกษาและปฏิบัติธรรมเป็นเนืองนิจ เขาเคยบวชเรียนกับ ท่านเจ้าคุณพระธรรมปาโมกข์ เจ้าอาวาสวัดธาตุทอง นอกจากนี้เรามักถูกชักชวนจากพระวัดป่าให้เป็นเจ้าภาพสร้างพระประธานในวิหารที่ห่างไกลญาติธรรม และตลอดช่วงเวลาที่เราครองเรือนด้วยกัน เขามักชวนข้าพเจ้านั่งสมาธิในห้องพระที่บ้านเรือนหอ ซึ่งเขาจัดสถานที่ให้เป็นสัปปายะอย่างเหมาะสมมาก
เราได้ตระหนักถึงความไม่เที่ยงแท้แห่งวัฏสังสาร..เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นความไม่แน่นอนของธรรมชาติ หากแต่จิตที่ฝึกมาดีจนเข้าใจในพุทธรรมเยี่ยงนี้ ย่อมถึงพร้อมในการยินดีที่จะต้องละวางสังขารอันทรุดโทรมด้วยโรคภัยไข้เจ็บ อย่างไม่อาลัยอาวรณ์
บ่ายวันอาทิตย์ที่ ๕ กรกฏาคม พ.ศ. ๒๕๒๔ ย่างเข้าปีที่สิบของชีวิตคู่ครอง สามีของข้าพเจ้าซึ่งได้เข้าโรงพยาบาลเป็นครั้งที่สาม ได้มีอาการป่วยในขั้นสุดท้าย ซึ่งแพทย์ได้มาตรวจชีพจรและความดันโลหิตที่ต่ำลงถึงขั้นวิกฤต หลังจากไตของเขาไม่ทำงานมาตลอดทั้งคืน คุณพ่อและน้องชายของข้าพเจ้าที่เข้ามาเยี่ยมตั้งแต่ช่วงเที่ยง ได้ไปกราบนิมนต์ ท่านเจ้าคุณพระธรรมโสภิต ผู้ช่วยเจ้าอาสวัดราชาธิวาส พระสงฆ์ผู้มีเมตตาคุณต่อครอบครัวของเรา ซึ่งสามีของข้าพเจ้า ได้ไปปวารณาสร้างหอฉันไว้ ท่านได้กรุณาสวดมนต์รำลึกถึงพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ พร้อมทั้งสนทนาธรรมอันยังความสุขสงบมาสู่จิตใจของผู้ป่วยและญาติพี่น้องที่ห้อมล้อมเป็นอย่างยิ่ง..
ครั้นช่วงเย็นก่อนตะวันพลบค่ำในวันนั้น ข้าพเจ้าได้นั่งมองใบหน้าของสามี ที่นิ่งสงบกำหนดลมหายใจอยู่กับปัจจุบันกาล มีเสียงสวดมนต์ทำวัตรเย็นจากหมู่พระสงฆ์ที่เราได้อัดเสียงเปิดไว้ตลอดเวลานั้น ในที่สุด สามีได้ละวางสังขารจากไปอย่างนุ่มนวลพร้อมใบหน้าที่แย้มยิ้มผ่อนคลาย ด้วยวัยเพียงสามสิบเจ็ดปี ..ท่ามกลางความอาลัยรักของทุกคน แต่ไม่มีน้ำตาของความโศกเศร้า ด้วยเพราะความเข้าใจแห่งสัจจธรรมของกฏธรรมชาตินี้
๖. หน้าที่ของผู้อยู่เบื้องหลัง..น้อมนำธรรมรักษาใจ..
ในการจัดการงานศพของสามี ข้าพเจ้าได้รับความกรุณาจากธปท.มอบหมายให้เป็นผู้จัดทำหนังสือที่ระลึก ซึ่งธปท.เป็นเจ้าภาพ ข้าพเจ้าตั้งใจพิมพ์เป็นสองเล่ม โดยเล่มแรกเป็นประวัติชีวิตและรวมบทความด้านเศรษฐกิจที่สามีเขียนไว้ดังที่กล่าวข้างต้น ส่วนอีกเล่มหนึ่ง เป็นหนังสือชื่อ "ธรรมะคือดวงประทีป" รวบรวมธรรมคติของท่านพระอาจารย์เทสก์ แห่งวัดหินหมากเป้ง จังหวัดหนองคาย ซึ่งข้าพเจ้าได้ไปถอดธรรมบรรยายจากท่านในระหว่างไปปฎิบัติธรรมที่วัดนี้กับคุณพ่อของข้าพเจ้า
เนื่องจากสามีของข้าพเจ้าเป็นผู้ที่ใส่ใจเรื่องการศึกษาของเด็กๆในพื้นที่ห่างไกล และมักสนับสนุนปัจจัยเพื่อการศึกษาตามแต่กำลังและโอกาสเสมอ ข้าพเจ้าจึงดำเนินการต่อยอดเจตนารมณ์นี้ โดยรวบรวมเงินช่วยงานศพของเขาทั้งหมด สมทบกับเงินออมส่วนตัว เดินทางไปพร้อมกับครอบครัวและเครือญาติบุญของเรา เพื่อไปซ่อมแซมอาคารของโรงเรียนขนาดเล็กแห่งหนึ่งในพระะอุปถัมภ์ของสมเด็จพระศรีนครินทรา พระบรมราชชนนี ซึ่งเก่าทรุดโทรมมาก ตั้งอยู่ใกล้วัดถ้ำตับเตา ที่อำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ และเพื่อนร่วมบุญที่ ธปท. ได้นำอุปกรณ์การเรียนไปร่วมสมทบด้วยอย่างคับคั่ง และขณะเดียวกันได้ตั้ง "กองทุนประทีป สนธิสุวรรณ" ที่โรงเรียนวัดบางกอบัว จังหวัดสมุทรปราการ ที่ซึ่งสามีของข้าพเจ้าได้เข้าศึกษาในวัยแรกเรียน
ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ อดีตผู้ว่าการของธปท.และอดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ทราบข่าวมรณะกรรมของเขา ท่านได้กรุณาส่งจดหมายเขียนด้วยลายมือบรรจง มาร่วมไว้อาลัยด้วย ยังความซาบซึ้งและเป็นกำลังใจแก่ข้าพเจ้าเป็นอย่างยิ่ง และภายหลังจากนั้น ข้าพเจ้าได้มีโอกาสไปกราบขอบพระคุณท่านด้วยตนเองที่บ้านของดร.อัมมาร์ สยามวาลา
๗. พลังรักแท้..แม้วันนี้ไม่มีเขาอยู่
นับจากบัดนั้นเป็นต้นมา ที่การตายก่อนวัยอันควรของเธอผู้เป็นที่รัก ได้เป็นโจทย์ใหญ่ให้ภรรยา ได้พิจารณา สภาวะธรรมแห่ง อริยสัจสี่..ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค..
รูปภาพของเธอที่ได้ถูกนำมาวางไว้บนหิ้งบรรพชนผู้ล่วงลับไปแล้ว เพื่อเตือนใจให้รำลึกถึงพระคุณอันยิ่งใหญ่นี้..และเป็นแรงบันดาลใจให้ข้าพเจ้าเร่งทำคุณงามความดีทั้งแก่ตนและผู้อื่น ก่อนที่วาระนั้นจะมาถึงด้วยเช่นกัน
.................................................................................................................................
ขอบคุณ น้องแสงแห่งความดี มากนะคะ ที่นำภาพและวาทะของท้ายบันทึกนี้ ไปอ้างไว้ที่อนุทินนี้...
สำหรับ ผมคือ ธรรม ที่เราเห็น ก่อนใครๆครับ ไม่เห็นทุกข์ ไม่เห็นธรรม
มาขอแสดงความคารวะ สามีของพี่ใหญ่และพี่ใหญ่ได้ทำความดี ให้แก่สังคมที่สุดแล้วครับ
ขอบคุณ ป้าใหญ่ ค่ะ สำหรับบทความที่อบอวน ไปด้วย ไออุ่นแห่งรัก และ ความสว่างแห่งธรรม
รักแท้ไม่มีวันตายนะคะคุณป้าใหญ่
คารวะทั้งพี่ใหญ่และอ.ประทีปค่ะ
อ่านแล้ว คิดถึงคำว่า "คู่บุญบารมี"
ชอบข้อความนี้มากค่ะ "เมื่ออยู่ ก็ให้เขาไว้ใจ เมื่ีอไป ก็ให้เขาคิดถึง"
ขอบพระคุณพี่ใหญ่มากค่ะ
น้องขออนุญาตคัดลอกข้อความและภาพลายมือท่านอ.ป๋วยไว้นะคะ
ขอบพระคุณค่ะ
ซาบซึ้งในคุณค่าของเรื่องราวดี ๆ จ้ะพี่ใหญ่
อ่านแล้วสะเทือนใจครับ ขอบคุณพี่ใหญ่ที่แบ่งปันเรื่องดีๆ เช่นนี้ครับ
สวัสดีค่ะคุณพี่ใหญ่
ขอบคุณเรื่องราวที่สร้างแรงบันดาลใจให้คู่รักได้ไตรตรอง พิจารณา ถึงความไม่เที่ยงของชีวิตเราค่ะ คนอ่านแอบเศร้า...
เป็นทางเดินแห่งสัจธรรมที่พี่ใหญ่ก้าวเดินมากว่าสามสิบปี เป็นทางเดินที่ใกล้เข้าสู่ความหลุดพ้น ว่ากันว่าการจากกันในภพนี้ยังง่ายกว่าการที่เราจะต้องมาพบเพื่อพรากอีกไม่รู้อีกกี่ชาติในวัฏสงสารนี้หากเราไม่เตรียมใจให้พร้อม แต่สำหรับคุณพี่ใหญ่แล้ว คุณพี่ใหญ่กำลังเดินไปอย่างมั่นคงค่ะ ขอน้อมอนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณค่ะ
กราบเรียนมา"ด้วยคาระวะ"อย่างสูง..หลังจากได้อ่านบันทึกนี้..ความเชื่อมั่นและศรัทรา..ธรรม..คุณประโยชน์..จะยังผล..บุญ..นี้ให้เชื่อมโยง..อยู่เย็นเป็นสุข..(ใจ)อัน..สงบ..ถ้วนหน้า..สาธุ..เจ้าค่ะ.(.ยายธี..ก่อนกลับยุโรป..คงจะได้มีโอกาศไปคาระวะคุณนงนาทเป็นส่วนตัวสักครั้ง..นะเจ้าคะ...)...
อ่านแล้วมีความสุขในความถึงทางธรรม เต็มอิมในความรักอมตะ เศร้าในความจากพราก...
วันใดวันหนึ่งเราหรือเขา(คนแห่งความรัก)ก็ต้องประสบเหมือนกัน
เรายังไม่พร้อม และไม่ได้เตรียม
อยากพบพูดคุยกับพี่ใหญ่จังค่ะ
ถ้าหนูได้อ่านตอนเด็ก อาจจะร้องไห้ได้เลยนะคะเนี้ยะ
หนูก็เลยขอย้อนกลับเป็นเด็กซักหน่อย
อ่านแล้วได้ข้อคิดดีๆมากเลย สังขารเราไม่เที่ยงแท้จริงๆ มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่แล้วดับไป
แต่ความดียังอยู่ ดีใจที่ได้เรียนรู้จากพี่ใหญ่ครับ
สวัสดีค่ะ
รักตราบนานเท่านานไม่มีวีนสิ้นสุดนะคะ ความทรงจำที่งดงามมากค่ะ ขอบคุณมากนะคะ
พี่ใหญ่คะ ถ้าหนูสามารถ เข้าใจความเป็นไป ทั้งที่ควบคุมได้และไม่ได้..
ในทุกๆเรื่อง ที่ผ่านมา ทั้งเรื่องเรียน เรื่องชีวิตส่วนตัว
หนูคงไม่รู้จักความทุกข์แน่ค่ะ
ตามมาอ่านค่ะ พี่ใหญ่...คนเราสังขารไม่เที่ยงจริง ๆ ไม่รู้ว่า วันใดที่จะเป็นวันของเรา ทุกคนไม่ทราบชะตาชีวิตของตนเองเลย...แต่เรื่องที่เราทุกคนสามารถทำได้และทราบดีในยามที่เรามีชีวิตอยู่ นั่นคือ "การทำดี" ขอบคุณสำหรับบันทึกที่ดี ๆ ของพี่ค่ะ เป็นความทรงจำที่ดีต่อกันไงค่ะ
มาให้กำลังใจค่ะ พี่ใหญ่
อ่านสองบันทึกของคุณครูพี่ใหญ่แล้ว..ทำให้เห็นถึงคุณค่า ความงดงาม ความอมตะของรักแท้
ยอมรับว่าผมเขียนความเห็นไม่ออกครับ...
ตอนแรกนึกถึงเพลงหัวใจแห่งรัก ของจีวัน แต่นึกได้ว่าเคยมอบให้คุณครูพี่ใหญ่ หลายครั้งแล้วครับ
เลยนึกถึงอีกบทเพลงที่ผมอยากมอบให้คุณครูพี่ใหญ่ และพี่ประทีป ครับ
ขอเป็นกำลังใจและขอบพระคุณ..สำหรับการแบ่งปันธรรมแห่งความรักนี้ครับคุณครู
. . .
สวัสดีค่ะคุณใหญ่...ขอบพระคุณเรื่องเล่าเรื่องราวชีวิที่สื่อสะท้อนความดีงามของคำว่าความรักและแบบอย่างเส้นทางชีวิตที่อาจหาญและเข้มแข็ง ในทั้งสามประยชน์ของทั้งสองท่านค่ะ
ช่วงนี้ธรรมะข้อนี้กำลังขึ้นใจอีกรอบค่ะแต่หัวใจก็ยังไม่พร้อมเต็มร้อยซักทีที่จะรับไว้ง่ายๆ(ทั้งที่รู้ดีแก่ใจ)"เราจะต้องพลัดพรากจากของรักของเจริญใจทั้งสิ้นไป"
อ่านบันทึกของท่านแล้วได้พลังสอนใจตัวเองขึ้นเยอะค่ะ(สิ่งธรรมดาที่ไม่ธรรมดา)
ตัวหนูเองคงยังต้องฝึกอีกมากค่ะ
ขอบคุณที่พี่ใหญ่แนะนำค่ะ
อ่านแล้วซึ้งมากครับ...คนดีไม่มีวันตาย
เปิ้น.... อ่านแล้ว....ทราบซึ่งยิ่งนัก ... ขอบคุณพี่ใหญ่มากนะคะ .... ช่วยเติมเต็มให้ได้พบกับสัจธรรม..และธรรมะ อย่างงดงามเหลือเกิน...การได้อ่านบทความนี้...ทำให้เปิ้น...ภูมิใจมากที่ได้รู้จัก "พี่ใหญ่" ... พี่งดงามทั้ง กาย & จิตใจที่เปลี่ยมไปด้วยความงาม ความดี ความเข้มแข็ง... เป็นผู้หญิงที่เก่ง โดย มีธรรมะเป็นพื้นฐานหลักของชีวิต .... ชีวิตถึงงดงามจากภายในนะคะ .... ขอบคุณบทความชีวิต ที่พี่ใหญ่..ได้เล่า...ให้น้องๆ และเปิ้นได้รับรู้และรับทราบ นะคะ .... ขอบคุณ จริงๆ ค่ะ
.... อ่านความรักของพี่ใหญ่ตอน 2 นี้ ....ทำให้Pleได้ข้อคิด ...คติเตือนใจ... ได้ความเป็นจริงแห้งชีวิต .... หลักธรรมะ .... วิธีคิดดีดี ที่จากพี่ใหญ่มากเลยค่ะ ... พี่ใหญ่ อดทนมาก ค่ะ มีสติ และมีกัลยามิตร และผู้ใหญ่ ท่าน ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ...ให้กำลังใจ ...ให้ข้อคิด ... พี่ให้โชคดีมากนะคะที่มี ผู้คนรอบข้างคอย แนะนำและให้กำลังใจ นะคะ .... ขอบคุณบทความดีดีนี้นะคะ
ซึ้งใจจังค่ะพี่ใหญ่ รักไม่ได้ตายจากหัวใจนะค่ะ
บันทึกนี้มีคุณค่าในการเป็นตัวอย่างที่ดียิ่งค่ะพี่ใหญ่ ขอบคุณที่พี่ใหญ่เมตตาแบ่งปันเรื่องราวให้ได้น้อมใจใคร่ครวญสัจธรรมของชีวิต เพื่อเพียรสร้างสมความดี ดำรงตนอยู่ในความไม่ประมาทต่อความจริงของธรรมชาติค่ะ
อ่านแล้วซาบซึ้งในการเป็นคู่ชีวิตที่สร้างเสริมเกื้อกูลกันค่ะ
รักนี้ช่างยิ่งใหญ่จริงๆ ชื่นชมในความเข้มแข็ง มีนิโรธ ในจิตอันงดงามนะครับ ขอบพระคุณที่ถ่ายทอดให้ถือเป็นกำลังใจใน ความรัก นะครับ
เป็นสัจจ์ธรรมของวิถีชีวิตนะครับผม
มาซึมซับเพิ่มเติมครับ
ขอบคุณ G2K ที่ทำให้เด็กๆ อย่างกระติก มีโอกาสได้รู้จัก พี่ใหญ่
ขอบคุณพี่ใหญ่ ที่ลดความห่างของขั้นบันไดระหว่างเรา แบ่งปันประสบการณ์ที่ในชีวิตจริงๆ ของกระติกคงไม่มีโอกาสได้สัมผัสในหลายๆ เรื่องโดยเฉพาะบุคคลสำคัญ วิถีชีวิตการงาน
ขอบคุณที่ให้กระติกได้เรียนรู้ชีวิต เรื่องราว ที่มีคุณค่ายิ่ง
ขอบคุณค่ะ
...พลังรักแท้... ยิ่งใหญ่มากนะคะ
ขออนุโมทนาในบุญกุศล ที่ครอบครัวท่าน คือ บิดา สามี ตัวท่านเอง ได้มีธรรมะ ในจิต ในใจ ที่สั่งสมมาตั้งแต่ในอดีตหลายชาติอย่างนี้ แม้เมื่อ วิบากมาปรากฏ ท่านก็สามารถ เจริญจิตของท่านให้เป็นมหากุศลอยู่เสมอ และเจริญสมาธิภาวนา อยู่เสมอ กอรปกับ ได้มีโอกาสเจริญธรรมกับ พระอรหันตื อริยสงฆ์เช่น หลวงปู่เทสก์ นับว่า เป็นบุคคลที่มีบุญกุศลยิ่ง ฟังจากที่ท่านบรรยาบมา ในวาระสุดท้ายของสามีท่าน ผมมั่นใจกว่า ท่านไปสุคติ ที่ดียิ่งแน่นอน ในวาระสุดท้าย เช่่นนี้ ผู้ที่สามารถเจริญใจได้อย่างนี้ นับว่าเป็นผู้มีบุญยิ่ง มีธรรมยิ่งครับ ขออนุโมทนาอีกครั้ง ครับ สาธุ สาธุ สาธุ
พี่ใหญ่เข้มแข็งมากนะคะ ตอนนั้นอายุ 35 ปีเท่านั้น ได้แบบอย่าการดำเนินชีวิตคู่จากพี่ใหญ่ค่ะ
คิดว่าสามีของพี่ใหญ่คงรับรู้และภูมิใจเป็นกำลังใจและคุ้มครองให้พี่ใหญ่ทำงานสร้างเยาวชนในทุกวันนี้นะคะ
น้องGD ..ยินดีมากที่อ่านแล้ว เห็นแง่มุมอาจไปปรับใช้เป็นประโยชน์ต่อชีวิตได้ค่ะ ...จนถึงเดี๋ยวนี้ พี่ใหญ่เองรู้สึกได้เช่นกันว่า สามีจากไปแต่กาย จิตดวงเดิมของเขายังคงรับรู้ อนุโมทนาบุญ และเป็นกำลังใจให้อยู่เสมอค่ะ...