ผู้ใหญ่เล่าเรื่องรักอลวน


แต่งงานตั้งแต่อายุยังน้อย  ด้อยต่อความฉ้อฉล พ่ายแพ้ต่อเกมชีวิต

เมื่อมีลูกสองคนติดกันหัวปีท้ายปี  ในปี พ.ศ.2523-2525  ความยากลำบากในการเลี้ยงดูลูกทั้งสองเกิดขึ้น  หากคู่สมรสที่อยู่ข้างเคียงไม่รับผิดชอบ  ไม่เคยช่วยเหลือ เงินเดือนก็น้อย  เคราะห์ยังดีที่พ่อแม่ของสามีช่วยเหลือเรื่องอาหารการกินและค่านมลูก


แต่ปล่อยให้เรามีความทุกข์  การงานกลางวันก็ต้องไปทำ  กลางคืนก็ต้องดูแลลูก  เครื่องใช้ไม้สอยผ้าอ้อมผ้าปูที่นอนหมอนมุ้งก็ต้องดูแลด้วยตัวเองทุกอย่าง  ได้นำเด็กนักเรียนที่ออกจากโรงเรียนชั้น ป.6 มาเลี้ยงน้อง  เธอก็ต้องไปเลี้ยงลูกของพี่สาวสามี  ปัญหารอบด้านเกิดขึ้นมาเป็นระยะ  และถาโถมเข้ามาจนอดทนไม่ได้  ประกอบกับพ่อของเด็กๆต้องไปราชการที่ต่างจังหวัดเป็นเวลานาน  ไม่มีใครที่จะรับฟังหรือพูดคุย  เพียงได้ใช้จดหมายเขียนถึงเขาบอกเล่าทุกอย่างในเรื่องอึดอัด  หารู้ไม่ว่า  จดหมายเหล่านี้ได้กลับมาเป็นอาวุธทำร้ายเราอีก  


ด้วยมีความคิดเห็นไม่ตรงกันในเรื่องการเลี้ยงดูลูก  ที่จะเอาลูกของเราไปเลี้ยงที่อื่น  เรารับไม่ได้ที่หลายๆคนบอกว่าสงสารเด็กให้ไปรับกลับมาเถิด  เกิดอะไรขึ้นกับลูกโดยที่เราไม่รู้รายละเอียด  จุดนี้เองญาติทางพ่อของเด็กๆจึงกล่าวหาว่า  ความปรารถนาดีของพวกเขาไม่มีเลยหรือ  เท่าที่อยู่ด้วยกันเขายังเอาหลานยายมารังแกหลานย่าเลย  เราก็เคยเห็นเลยอดที่จะคิดไม่ได้ว่า  ลูกเราได้รับความเอ็นดูไม่เท่าเทียมกัน  มันเป็นเรื่องน้ำผึ้งหยดเดียวจริงๆ  


เมื่อหย่าจากกัน  ลูกทั้งสองต้องอยู่ในความดูแลของฝ่ายบิดา   ทั้งๆที่คนเป็นพ่อไม่เคยเลี้ยงดู  เขาต้องการเอาชนะเรา  เราย้ายสิ่งของออกจากบ้านเขาในวันต่อมาที่หย่ากัน  เราไปเช่าบ้านอยู่ใกล้ๆบ้านเพื่อนครูที่สอนโรงเรียนเดียวกัน    พ่อของเด็กๆก็ไม่หยุดที่จะมาหา  มาด้วยความมึนเมา  และย่าของเด็กก็มาถามเสมอด้วยคำถามว่า....ยังรักผัวแกอยู่หรือ


ไม่มีความจำเป็นใดใดที่จะมาตอบคำถามนี้  การมีชีวิตคู่อยู่กับเขาจนมีลูกสองคน  ไม่ได้มีอะไรดีขึ้น  มีแต่ความเสียใจทุกวันทุกคืนต้องนอนร้องไห้เดียวดาย  ยังมาถามอีกหรือว่า  เรายังรักลูกของเขาอยู่ไหม เมื่อคราวที่อยู่ในครอบครัวทำไมไม่ถาม  ทำไมผลักไสไล่ส่งให้เราสองคนต้องหย่าขาดจากกัน  ด้วยออกอุบายทำเป็นเดินทางไปกรุงเทพฯเพื่อไม่ให้เป็นที่ครหาว่า  รู้เห็นเป็นใจในการหย่าขาดกันของเราสองคน  เกรงคนอื่นจะติฉินนินทาว่ารังแกเรา  ทั้งๆที่ใช้โทรศัพท์ออกอุบายให้ปลัดอาวุโสที่คนรู้จักจัดการหย่าให้  พร้อมสลักหลังใบหย่าว่า เด็กทั้งสองต้องฝ่ายบิดาเลี้ยงดู


ตัวเราเองคิดตามประสาคนอายุยังน้อย  ด้อยต่อการต่อสู้คนมีนิสัยแกมโกง  และไม่มีใครเป็นที่ปรึกษา  คิดแต่ว่าต้องได้ลูกคนใดคนหนึ่งมาเลี้ยงดู  แต่กลับมาเป็นเสียลูกไปทั้งสองคนอย่างนี้  จำไว้เป็นบทเรียน  ว่าความรู้เรื่องกฏหมายในครอบครัวมีน้อยก็ตกเป็นเหยื่ออุบายของคนพวกมากและโกง


ลูกทั้งสองคนจวบจนมาบัดนี้  ก็ยังไม่รู้เหตุผลที่แท้จริงว่า  ทำไม่พ่อแม่ต้องหย่าขาดจากกัน  เขาถูกเลี้ยงดูมาพร้อมกับคำว่า  แม่ของแกขาดความอดทน


เมื่อลูกคนเล็กอายุได้ 8ปีเรียนชั้น ป.4 เราจึงได้ลูกคนเล็กกลับคืนมา  เพราะเขางอแงและคิดถึงแม่มาก  ที่จริงพื้นฐานพวกเขาไม้ได้รักหลานคนนี้มากนัก  เพียงแต่จะเอาชนะเราเท่านั้น


ช่วงเวลานี้พ่อของเด็กๆก็มาหาที่บ้านเช่า   มาง้อขอคืนดี   เราคิดว่ามันไม่ง่ายไปหน่อยหรือ  ทอดทิ้งเรา ไม่ทำหน้าที่สามีที่ดี  พอเราเริ่มที่จะคิดได้  ไม่มีความรักอีกต่อไปแล้ว  ก็กลับมาหาเรา  ไม่เห็นแก่ตัวไปหรือ  เป็นคำถามที่เราคิดตลอดเวลา  ทำกับเราได้ครั้งหนึ่ง  ครั้งต่อไปก็จะมีอีก  คนแบบนี้คอยหวังแต่จะรับมรดก  จะมาเสียสละให้เราได้หรือ

เขายอมกราบเท้าเรา  ทั้งๆที่เราก็เคยทำแบบนี้ในคืนก่อนที่จะหย่าขาดกัน  เรื่องของตัวเองที่ทำกับเราไว้  ทำไมจำไม่ได้  


เราคนเดียวจะไปเถียงฝ่ายเขาที่มีมากมายได้อย่างไร  ปลัดอำเภอไม่ยอมหย่าให้  เพราะเป็นข้าราชการทั้งคู่  ลูกก็ยังเล็ก  ย่าของเด็กยังโทรศัพท์มาสั่งให้ คนรู้จักที่ทำงานบนจังหวัดมาจัดการเรื่องนี้  


ทั้งหมดนี้เป็นความจริง  อีกไม่กี่ปี  ครูอ้อยคนนี้จะลาโลกไปแล้ว  จะมาโกหกกันทำไม อโหสิกรรมไปแล้ว  เพราะท่านทั้งสองก็จากโลกนี้ไปแล้ว


อยากให้ลูกทั้งสองคนมาอ่าน  จะได้เข้าใจแม่ของเขา


มันเป็นเรื่องของโชคชะตากรรมของทุกคนที่เราเป็นผู้กำหนด  โชคดีที่ลูกทั้สองคนเป็นเด็กดี  ตั้งใจเรียน  ไม่ีปัญหาอะไร  ปัจจุบันนี้มีหน้าที่การงานดี  คนโตแต่งงานไปแล้ว  มีหลานชาย  1คน  คนเล็กเป็นข้าราชการครูสังกัดกรุงเทพมหานคร  


ระยะทางของการมีชีวิตในครอบครัวอลวนนี้  ก็เพราะเพียงคำว่า  รักเหมือนโคถึก  ที่คึกพิโรธ  จะไปโกรธโทษใคร....ไม่ได้


หมายเลขบันทึก: 518673เขียนเมื่อ 6 กุมภาพันธ์ 2013 12:53 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กุมภาพันธ์ 2013 14:56 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

แวะมาอ่านไว้เป็นประสบการณ์

ขอบคุณค่ะ  :)

เป็นประสบการณ์ชีวิตที่แต่ละคนมีความแตกต่างกันเสียจริง ๆ เลยนะคะ พี่ครูอ้อย

ขอเป็นกำลังใจให้สู้ต่อไปค่ะ


ชีวิตเป็นของเราจริง ๆ ครับ

ขอบคุณน้องโก๋ หยั่งราก ฝากใบ ที่แวะมาอ่านเพื่อเป็นประสบการณ์

ขอบคุณจริงๆค่ะ

ความลับไมีมีในโลก   อยากให้ครูอ้อยเชื่อว่า  รอยจารึกมันอยู่ในใจ สามีของคุณไม่ลืมหรอก คนนะ..ไม่ใช่ลิง  แต่ลืมก็ดีไปอย่าง ... ช่างมันเถิด ถือว่า อโหสิ..(เหมือนแรงเงานะ...) 

ขอบคุณที่เอื้อเฟื้อบทเรียนชีวิตจริง ๆ เป็นคติสอนใจ 

เป็นสิ่งที่นึกไม่ถึงเลยครับ ผมเห็นพี่ครูอ้อยเขียนเรื่องดีๆ ด้วยกำลังใจที่ดีมาตลอด นึกไม่ถึงว่าได้ฟันฝ่าความลำบากของชีวิตมาขนาดนี้ครับ

คิดถึงค่ะ ครูอ้อย คิดถึงมากด้วย เป็นกำลังใจให้นะคะ

ครูอ้อยหายดีแล้ว ... ไปหาที่เที่ยวสนุกๆ นะคะ 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท