- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
* แม้จะไม่มีใครหลีกเลี่ยงความตายไปได้..แต่ถ้าต้องตายจริงๆสมควรที่สุดที่ชายไทยทั้งหลายจะต้องตาย ในหน้าที่..ตายเยี่ยงวีรบุรุษ..อย่างน้อยผู้ที่อยู่ข้างหลังก็ไม่มีอะไรต้องเป็นกังวลต่อไป..
ใครที่มาร่วมฟังพระสวดอภิธรรมศพ วีรบุรุษนย.ที่นั่งบนตัวอาคารด้านใน
ทุกท่านต้องเห็นพ.จ.อ.สุเทพ โมคคะมูล นอนอยู่ในโลงภายใต้ธงไตรรงค์ผืนใหญ่..มีรูปขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนแท่นในกรอบ.
ไม่ทราบว่าสุเทพมองมาทางผมหรือไม่ ? แต่ผมบอกไปเบาๆว่าเทพ..พี่มาแล้วน๊ะในช่วงที่ออกไปถ่ายรูปกับเขา..หลังจบการสวดอภิธรรมในคืนนั้นแล้ว
แขกถูกจัดให้นั่งเป็น ๒ส่วน
ด้านบนในฌาปนสถานเป็นแขกที่มิได้แต่งเครื่องแบบ ผู้เขียน แม่บ้าน..ข้าราชการหลายๆหน่วย ประธานและผู้ใหญ่ที่มาเป็นเกียรติจะแต่งเครื่องแบบปกติ
หรือเครื่องแบบฝึก.
ใครสะดวกจะมาฟังคืนไหน ? เลือกเอาเองได้ที่ป้ายนี้.
ผมเข้ามานั่งใกล้กับบรรดาสมาชิกสมาคมทหารนอกราชการ
แม่บ้านล้อมหน้าล้อมหลังแต่ไม่รู้จักใครเลยเพราะผมออกจากกองทัพมานานแล้ว
และมีรุ่นใหม่กว่าเข้ามาแทนที่. ตามกาลเวลาที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว.
ก่อนที่พระจะสวดผมจึงเห็นข้าราชการ รุ่นน้อง..ที่เคยอยู่หน่วยเดียวกันก่อนผมจะลาออก
แต่มาทักทายกันหลังสวดเสร็จแล้ว
ขณะนั่งในงานผมสังเกตว่าตัวเองแต่งกายผิดกับคนส่วนใหญ่..ทุกคนแต่งดำกันทั้งนั้นยกเว้นผมที่สวมเสื้อขาว.กางเกงดำ.แต่ไม่มีอะไรผิดปกติเพราะสักพักใหญ่ก็มีแขกที่สวมเสื้อขาวมาเป็นเพื่อนอีก๒-๓คน.
การสวดดำเนินการไปรวดเดียวครับ.
ขอเชิญแขกรับฟังพระสวดตามลำดับ.
ในชีวิตผมไปฟังสวดมาหลายครั้งแล้ว แต่งานพิธีเช่นนี้ไม่บ่อยนักจึงสงสัยว่าทำไม ? พระสวดเพียงจบเดียว และมีการถวายผ้าบังสุกุล..กรวดน้ำกันเลย แถมยังไม่มีการพักยกเพื่อรับประทานอาหารว่างเหมือนงานสวดอภิธรรมทั่วๆไป. มิใช่อยากกินหรอกครับ.พอพระกลับไปแล้วจึงรู้ว่าเป็นการรวบรัดขั้นตอน เพราะพิธีใหญ่เช่นนี้จะมาหยุดพักแจกข้าวต้ม หรือก๋วยจั๊บก็จะกระไรอยู่..ประธานเดินทางกลับแล้วผมจึงได้ยิน บรรดาแม่บ้านชวนกันไปถ่ายรูปบ้าง..จุดธูปไหว้ศพบ้าง..จึงเข้าใจครับ.แล้วเจ้าหน้าที่ทหารจึงนำอาหารกล่องมาแจก เป็นกล่องเล็กๆ สี่เหลี่ยม.
ทุกท่านฟังสวดอย่างตั้งใจ.
ภายในมีนมกล่องเล็กๆ๑กล่อง ขนมเค๊ก๑อัน แซนด์วิสมาตราฐานแต่ถูกแบ่งใส่มาเพียงครึ่งเดียว..ตอนอยู่ในงานผมได้ออกปากกับเพื่อนรุ่นพี่..เพื่อขออาศัยรถกลับบ้านด้วยเพราะไปทางเดียวกัน..พอนั่งฟังสวดสักพักผมนึกได้ว่าควรให้ลูกชายมารับพร้อมนำมือถือมาถ่ายภาพด้วย เพื่อจะได้นำภาพมาแนบลงในบล็อก. ระหว่างรอบรรดาแม่บ้านออกไปไหว้ศพ ผมโทรให้นายแบ๊งค์มารับเพราะช่วงก่อนจะมา.. เขาขอใช้รถ เพื่อรับภรรยาไปงานเลี้ยงของบริษัท. ผมย้ำให้เขานำมือถือเพื่อมาถ่ายรูปในงานเพื่อจะนำมาแนบลงในบล๊อกด้วย ได้ภาพมาประกอบตามตั้งใจที่ท่านเห็นกันนั่นแหละครับ..
ลาก่อนน๊ะสุเทพ ม. - ที่ฌาปนสถานท.ร.สัตหีบ.
แม้จะไม่ชัดเท่าภาพจากเน็ทของช่างภาพทหารนย.แต่อย่างน้อยก็ทำให้ท่านได้ทราบว่า..ผู้เขียนคนนี้มีส่วนร่วมในงานด้วยจริงๆ ไม่ต้องให้คะแนนหรอกครับ. ผมกับลูกชายเดินกลับออกไปจากงานในขณะที่ภรรยาของสุเทพ ม. เดินมากล่าวขอบคุณและเชิญให้มาร่วมงานเผาด้วย..ความจริงก็ตั้งใจจะไปร่วมด้วย แต่ผมเป็นคยนที่ไม่ชอบอะไรที่ใหญ่โต เป็นพิธีการมากนัก จึงยังมิได้ตอบรับใดใด ? อย่างน้อยคืนนี้ผมก็มีความสุข ที่มีโอกาสมาส่งวิญญาณของสุเทพ ม. เพื่อนรุ่นน้องที่ครั้งหนึ่งเราเคยลุยกันมาในเกือบทุกด้าน..ขอให้ดวงวิญญาณของสุเทพ ม.รับทราบด้วยว่า..
ผู้เขียนที่ฌาปนสถานท.ร. – วัดสัตหีบ.
ผมยังรัก..เป็นห่วงสุเทพและครอบครัวเสมอมา เพียงแต่เรายังต้องมีภารกิจที่ต่างกันเท่านั้น. ขณะนี้ สุเทพ ม.ได้รับใช้ชาติและหมดหน้าที่แล้ว ขอให้น้องไปสบายเถิดแล้วก็อย่าห่วงพี่เลยน๊ะ. * ขอบคุณภาพและข้อมูลจากเน็ทนย.และทุกสาขา.ขอให้ผู้อ่าน ทุกท่านมีส่วนในผลบุญที่ส่งดวงวิญญาณของสุเทพ ม. สู่สรวงสวรรค์โดยทั่วกัน ถ้ามีโอกาสได้พูดอีกผู้เขียนเชื่อว่า..พ.จ.อ.สุเทพ โมคคะมูล ต้องอยากกลับมาเป็นลูกหลานเสด็จเตี่ย และขอรับใช้ชาติอีกอย่างไม่ต้องสงสัยใดใด ? ผู้เขียนอยากฝากบอกมา ณ ที่นี้ว่า พ่อของหนูเขารักหนูมาก..
ดิฉันขอมอบผ้าให้พระสงฆ์ ผลบุญที่เกิดจงมีกับสุเทพ ม.ด้วยเทอญฯ
" ชาติของเราเป็นไทอยู่ได้จนถึงวันนี้ เพราะบรรพบุรุษของเรา..เอาเลือด เอาเนื้อ เอาชีวิตและความลำบากยากเข็ญเข้าแลกไว้ เราต้องรักษาชาติ..เราต้องบำรุงชาติ..เราต้องสละชีพเพื่อชาติ " สุเทพน้องรัก..น้องได้ปฏิบัติตามที่เราเคยท่องกันก่อนเข้านอน ตามที่บรรพบุรุษนาวิกโยธินทำกันมาอย่างต่อเนื่องแล้ว หลับให้สบายเถอะน้อง..
สวัสดีครับ.
โตนี่-ฟาง.
๖ ก.พ. ๕๖
..... ต้องให้...."กำลังใจญาติและเยียวยา" ในด้านต่างๆ นะคะ ....
สวัสดีและขอบคุณ..ทุกกำลังใจที่ส่งมาให้กับวีรบุรุษนย.น๊ะครับ..ผมอยากบอกว่าจะเขียนเรื่องนี้เป็นเรื่องสุดท้ายเพราะ..แม้จะมีวีรบุรุษอีกหลายๆคนที่ยังทำหน้าที่อยู่..แต่คงจะมิได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัวอีกแล้วเพราะน่าจะห่าง กันมาก แต่ขอให้วีรบุรุษที่ได้สูญเสียไปแล้วและล่าท่านสุดนี้..จงไปสู่สรวงสวรรค์..