ยามเช้าของวันที่ 17 ม.ค. 2556 หลังจากคณะเรามีพระนิสิตร่วมฉันภัตตาหารเช้าแล้วฝ่ายฆราวาสก็ร่วมกันรับประทานอาหารเช้าแล้วเราก็พร้อมออกเดินทางไปชมโบสถ์กลางน้ำสวยงามตาจริง ๆ และน่าชิ่นชมที่เราเป็นส่วนหนึ่งในฐานะเป็นศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยแม่คือมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วังน้อยแห่งนี้
เมื่อรถทัวร์ตั้งลำพร้อมแล้วสำหรับการเดินทางล่องลงปักษ์ใต้ในถิ่นที่พวกเราอยู่อาศัยดังเดิม คณะเราเริ่มทำวัตรเช้าสวดพระพุทธมนต์แผ่เมตตาแล้วทำสมาธิเสร็จแล้ว ผมเริ่มประเด็นยกห้องเรียนมาไว้บนรถคันนี้กำหนดให้ผู้ร่วมเดินทางร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ วิเคราะห์ถึงสิ่งที่ผ่านพบนำมาเล่าขานสู่กันฟังในเชิงสร้างสรรค์ โดยมอบหน้าที่ให้อาจารย์สิทธิโชค ปาณะศรีเป็นผู้ดำเนินรายการเรียกชื่อผู้เข้าร่วมโครงการนี้เป็นลำดับไปดังนี้
คุณแผ่นดินกับยูมิ ณ หอเก็บคัมภีร์ใบลานของล้ำค่า ที่วัดมหาชัย มหาสารคาม
1. พระครูสุตพัฒนาทร กล่าวจับประเด็นได้ว่า...การได้ร่วมเดินทางมาเห็นความเจริญทั้งทางวัตถุและทางจิตใจระหว่างลาวกับไทย รู้สึกว่าความเจริญในเมืองลาวนี่ถอยหลังไปประมาณ 20 ปีแต่สภาพจิตใจของคนลาวนั้นไม่ถอยเลยมีน้ำใจที่งดงามมาก ประทับใจ อ. ดร. อุทัย เอกสะพัง ที่จัดทำโครงการและติดต่อประสานงานยังสถานที่พักสะดวกสบาย ณ บ้านสะพัง ต. รามราช อ. ท่าอุเทน จ. นครพนม รู้สึกประทับใจในชาวบ้านสะพังในความเป็นชาวพุทธ ทุกคนมารอต้อนรับคณะเราแม้จะดึกมากแล้วยังคงรอคอยพวกเราอยู่ทำให้รู้สึกว่าความเป็นชาวพุทธนี่ฝังแน่นใจจิตใจชาวบ้านสะพัง และประทับใจที่วัดมหาชัย เมืองมหาสารคามได้เห็นสัจธรรมการเก็บหนังสือใบลานของเก่าล้ำคุณค่าเอาไว้ ถือว่าเขาเห็นคุณค่าของพระธรรมคุณค่าของพระพุทธศาสนาอย่างยิ่ง นึกถึงปักษ์ใต้บ้านเราของอยู่ในวัดแท้ ๆ ไม่ได้เก็บเอาไว้ เขามีพิธีแห่พระธรรม จัดเก็บห่อพระคัมภีร์อย่างน่าชื่นชมยิ่ง สุดท้ายการมาครั้งนี้ถือว่าได้มากที่สุดเลย ท้ายสุดที่มหาวิทยาลัยแม่ ขอฝากให้ อ. สิทธิโชคช่วยติดต่อขอบูชาคัมภีร์พระไตรปิฎกสักชุดจะขอบูชา สุดท้ายจริง ๆ รู้สึกปลื้มใจดีใจที่คณะของพวกเรามีความสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ความสามัคคีเป็นสิ่งสำคัญที่สุด...
ไม่มีความเห็น