7 |
ปองภพพออายุย่างเข้า 7 ขวบ ก็มีความคิดเขียนที่เป็นตัวของตัวเองมากยิ่งขึ้น ผู้ที่เกี่ยวข้องจะไม่เคี่ยวเข็ญให้ยึดรูปแบบ แม้แต่งานศิลปะ เขาก็จะทำตามใจของตนเองทำตามที่อยากทำ ความเป็นอิสระทางความคิดนั้นส่งผลให้งานศิลปะของปองภพเป็นไปตามรูปแบบของปองภพ
วันที่ 5 ธันวาคม 2555 ปองภพมีจดหมายส่งมาให้ผม โดยบรรจุมาในกล่องของขวัญ ปองภพเขียนว่า
สวัสดีครับปู่ วันพ่อนี้ผมส่งเสื้อให้ 3 ตัวครับ ขอให้ปู่มีความสุข ผมรักปู่ครับ ภพ |
ปองภพส่งเสื้อยืดมาจากภูเก็ตให้ผมที่ยะลา ความคิดอย่างนี้มีอยู่ในหัวใจเด็กน้อยเสมอมา แม้แต่กับเพื่อนๆ เขาก็จะแบ่งปันของเล่นของเขาให้เพื่อนๆได้เล่นเสมอ กับการเล่นของปองภพนั้นจะไม่เป็นการเล่นที่สูญเปล่า หลายครั้งที่เขาบันทึกเรื่องราวการเล่นไว้ เช่น
พีทไปหาภพ
ภพไปหาอิง
อิงไปหาพีท
อิงเจอแจ็ค
หากันไม่เจอ
เรื่องนี้ได้ถามปองภพว่า “ทำไม” เด็กน้อยบอกว่า “เพราะไปหาไม่ตรงจุด มัวแต่ไปคนละทาง” ความเรียงเรื่องนี้ผู้เขียนต้องการสื่อให้เห็นว่า “ถ้าตั้งใจค้นหาในทิศทางเดียวกันการพบเจอก็เกิดขึ้น” แต่ความคิดของเด็กย่างเข้า 7 ขวบ เขาก็คิดได้เพียงแค่นี้ เพียงแค่นี้ที่มีนัยหลายอย่างซ่อนอยู่
ช่วงนี้ปองภพมักจะนำคำที่ตนเองอ่านสะกดคำ ผันคำได้มาคิดเรื่องเขียน เช่นคำว่า จบ จับ ปองภพเขียนเล่าถึงการเล่นซ่อนหากับเพื่อนๆ ภายหลังที่เขาเล่นซ่อนหาจนค่ำมืดก็แยกย้ายกันกลับบ้าน อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ปองภพก็เขียนว่า
ปลาเป็นปลาตาย
ฉันเป็นคนเป็น
ฉันจับเพื่อนได้
เพื่อนฉันต้องเป็น
วิ่งกันไม่จบ
คำว่า เยอะ ปองภพเขียนว่า
เพื่อน
เยอะ
เพื่อนเยอะแยะ
ของเล่น
เยอะ
ของเล่นเยอะแยะ
การบ้าน
เยอะ
การบ้านเยอะแยะ
สำหรับรูปแบบการเขียนนั้น ปองภพคิดเขียนเอง สังเกตว่าก่อนนี้ เขามองเห็นภาพสิ่งที่จะเขียนแล้วนำภาพนั้นมาเขียนตามที่เห็น เช่น
กาแฟมีรสขม
แม่ของผม
ชอบดื่มกาแฟ
ไอศกรีม
อร่อยแต่อันตราย
ผมจึงกินน้อย
ฝนดีต่อต้นไม้
แต่ผมไม่ชอบฝน
เพราะผมไม่ได้เล่น
เด็กน้อยเห็นภาพอะไร แบบใด เขาก็จะนำมาเขียนตามความคิดที่เห็น แต่ตอนนี้เขาจะกำหนดคำ แล้วนำคำนั้นมาคิดเขียนให้เห็นภาพ ภาพที่เขาเห็นมาพร้อมกับภาพที่เขาเข้าใจ เช่น
ดาว
ดวงดาว
ฟ้ามีดาว
ท้องฟ้ามีดวงดาว
ฟ้าร้อง
ฝนตก
ฟ้าร้อง
ฝนตก
ฟ้าผ่า
บทฟ้าร้องนี้ พอเขียนเสร็จปองภพดีใจหัวเราะลั่น เพราะภาษาที่เขียนสามารถระบายความคิดที่เขาจินตนาการออกมา นี่คือความสำเร็จในการเขียนเกิดขึ้นแก่ปองภพ หลายปีแล้วที่เขาเพียรคิดเพียรเขียน แต่วันนี้เขาทำได้แล้ว สามารถเขียนสิ่งที่อยากเขียนได้ดั่งใจคิด ปองภพจึงหัวเราะจนน้ำตาไหลย้อยออกมา
การจัดการเรียนรู้ควรเป็นอย่างนี้ ควรให้เข้าไปถึงใจของผู้เรียน ผลการเรียนรู้ที่ออกมาได้ดั่งใจจะสร้างความปิติให้เกิดขึ้นแก่เขา แล้ววิธีการเรียนรู้และผลการเรียนรู้นั้นเขาจะจำได้นาน มันจะฝังใจเขาอยู่นาน
มีเรื่องอีกเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจมาก เมื่อปองภพกล่าวถึงจมูก เขาเขียนถึงจมูกในรูปลักษณ์ที่ต่างไปจากผองเพื่อน โดยเฉพาะบทสุดท้ายน่าสนใจมาก ลองอ่านดู
จมูก
ดม
จมูกดมกลิ่น
จมูก
หอม
จมูกหอมดอกไม้
จมูก
หายใจ
จมูกมีไว้หายใจ
จมูก
สมาธิ
สมาธิดูลมที่จมูก
บทสุดท้ายนี้บ่งบอกถึงตัวความรู้ที่ซ่อนอยู่ในจิตลึกของปองภพ น่าสนใจมาก ซึ่งตอนเริ่มต้นผมเคยพูดถึงที่ปองภพดูจิตของตนเอง มาตรงนี้ผลของสิ่งนั้นหรือปัจจัยนั้นส่งมาให้เห็นเหตุตรงนี้เอง
ทั้งหมดที่กล่าวถึงการเขียนของปองภพ มาถึงตรงนี้จะเห็นได้ว่า การเปิดโอกาสให้ผู้เรียน คิดเขียนตามความต้องการของเขา ก็จะเกิดรูปแบบการเรียนรู้ที่ผู้เรียนเป็นผู้กำหนดขึ้นมาเองได้ สิ่งนี้นับว่ามีความสำคัญต่อการจัดการเรียนรู้ยิ่งนัก แต่นั่นแหละการจัดการเรียนรู้แบบนี้ ผู้สอนจะต้องเปิดใจกว้างไม่ติดรูปแบบ มองเห็นความสำคัญของความคิดของผู้เรียน เปิดโอกาสให้ผู้เรียนมีพื้นที่ความคิดเห็นของผู้เรียนเองให้มากที่สุด ส่วนครูนั้นคอยเป็นพี่เลี้ยงทำหน้าที่
1. กระตุ้นให้ผู้เรียนหมั่นสังเกตสิ่งแวดล้อมและพฤติกรรมบุคคลที่ตนพบเห็น เพื่อนำมาเป็นข้อมูลในการเขียนเรื่อง
2. ฝึกให้ผู้เรียนหมั่นขีดเขียนแสดงความคิดเห็นของตนออกมาให้ผู้อ่านอ่านได้ตรงตามใจที่ตน(ผู้เขียน) คิดด้วยภาษาที่ถูกต้องและมีศิลปะ
3. กระตุ้นให้ผู้เรียนเขียนเรื่องอย่างสร้างสรรค์
อ่านเป็นเล่มได้ที่ https://docs.google.com/docume...
ไม่มีความเห็น