คิดว่าเป็นคำนำ
ในเวลาที่ว่างเปล่าอย่างเงียบๆอยู่ในห้องคนเดียว มองเห็นความคิดของตนโสดเล่นไม่ขาดสาย จึงจับมันมารวมเป็นเล่ม “เรื่องของเด็กคนนั้นที่ชื่อปองภพ” จึงกลายเป็นหนังสือเล่มนี้ ตั้งใจที่จะเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่ภูเก็ตบางตอน ขณะที่ไปพักผ่อนที่นั้นที่บ้านของลูกชาย คิดว่าบางอย่างในหนังสือเล่มนี้คงจะมีประโยชน์ต่อผู้อ่านโดยเฉพาะพ่อแม่ที่คิดจะสอนลูกที่บ้านบ้างไม่มากก็น้อย จึงตั้งใจเขียนแต่ก็ทำได้เพียงแค่นี้แหละ
หวังไว้ว่าคงจะมีเสียงตอบรับและร่วมคิดเพิ่มอีก
ชาตรี สำราญ
31 / 12 / 55
1 |
ใช่ครับผมกำลังเล่าเรื่องของเด็กคนนั้น เด็กคนนั้น คนที่ชื่อ ปองภพ
ผมสังเกตพฤติกรรมการเรียนของปองภพมาตั้งแต่เขาอายุ2 ขวบ (ปัจจุบัน 7 ขวบ ) ผมเห็นความน่าสนใจที่แฝงเร้นอยู่ใน ปองภพที่พอจะนำมาเล่าสู่กันฟังได้ เป็นการเรียนว่ายน้ำ ขณะที่พี่สาวทั้ง 2คนของปองภพ ฝึกว่ายน้ำกับครูฝึกสอน ปองภพจะนั่งดู พอสระว่าง ปองภพกระโดดลงไปว่ายน้ำ เขาจมน้ำลงไปแล้วโผล่ขึ้นมา ตระกายน้ำจนกระทั่งว่ายน้ำได้ แล้วต่อมาท่าว่ายน้ำแบบแปลกๆ ปองภพก็คิดขึ้นมาแสดงให้พ่อแม่ที่ดูปองภพเรียนรู้การว่ายน้ำด้วยตัวของเขาเอง
ปองภพชอบดูหนังการ์ตูน แต่การดูการ์ตูนของปองภพก็มีประโยชน์ เพราะพอดูเสร็จ ปองภพจะสรุปว่า “ตัวนั้นเป็นตัวร้าย ตัวนั้นเป็นตัวดี” พอถามว่าร้ายอย่างไร ดีอย่างไร เขาก็จะอธิบายได้อย่างมีเหตุผล ปองภพมีพฤติกรรมการดูเป็นที่ผมกล่าวว่า ปองภพ ดูเป็น นั้นเพราะลักษณะอาการหลังการดู ปองภพแสดงให้เห็นว่า เขาไม่ใช่เพียงแต่เป็นผู้ดู แต่เขาดูแล้วสามารถตีความสิ่งที่ดูได้ นี่คือ พฤติกรรมของเด็กไทยที่รัฐพึงประสงค์ รัฐได้ระบุไว้ในหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ว่า
“ สาระที่ 3 การฟัง การดูและการพูด ” มาตรฐาน ท.3.1. สามารถเลือกฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณและพูดแสดงความรู้ ความคิดและความรู้สึกในโอกาสต่างๆอย่างมีวิจารณญาณและ สร้างสรรค์ |
เราจะเห็นได้ว่ารัฐมีความต้องการที่จะให้เด็กไทยเรานี้มีทักษะหรือพฤติกรรมในเรื่อง
1. สามารถเลือกฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ
2. สามารถพูดแสดงความรู้ ความคิด และความรู้สึกในโอกาสต่างๆอย่างมีวิจารณญาณและสร้างสรรค์
นี่คือมาตรฐานใหญ่หรือจุดประสงค์ปลายทางที่สถานศึกษาจะต้องพัฒนาผู้เรียนที่เรียนจนจบ ม.6แล้วจะต้องมีทักษะ ความสามารถ หรือพฤติกรรมดังกล่าวข้างตน โดยครูฝึกสอน ผู้เกี่ยวข้องต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้และตัวผู้เรียนเองจะต้องฝึกฝนทักษะเหล่านี้ตามขั้นตอนของระดับชั้นเรียนที่หลักสูตรแกนกลางระบุไว้ในตัวชี้วัด แต่ละชั้นเรียน เช่น ชั้น ป.1ตัวชี้วัด
ตัวชี้วัด ชั้น ป.1 1. ฟังคำแนะนำ คำสั่งง่ายๆ และปฏิบัติตาม 2. ตอบคำถามและเล่าเรื่องที่ฟังและดูทั้งที่เป็นความรู้และความบันเทิง 3. พูดแสดงความคิดเห็นและความรู้สึกจากเรื่องที่ฟังและดู 4. พูดสื่อสารได้ตามวัตถุประสงค์ 5. มีมารยาทในการฟัง การดูและการพูด |
เมื่อพิจารณาตัวชี้วัดนี้แล้วจะเห็นได้ว่า ครูผู้สอน ผู้ปกครอง พ่อแม่ ที่จะเป็นผู้สอนเด็กๆนั้นจะต้องเตรียมการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ดังนี้
1. เตรียมคำแนะนำ คำสั่งง่ายๆเพื่อนำสอนให้ผู้เรียนฟัง ปฏิบัติตาม
2. เตรียมคำถาม เตรียมเรื่องที่จะเล่าและดู พร้อมคำถามและภาพประกอบเพื่อผู้เรียนฟัง แล้วตอบคำถามจากเรื่องที่ฟังและดู ทั้งนี้คำถามและเรื่องเล่าจะต้องเป็นความรู้และความบันเทิง
3. เพื่อผู้เรียนฟังเรื่องที่เล่าพร้อมคำถามแล้วผู้สอนต้องเปิดโอกาสให้ผู้เรียนพูดแสดงความคิดเห็นและความรู้สึกจากเรื่องที่ฟังและดู
4. เตรียมประเด็นให้ผู้เรียนได้สื่อสารได้ตามวัตถุประสงค์
5. เตรียมกติกามารยาทในการฟัง การดู และการพูด
การที่จะฝึกให้ผู้เรียนเกิดทักษะด้านการฟัง พูด และดูได้จริงนั้นไม่ใช่ว่าจะเรียนเพียงครั้งสองครั้งเท่านั้นครูผู้สอนและผู้เกี่ยวข้องจะต้องฝึกอย่างต่อเนื่องแบบ
ฝึกหัด
ฝึกฝน
ฝึกปรน
ฝึกปรือ
นั่นคือจะต้องฝึกแล้วฝึกอีกในทักษะนั้นๆ แต่เรื่องราวที่ผู้เรียนจะเรียนรู้ไม่ซ้ำเรื่อง เรื่องที่ผู้สอนจะสรรหามาเล่าหรือมาให้ผู้เรียนดูต้องแปลกใหม่และเร้าใจผู้เรียน ให้ผู้เรียนเกิดอาการอยากเรียนไม่ใช่ต้องเรียนเพราะผู้เรียนจะเรียนรู้เมื่อเขาอยากเรียนรู้
สิ่งที่ผู้ฝึกสอนพึงตระหนักคือ เด็กที่เพิ่งเริ่มเรียนนั้นเขายังไม่รู้ ผู้สอนจะต้อง ฝึกให้พวกเขารู้ คือ
1. ฝึกวิธีการฟังคำแนะนำ ฟังคำสั่งง่ายๆ แล้วปฏิบัติตาม
2. ฝึกการตอบคำถาม
3. ฝึกการเล่าเรื่องจากการฟังและดู
4. ฝึกการพูดแสดงความคิดเห็นและความรู้สึกจากเรื่องที่ฟังและดู
5. ฝึกการพูดสื่อสารได้ตามวัตถุประสงค์
6. ฝึกมารยาทในการฟังการดูและการพูด
จงเปิดโอกาสให้เด็กผู้เรียนพบความสำเร็จด้วยการลงมือทำ”
ปองภพประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุ2 ขวบ ที่นั่งดูพี่สาวว่ายน้ำ พอมีโอกาสเขาก็กระโดดลงไปว่ายน้ำด้วย เริ่มต้นก็จมน้ำ กินน้ำ ตะเกียกตะกายแหวกน้ำขึ้นมา จนในที่สุดก็ว่ายน้ำได้ ปองภพว่ายน้ำได้ด้วยการดูแล้วปฏิบัติ ดังได้กล่าวมาแต่ต้น
นอกจากว่ายน้ำ ปองภพ ยังเรียนรู้จำนวนนับได้ตั้งแต่อายุ2 ขวบกว่า วิธีการเรียนรู้ของปองภพ ตรงตามรูปแบบ Play& Learn อย่างแท้จริง
ได้กล่าวมาแต่ต้นบทแล้วว่า ปองภพชอบดูหนังการ์ตูนและหนังสือการ์ตูน เขาดูจนจำชื่อตัวละครการ์ตูนเหล่านั้นได้ เพราะปองภพดูแล้วดูอีกดูซ้ำๆ จากแผ่น DVD และหนังสือการ์ตูน จนกระทั่งบริษัทผลิตตุ๊กตาตัวการ์ตูนเหล่านั้นมาวางจำหน่าย ปองภพก็อยากได้ แต่การจะได้มาซึ่งตุ๊กตาเหล่านั้นไม่ง่ายสำหรับปองภพ เพราะกติกาที่พ่อแม่เขาวางไว้คือ
1. ต้องเล่าเรื่องราวของตัวละครนั้นได้
2. จะซื้อจำนวนเท่าไร บอกให้ชัดเจน นับให้ถูกต้อง กติกาข้อที่ 1 ก่อนจะไปซื้อตุ๊กตา ปองภพต้องตอบคำถามเกี่ยวกับเรื่องราวของตุ๊กตาแต่ละตัว แล้วเล่าเรื่องราวนั้นๆ ให้ฟัง
คำถามที่พอจะจำได้ เช่น
1. ตุ๊กตาตัวนั้นชื่ออะไร มีบทบาทสำคัญอย่างไร ในเรื่องนี้ตอนนี้
2. ตุ๊กตาตัวนั้นมีนิสัยอย่างไร ทำไมจึงบอกว่ามีนิสัยอย่างนั้น
3. ทำไมตุ๊กตาตัวนั้นจึงต้องทำอย่างนั้น
4. ถ้าตุ๊กตาตัวนั้นไม่ทำอย่างนั้น ควรให้เขาทำอย่างไร ทำไมจึงให้เขาทำอย่างนั้น
5. ถ้าตุ๊กตาตัวนั้นทำแบบ ปองภพ ว่ามันจะดีอย่างไร
จะเห็นได้ว่าเด็กน้อยต้องคิดแล้วคิดอีก จึงตอบคำถามได้ ถ้าตอบพลาดโอกาสได้ตุ๊กตาช้าไปอีก และเมื่อได้ตุ๊กตามาแล้วจะต้องบอกจำนวนตุ๊กตาที่เขามีอยู่ นั้นคือปองภพต้องเรียนรู้การนับจำนวน จากจำนวนนับตุ๊กตา เริ่มต้นก็นับได้ 1-10พอ จำนวนตุ๊กตาเพิ่มขึ้นจำนวนนับก็ย่อมเพิ่มขึ้นด้วย แต่ปองภพไม่เหนื่อยต่อการฝึกนับ เพราะถ้านับคล่องตอบคำถามได้ก็ได้รางวัลตัวตุ๊กตาตัวใหม่เพิ่มขึ้น ซึ่งก่อนอายุ3 ขวบ ปองภพมีตุ๊กตามากกว่า300 ตัว นั่นคือเขาก็นับจำนวนได้มากขึ้น มากกว่าจำนวนตุ๊กตาที่เขามีอยู่เพราะเขาสนุกกับการเรียนรู้การนับจำนวนจากตุ๊กตา
นอกจากนับจำนวนตุ๊กตาจาก 1-10-100 แล้ว บรรดาตุ๊กตาเหล่านั้นสามารถนำมาสอนบวก ลบได้อีก โดยพี่ๆ และแม่ของปองภพจะเล่นทายจำนวนตุ๊กตาที่นำมากองไว้ว่ามีกี่ตัว พอเพิ่มเข้าไปอีกจำนวนหนึ่งรอมกันจะมีกี่ตัว
ถ้าตอบผิด ตุ๊กตากองนั้นจะเป็นของผู้ท้าย เริ่มจากตุ๊กตามีอยู่ 1 ตัว เพิ่มเข้าไปอีก 1 ตัว จะมีตุ๊กตารวมกันกี่ตัว เล่นทายอย่างนี้บ่อยๆ ปองภพมักจะเป็นฝ่ายชนะ จะมีตุ๊กตาเพิ่มมากๆ มากจนปองภพสามารถคิดบวกลบในใจได้
นอกจากตุ๊กตาแล้ว ยังมีตัวอักษร ก-ฮ เป็นแผ่นไพ่ใบเล็กก็นำมาเล่นเกมเรียกชื่อตัวอักษรได้เช่นกัน
ปองภพมักจะคิดเกมแปลกๆ มาเล่น เกมส่วนใหญ่เป็นเกมที่เขาถนัด เขาได้เปรียบ เล่นแล้วปองภพต้องชนะ แม่มักจะแพ้การเล่นเกม แต่ชนะตรงที่ลูกอ่านออก นับจำนวนได้
มีเกมการชี้อ่านตัวอักษร ก-ฮที่น่าสนใจเกมหนึ่ง เมื่อจับ ไพ่ได้อักษร บ ผู้จับไพ่ได้ต้องอ่านออกเสียง บ ใบไม้ แล้วนึกคำมาประกอบ ปองภพนึกเบ็นเท็น บ่อยๆ บางครั้ง แต่พอไปเล่นตัวอักษร A-Zปองภพ จับได้อักษร B เขาจะบอกคำว่า BEN TEN BOY BOW เกมการเล่นอักษรบอกคำได้นี้ ช่วยให้ ปองภพมีบัญชีคำตุนไว้ในธนาคารความจำเขาไว้มาก พอนำมาแต่งประโยคหรือสนทนากัน ปองภพสามารถเข้าใจภาษาได้ไว และต่อมาก็พัฒนาเป็นการอ่านเป็นคำๆ ได้เช่นกัน
คุณสมบัติพิเศษของปองภพอีกอย่างหนึ่งคือ เขามีทักษะการสังเกตดีมาก มากพอๆ กับความจำ ผมเคยทดลองนำตุ๊กตาของเขาไว้โดยไม่ให้เขาเห็นก่อน แล้วเผยช่องว่างให้เห็นนิดๆ ปองภพดูแล้วบอกได้ว่าตัวอะไร ผลทดลองบ่อยครั้งมาก เขาไม่เคยตอบพลาดเลยเมื่อให้เขาบอกเคล็ดลับ เขาจะชี้จุดเด่น จุดเหมือน จุดต่างของตุ๊กตาแต่ละตัวให้เราเห็นได้ชัดเจน การจำลักษณะของตุ๊กตาที่ปองภพนำมาใช้กับการจำตัวละครในเรื่องรามเกียรติ์ ปองภพสามารถบอกลักษณะเด่นของตัวละครทุกตัวในเรื่องรามเกียรติ์และแยกได้ว่า ตัวไหนเป็นตัวดี ตัวไหนเป็นตัวร้าย เพราะเหตุผลใด ปองภพชอบดูหนังเรื่องรามเกียรติ์มาก แม้หนังสือเรื่องรามเกียรติ์ก็ชอบ เขาจะซื้อทุกเล่มที่มีขายและสะสมการ์ตูนภาพตัวละครในเรื่องรามเกียรติ์ไว้ทั้งหมด ว่างๆ จะมานั่งดูแล้วบอกว่านี่ตัวอะไร ลักษณะเด่นอยู่ตรงไหน นิสัยอย่างไร แล้วในที่สุดปองภพก็อ่านชื่อตัวละครเหล่านั้นได้ทุกตัว นี่คือจุดเด่นของเขาตั้งแต่อายุ 2ขวบกว่า แต่ปองภพมีปัญหาเรื่องเสียงเวลาเขาพูดเขาอ่านออกเสียง เสียงจะเพี้ยนเหมือนกับชาวต่างชาติเริ่มฝึกอ่าน พูดภาษาไทย (แพทย์บอกว่าเป็นปัญหาตรงลิ้นมีพังผืดซึ่งผ่าตัดแก้ไขได้ตอนอายุย่างเข้า7 ขวบ)
นี่คือบางแง่มุมของเด็กคนนั้นที่ชื่อปองภพ
อ่านเป็นเล่มได้ที่ https://docs.google.com/docume...
ไม่มีความเห็น