เรื่อง :
การพัฒนาชุดฝึกทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ ชื่อผู้เขียน
นายยศพัทธ์ ศิริสราญลักษณ์
ตำแหน่ง
ผู้อำนวยการโรงเรียน
วุฒิการศึกษา
การศึกษามหาบัณฑิต สาขาการบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยนเรศวร
สถานที่ติดต่อ
โรงเรียนบ้านสุเม่น หมู่ 1 ตำบลแม่สิน อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย 64130
โทร. 055- 690069 ประเภทงานวิจัย
การศึกษาค้นคว้า
ความเป็นมา
ภาษาเป็นสื่อกลางที่สำคัญต่อการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างมวลมนุษยชาติ ประเทศไทยมีภาษาไทยเป็นภาษาประจำชาติที่คนไทยมีความภูมิใจที่ได้ใช้ภาษาไทย พูนสิน บุตรภักดี (๒๕๓๕) กล่าวว่า ภาษาไทยเป็นเครื่องมือในการติดต่อสื่อสารในชีวิตประจำวันทำให้เข้าใจความหมาย ความคิด ความรู้สึก เกิดความเข้าใจซึ่งกันและกันความสำคัญของภาษาไทยเป็นสิ่งที่ควรธำรงไว้ให้มีอยู่สืบไป โดยการถ่ายทอดสู่เยาวชนรุ่นหลังด้วยการให้การศึกษาตั้งแต่ระดับอนุบาลถึงระดับอุดมศึกษา สำหรับในโรงเรียนภาษาไทยเป็นวิชาทักษะที่จะนำไปสู่การเรียนรู้ วิชาอื่น ๆ คนที่มีความสามารถหรือมีทักษะภาษาไทยได้ดีจะสามารถปรับตัวให้อยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข
นอกจากนี้ภาษาไทยยังเป็นเครื่องมือของคนไทยในชาติเพื่อการสื่อสารทำความเข้าใจกันและใช้ภาษาประกอบกิจการงานทั้งส่วนรวม ครอบครัว กิจกรรมทางสังคมและประเทศชาติ เป็นเครื่องมือการเรียนรู้ การบันทึกเรื่องราวจากอดีตจนถึงปัจจุบัน และเป็นวัฒนธรรมของชาติ ดังนั้นการเรียนภาษาไทยจึงต้องเรียนให้เกิดทักษะอย่างถูกต้องเหมาะสมกับการสื่อสาร เป็นเครื่องมือในการเรียนรู้ แสวงหาความชื่นชม ซาบซึ้ง และภูมิใจในความเป็นไทย (หลักสูตรสถานศึกษา,๑) ในระดับของการพัฒนาการเรียนการสอนนั้นจะต้องศึกษาหลักสูตรให้เข้าใจซึ่งมาตรฐานในการเรียนการสอนนั้นจะต้องเน้นให้ครบทุกทักษะ แต่อีกทักษะหนึ่งที่สมควรพัฒนาในการเรียนการสอนภาษาไทยก็คือทักษะการเขียน ซึ่งปรากฏอยู่ในสาระที่ ๑ ของหลักสูตรดังนี้ ใช้กระบวนการเขียน เขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ ย่อความและเขียนเรื่องราวในรูปแบบต่างๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นคว้าอย่างมีประสิทธิภาพ และมาตรฐานการเรียนรู้ของระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ - ๒ กล่าวไว้ดังนี้ สามารถเขียนคำได้ถูกต้องตามความหมายและสะกดการันต์ถูกต้อง ใช้ความรู้และประสบการณ์เขียนประโยคข้อความเรื่องราวและแสดงความรู้สึก ความต้องการและจินตนาการรวมทั้งใช้กระบวนการเขียนพัฒนางานเขียนมีมารยาทและนิสัยรัก การเขียนและใช้ทักษะการเขียนจดบันทึกความรู้ประสบการณ์และเรื่องราวในชีวิตประจำวันได้ (หลักสูตรสถานศึกษา,๙) (กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ, ๒๕๔๔ หน้า ๑๒)
การเขียนเป็นทักษะการแสดงออกที่สำคัญแทนคำพูดนอกเหนือไปจากประโยชน์ในชีวิตประจำวันแล้ว ในการเรียนการสอนเกือบทุกวิชาต้องอาศัยการเขียนเพื่อบันทึกถ้อยคำของครู ของวิทยากรหรือของเพื่อนเพื่อรายงานหรือเขียนตอบปัญหาต่างๆ โดยเฉพาะการเขียนคำตอบ ในการทดสอบนับว่าเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง ดังนั้นการเขียนจึงเป็นรากฐานในการเขียนในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการเขียนข้อความ ประโยค วลี กลุ่มคำ จะต้องเขียนให้ถูกต้องตามอักขรวิธี ถ้าหากเขียนคำผิดพลาดคลาดเคลื่อนหรือบกพร่องจะทำให้ความหมายของคำเปลี่ยนไปผู้สื่อสารและ ผู้รับสารไม่สามารถสื่อความหมายได้ตรงกันและในบางครั้งทำให้ความหมายไขว้เขวไปได้
ปัญหาดังกล่าวข้างต้นสอดคล้องกับสภาพปัญหาการเรียนการสอนภาษาไทยระดับชั้น ประถมศึกษาปีที่ ๑ ของโรงเรียนบ้านสุเม่น สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสุโขทัย เขต ๒ ที่ ผู้รายงานรับผิดชอบดูแลการสอนของครูผู้สอนอยู่ ได้แก่ ปัญหาที่นักเรียนขาดความสามารถในการเขียนตามรูปแบบที่กำหนดให้ โดยลำดับความคิดและเหตุการณ์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งพอจะสรุปปัญหาที่พบได้ดังนี้
๑. การตั้งชื่อเรื่องไม่เหมาะสม ซึ่งข้อบกพร่องที่พบจะมีดังนี้
๕. การเขียนสะกดคำ เขียนสะกดคำไม่ถูกต้อง
- เขียนตามคำพูด
- เขียนสะกดคำไม่ถูก
- ใช้วรรณยุกต์ผิด
โดยเฉพาะคำอักษรต่ำที่มีเสียงวรรณยุกต์ไม่ตรงกับรูป
- เขียนคำที่มีตัวควบกล้ำผิด ปัญหาดังกล่าวสมควรจะหาทางปรับปรุงและ
แก้ไข เพื่อให้นักเรียนเกิดทักษะการเขียนที่ดีทั้งในปัจจุบันและอนาคต
เมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่จะได้ติดต่อสื่อสารกับบุคคลอื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จากประสบการณ์การนิเทศการสอนของผู้รายงานที่พยายามหาทางแก้ไขปัญหามาโดยตลอด พบว่าแบบฝึกหรือชุดฝึกทักษะมีความเหมาะสมที่จะใช้แก้ปัญหาการเรียนการสอนภาษาไทยให้สำเร็จลุล่วงไปได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเน้นเป็นเฉพาะบางทักษะ ดังความเห็นของ ฉวีวรรณ พลสนะ(๒๕๑๓) ที่กล่าวว่า ชุดฝึกมีประโยชน์ต่อการเรียนวิชาทักษะมากโดยเฉพาะการฝึกหัดเขียนหรือทำกิจกรรมด้วยตนเอง รัชนี ศรีไพรวรรณ (๒๕๑๗) ก็กล่าวเสริมว่า ชุดฝึกช่วยเสริมทักษะทางภาษาไทยให้คงทน นอกจากนั้น ยุพา ยิ้มพงษ์ (๒๕๒๒) ยังกล่าวว่า ชุดฝึกช่วยในเรื่องความแตกต่างระหว่างบุคคล เพราะการที่ให้นักเรียนทำชุดฝึกทักษะที่เหมาะสมกับความสามารถของเขา จะช่วยให้นักเรียนประสบความสำเร็จมากขึ้น
จากเหตุผลและความจำเป็นดังกล่าว ผู้รายงานจึงมีความประสงค์ที่จะใช้ชุดฝึกที่ได้จาก การแก้ปัญหาในชั้นเรียนมาช่วยแก้ไขข้อบกพร่องในการเขียนอธิบายภาพ เล่าเรื่อง แสดงความนึกคิด โดยลำดับความคิดและเหตุการณ์ของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ โรงเรียน บ้านสุเม่น สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสุโขทัย เขต ๒ ที่ผู้รายงานรับผิดชอบและประสบปัญหาอยู่ ทั้งนี้เพื่อเป็นการยกระดับความสามารถในการเขียนโดยใช้จินตนาการเชิงสร้างสรรค์ให้สูงขึ้น
แนวคิดทฤษฏี
1. เอกสารที่เกี่ยวกับการเขียน
2. เอกสารที่เกี่ยวข้องกับการเขียนแบบสร้างสรรค์
3. เอกสารที่เกี่ยวข้องกับชุดฝึก
4. งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการเขียนแบบสร้างสรรค์
วัตถุประสงค์ ๑. เพื่อพัฒนาชุดฝึกทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ ๒. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์การเรียนการเขียนเชิงสร้างสรรค์ ในการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ ก่อนและหลังการใช้ชุดฝึกทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์
๓. เพื่อศึกษาเจตคติของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ หลังการใช้ชุดฝึกทักษะทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์
สมมุติฐาน ๑. นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑
มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนการเขียนเชิงสร้างสรรค์
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนด้วยการใช้ชุดฝึกทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์
๒. นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑
มีเจตคติต่อการเรียนวิชาภาษาไทย
หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนด้วยการใช้ชุดฝึกทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์
ระเบียบวิธีวิจัย การวิจัยแบบ One Group Pretest – Posttest Design
ประชากร/กลุ่มตัวอย่าง ๑. ประชากร เป็นนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ โรงเรียนบ้านสุเม่น สำนักงาน เขตพื้นที่การศึกษาสุโขทัย เขต ๒ ๒. กลุ่มตัวอย่าง ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของการศึกษาครั้งนี้ เป็นนักเรียนระดับชั้น ประถมศึกษาปีที่ ๑ โรงเรียนบ้านสุเม่น สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสุโขทัย เขต ๒ จำนวน ๒๗ คน
คำนิยามศัพท์ ๑. การเขียนเชิงสร้างสรรค์ หมายถึง
ความสามารถในการใช้ถ้อยคำภาษาที่เหมาะสม ในการเขียน
โดยใช้ความคิดและจินตนาการของตนตกแต่งเป็นเรื่องราวได้เนื้อหาสาระอย่างสมเหตุสมผล
๒. ชุดฝึกทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์ หมายถึง
สื่อและกิจกรรมในการศึกษาครั้งนี้
ประกอบด้วย ๒.๑ แบบฝึกทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์
สำหรับนักเรียนระดับชั้น ประถมศึกษาปีที่ ๑ จำนวน ๒๐ แบบฝึก
ที่ผู้รายงานสร้างขึ้นเพื่อให้นักเรียนได้ฝึกการเขียนจากง่ายไปหายากตามลำดับ
แจกให้นักเรียนฝึกครั้งละ ๑ แบบฝึก
๒.๒ คู่มือการใช้แบบฝึกทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์ เป็นแผนการสอน
ที่ครูใช้เป็นแนวทางในการจัดกิจกรรมการฝึกจำนวน ๒๐ แผนการสอนรวมอยู่ในเล่มเดียวกัน
แนวทางการใช้แบบฝึกหรือแผนการสอนที่ ๑ - ๒๐ ประกอบด้วย
(๑) จุดมุ่งหมาย
(๒) สื่อที่ใช้ในการฝึก
(๓) กิจกรรมการฝึก
(๔) การวัดและประเมินผล
(๕) ข้อเสนอแนะ
๓. แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หมายถึง เครื่องมือที่ใช้ใน
การวัดความสามารถในการเขียนเชิงสร้างสรรค์ของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ ที่เป็นกลุ่มตัวอย่างในการศึกษาครั้งนี้ มีลักษณะเป็นแบบอัตนัย ดังนี้
๓.๑ คำสั่ง ให้เขียนบรรยายภาพที่กำหนดให้ ความยาวไม่น้อยกว่า
๕ บรรทัด
๓.๒ ภาพที่กำหนดให้
๓.๓ ที่ว่างสำหรับนักเรียนเขียนบรรยายภาพ
๓.๔ เกณฑ์การตรวจให้คะแนน
๔. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หมายถึง คะแนนที่นักเรียนทำได้จากแบบทดสอบ
วัดผลสัมฤทธิ์ทางการเขียน และได้นำคะแนนที่นักเรียนทำได้มาคำนวณหาค่าทางสถิติ
๕. เกณฑ์การให้คะแนน หมายถึง ข้อกำหนดที่ผู้รายงานใช้เป็นขอบเขตในการพิจารณาให้คะแนนในการเขียน ได้แก่
๕.๑ การตั้งชื่อเรื่อง (๓ คะแนน) พิจารณาดังนี้
- ตั้งชื่อเรื่องกะทัดรัดเหมาะสมกับภาพ (๓ คะแนน)
- ตั้งชื่อเรื่องยาวเหมาะสมกับภาพ (๒ คะแนน)
- ตั้งชื่อเรื่องแต่ไม่เหมาะสมกับภาพ (๑ คะแนน)
- ไม่ตั้งชื่อเรื่อง (๐ คะแนน)
๕.๒ การสื่อความหมาย (๖ คะแนน) พิจารณาดังนี้
- นำสิ่งที่ปรากฏในภาพมาเขียนอธิบายได้เกิน ๕ อย่างขึ้นไป (๖ คะแนน)
- เขียนได้ ๕ อย่าง (๕ คะแนน)
- เขียนได้ ๔ อย่าง (๔ คะแนน)
- เขียนได้ ๓ อย่าง (๓ คะแนน)
- เขียนได้ ๒ อย่าง (๒ คะแนน)
- เขียนได้ ๑ อย่าง (๑ คะแนน)
- ไม่มีสิ่งที่ปรากฏในภาพ (๐ คะแนน)
๕.๓ การใช้ภาษา (๖ คะแนน) พิจารณาดังนี้
- ใช้ภาษาได้ถูกต้องตามหลักภาษา (๖ คะแนน)
- หากมีที่แก้ไข หักที่ละ ๑ คะแนน
๕.๔ การลำดับความคิด (๕ คะแนน) พิจารณาดังนี้
- มีการกล่าวนำเรื่อง (๑ คะแนน)
- เขียนเรื่องราวโดยลำดับเหตุการณ์เหมาะสม (๓ คะแนน)
- มีการกล่าวสรุปเรื่องหรือจบเรื่องเหมาะสม (๑ คะแนน)
๖. เจตคติต่อการเรียนวิชาภาษาไทยด้วยการใช้ชุดฝึกทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์ หมายถึง ความรู้สึกของนักเรียนที่มีต่อการเรียนวิชาภาษาไทย เกี่ยวกับคุณประโยชน์ ความสำคัญ เนื้อหา และกิจกรรมการเรียนการสอน ว่าชอบหรือไม่ชอบ พอใจ หรือไม่พอใจต่อวิชาภาษาไทย ด้วยการใช้ชุดฝึกทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์ อันเกิดจาการเรียนรู้และประสบการณ์โดยแสดงออกมาทิศทางใดทิศทางหนึ่ง ซึ่งวัดได้โดยใช้แบบสอบถามวัดเจตคติต่อวิชาภาษาไทยที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
๑. แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
๒. ชุดฝึกทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์ ซึ่งประกอบด้วย
๑) แบบฝึกทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์ สำหรับให้นักเรียนใช้เป็นสื่อใน
การฝึก จำนวน ๒๐ แบบฝึก
๒) คู่มือฝึกทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์ สำหรับครูใช้เป็นแนวทางในการจัดกิจกรรมและจัดหาสื่อที่ใช้ในการฝึกแต่ละครั้ง
การวิเคราะห์ข้อมูล
เมื่อทดสอบหลังการฝึกแล้ว ผู้รายงานได้ทำการตรวจตามเกณฑ์การตรวจให้คะแนนการเขียนเชิงสร้างสรรค์ แล้วทำการวิเคราะห์ข้อมูลตามวิธีการทางสถิติโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูป SPSS FOR WINDOW ทำการวิเคราะห์หาค่าต่างๆ ดังต่อไปนี้ คือ
๑. ค่าสถิติพื้นฐาน คือ ค่าเฉลี่ย ( ) และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ของคะแนนก่อนและหลังการทดลองของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑
๒. วิเคราะห์ผลการทดลอง เพื่อเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างค่าเฉลี่ยของคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ ก่อนและหลังการทดลอง โดยใช้การทดสอบค่าที แบบ t – test dependent
สรุปผลการศึกษาค้นคว้า
๑. ผลจากการศึกษาค้นคว้าเพื่อพัฒนาชุดฝึกทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ ทำให้ได้รูปแบบ โครงสร้าง และตัวชุดฝึกทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์ที่มีคุณภาพและมีประสิทธิภาพ สำหรับใช้จัดกิจกรรมการเรียนการสอนเพื่อฝึกทักษะด้านการเขียนเชิงสร้างสรรค์จำนวน ๒๐ แบบฝึก
๒. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลจากการทดลอง เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนการใช้ชุดฝึกทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์ของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ ในกลุ่มทดลองที่เรียนโดยใช้ชุดฝึกทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยที่สร้างขึ้น หลังการทดลองสูงกว่าก่อนการทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .๐๑ ซึ่งสอดคล้องกับสมมุติฐานที่ตั้งไว้
๓. นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ มีเจตคติต่อการเรียนวิชาภาษาไทย หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนด้วยการใช้ชุดฝึกทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์ อยู่ในระดับที่พอใจมาก ซึ่งสอดคล้องกับสมมุติฐานที่ตั้งไว้
ข้อเสนอแนะ
๑. นักเรียนบางคนจะสนุกกับการเขียนมากและเขียนได้ดี ไม่ลอกเลียนแบบใคร มีความคิดสร้างสรรค์สูง ครูควรแนะนำให้นักเรียนเหล่านี้ ได้แสดงความสามารถของตน โดยการให้เขียนเรื่องราวไปลงตามวารสารต่าง ๆ หรือส่งเสริมให้ได้เข้าประกวดการเขียนตามวาระต่าง ๆเช่น วันสุนทรภู่ วันปีใหม่ จะทำให้นักเรียนเกิดความภาคภูมิใจในตนเอง เป็นประโยชน์และความสำคัญของการเขียน อีกทั้ง ยังเป็นตัวอย่างแก่นักเรียนคนอื่น ๆ ด้วย
๒. สำหรับนักเรียนที่เขียนไม่คล่อง ครูต้องช่วยเหลือและเอาใจใส่เป็นพิเศษ
๓. ครูควรส่งเสริม และเปิดโอกาสให้นักเรียนได้เขียนอย่างต่อเนื่อง อาทิ ในโอกาสวันสำคัญต่าง ๆ หรือโอกาสพิเศษ เช่น อวยพรให้เพื่อน ให้ครูในวันปีใหม่ เขียนเล่าเหตุการณ์ต่าง ๆ
ที่เกิดขึ้น เช่น เหตุการณ์พายุฝนดาวตก กีฬาที่ชอบ บันทึกประจำวัน ฯลฯ ก็จะทำให้นักเรียนได้ฝึกทักษะการเขียนของตนเองต่อไปเรื่อย ๆ ในที่สุด เด็กจะเห็นว่า การเขียนไม่ใช่เรื่องยาก นักเรียนบางคนเมื่อครูให้เขียนเรื่องโดยมีภาพมาให้เขียนจะเขียนได้อย่างรวดเร็วและเขียนได้ดีอีกด้วย บางครั้งยังไม่ถึง ๕๐ นาทีเสร็จแล้ว นับเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจแก่ผู้รายงานเป็นอันมาก
๔. ควรได้มีการส่งเสริมให้มีการสร้างชุดฝึกทักษะการเขียนในระดับที่สูงขึ้นเพื่อนักเรียนจะได้การฝึกทักษะอย่างต่อเนื่องตามความเหมาะสมของวัยและระดับชั้น
๕. ในการศึกษาค้นคว้าต่อไป ควรได้มีการทดลองฝึกทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์ โดยใช้สื่อฝึกทักษะในลักษณะต่าง ๆ เช่น เกม เพลง ชีวประวัติบุคคลสำคัญในท้องถิ่น หรือเขียนบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในท้องถิ่นเป็นต้น
อยากเห็นบทที่ 1 ค่ะ