จิตอาสามิตรภาพบำบัดเพื่อนช่วยเพื่อนในวันที่ลืมนัด


วันนี้ได้บันทึกช่วงหลังเที่ยงไว้ และกดบันทึกไว้ แต่ยังไม่เปิดเผย

เพราะยังบันทึกไม่เสร็จ กลับมาบันทึกต่อแต่หาไม่เจอจึงเปิดหน้าบันทึกใหม่

ช่วงพักเที่ยงนั่งพิมพ์บันทึก ต้องหยุดลงแบบกระทันหัน แต่ว่ากดเซฟไว้ กลับมาทำอีกทีตอนบ่ายแก่ๆไม่ได้ดูเวลา

ด้วย เพราะมีงานตามมาแบบมือระวิงเลย ที่ต้องหยุดบันทึกลงกระทันหัน เพราะว่าลืมไปทำหน้าที่จิตอาสา 

น้องพยาบาลโทรมาตามบอกว่าหนูรอครูต้อยเกือบ30 นาที ตกลงครูต้อยจะมาหากลุ่มผู้ป่วยไตไหมคะ 

โอ้เสียงหวานปานนั้นไม่ไปได้ไง รู้สึกแย่มากเลยที่ลืมสนิท 

เนื่องจากใจนึกถึงกิจกรรมตอนเช้า ที่ผ่านมานั้นมีอะไรที่น่าสนใจ จึงอยากบันทึกไว้ ซึ่งก็ทำไม่เสร็จ และกลับมา

บันทึกต่อเมือ่ว่าง เช้าวันนี้เป็นกิจกรรมสนทนาบำบัด และตามด้วยการทำสมาธิแบบเคลื่อนไหวมือ จึงได้พบเหตุการณ์

เรื่องผู้ป่วยท่านหนึ่งไม่เคยรู้จักเบาหวานเลย ข้อมูลที่ได้รับนั้นมันทำให้แกรู้สึกกลัวทั้งนั้น เมื่อทำกิจกรรมเสร็จแล้ว

เดินไปจับมือแก เพราะระหว่างทำสมาธิบำบัดได้เห็นดวงตาคู่นั้นมันทุกข์เหลือเกิน พอเอื้อมมือไปจับแกร้องไห้โฮเลย

แล้วก็รำพันให้ฟังว่าแกตกใจมากเมื่อหมอบอกว่าแกเป็นเบาหวาน และแกรู้สึกแย่ 

วันี้กิจกรรมเปลี่ยนไปมีน้องนักวิชาการสาธารณสุขของรพ.ให้ความรู้เรื่องโรคความดัน การกินอาหาร การออกกำลังกาย

ซึ่งในขณะที่มีคำถามขึ้นมา ผู้ป่วยรายนี้จะตอบคำถามได้เสียงดังฟังชัด ขณะเดียวกันแกก็พยายามที่จะบอกเล่าอาการ

ต่างๆของโรคที่เกิดขึ้นภายในกายของแก แต่ด้วยเวลาที่จำกัดซึ่งคนจัดกิจกรรมเองพยายามจัดแบบให้อยู่ในกรอบ

ห้ามหลุดกรอบ อิอิ คนจัดกิจกรรมช่วงแรกเขาก็เกร็งจะแย่อยู่แล้ว มาสารภาพภายหลังว่ากลัวเกินเวลา 

กลัวหลุดเฟรม จึงไม่มีเวลาฟังผู้ป่วยรายนี้...แกคงอัดอั้นตันอุรานะนี่ 

 เมื่อกิจกรรมให้ความรู้การดูแลสุขภาพจบลง จึงเข้าสู่กิจกรรมของฉัน ซึ่งได้ชี้ชวนและพาให้ผู้ป่วยทำสมาธิ ระลึกรู้ลมหายใจตนเอง ให้ใคร่ครวญ สิ่งต่างๆอย่างมีสติ และชี้ให้เห็นแนวทางแก้ไข ปรับสภาพตัวเอง นี่อุตส่าห์ให้คาถาด้วยนะ อิอิ...เป็นคาถา 3 อ. ค่ะ จนผู้ป่วยรายอื่นๆนั้นทำความเข้าใจคาถาบทนี้ไปแล้ว แกยังคงนั่งซึม โธ่นี่ฉันจัดหนักไปหรือเปล่าหนอ ก็เอาแกมาไว้ในใจก่อน เสร็จแล้วจะต้องให้กำลังใจโดยเร็ว

และย้ำว่า..เอาไปลองทำดูนะ  แกก็รับปากไปสะอื้นไปว่าจะพยายามทำสมาธิทุกคืนก่อนนอน ...ไหมหล่! ที่แนะนำไปนั้นให้ระลึกรู้ลมหายใจทุกอริยบทคอยนึกไว้ ลืมก็ไม่เป็นไร ให้ลองดูเช่นทำอะไรอยู่ก็ให้หมั่นระลึกรู้สึกตัว รู้ลมหายใจ ว่ามันออกหรือเข้า สั้นหรือยาว ลองตามดูในขณะที่ทำภารกิจต่างๆ แกก็รับปากว่า"จ๊ะ" แต่ฟังน้ำหนักเสียงมันเบาจังเลย จึงถามว่าทำอาชีพอะไร อ้อ..แล่ปลา..(ปลาทะเล) ดีใจเลยนึกในใจ ไม่ยาก บอกว่าเวลาลากเข่งปลาเข้ามาหาตัวนั้นให้หายใจเข้าพร้อมกับลากเข้ามา ให้ดูซิว่าหายใจเข้ามานี่ลากเข่งได้ไกลแค่ไหน แล้วขณะที่ลมหายใจหยุดนิ่งนั้นยังลากอยู่ หรือหยุด พอหายใจออกก็ดูอีกว่าลากต่อได้ยาวแค่ไหน รู้สึกอย่างไร เหนื่อยไหม นี่ทำไปบ่อยๆฝึกบ่อยๆอาการเหนื่อยจะหายไปนะ มีแรงมากขึ้น และเวลาจับปลาขึ้นมาแล่ก็ฝึกไปด้วยพิจารณาไปด้วย  จะแล่ปลาได้เร็ว ชิ้นปลาที่แล่ออกมาก็ออกมาสวย เพราะว่าเราทำอย่างตั้งใจ ใส่ความรักความเอาใจใส่ไปพร้อมกับระลึกรู้สึกตัวเราไป ไปกับลมหายใจเราเอง ...แกก็พยักหน้าบอกว่าฉันจะพยายาม  แล้วก็ขอให้แกปรับเวลากินข้าวเช้าเสียใหม่จากเที่ยงให้มากินให้ได้ตอนเช้า ข้าวเช้าก็ต้องกินเช้าไปกินเที่ยงเวลามันก็ร่นไปเรื่อยๆอย่าให้เกิน 8 โมงเช้า นี่กำชับเลย  ลองดูเท่านี้ก่อน ขอเบอร์ด้วยจ้า จะได้โทรติดตามถามทุกข์สุข แกยิ้มสวยขึ้นมาทันที ตั้งใจติดตามอาทิตย์ละครั้ง ทำอย่างที่เคยทำ ต่างกันที่ปีก่อนนั้นลงไปรู้จักที่รพสต และติดตามทางโทรศัพท์ ฝากเพื่อนผู้ป่วยใกล้เคียงติดตามบ้าง แต่รายนี้จะขอติดตามจนกว่าจะมาพบแพทย์ตามนัดครั้งต่อไปนี่เป็นเหตุการณ์เมื่อเช้านี้ 

ส่วนช่วงบ่ายกลุ่มโรคไต ที่ต้องให้น้องโทรตามเพราะมัวคิดถึงเรื่องที่ผ่านไปแล้ว ก็เจอสิ่งที่น่าแก้ไขคือการวัดความดัน ตั้งแต่ท่านั่งวัดของผู้ป่วยจนถึงก่อนวัดควรให้ผู้ป่วยนั่งพักก่อน แล้วก็ช่วงเวลาของการวัดก็ไม่ควรชวนถามชวนให้ตอบ เพราะเชื่อตามงานวิจัยของแพทย์ในเว็บของต่างประเทศ(อเมริกา) ว่าจะมีผลต่อความจริงที่จะได้ อันนี้ไม่ได้เชื่อลมๆแล้งๆนะ เพราะได้เอามาทดลองกับตัวเอง พูดไปคุยไปวัดไป ความดันทะลุเป้าไปที่ 146 แถมท่านั่งไม่ถูกต้องด้วย เว้นห่าง5 นาที ลองจัดท่านั่งให้ถูกต้อง และหยุดนิ่งหายใจปกติแล้ววัด แค่ 123 เอง ..ลองเอาไปทำกับเพื่อนผู้ป่วยอีกคน ขานั้นยิ่งเม้าส์ระเบิด ความดัน 154 แล้วจัดท่านั่งให้ใหม่ ให้หยุดเม้าส์เพื่อจะได้ข้อมูลที่เป็นจริงกับท่านั่งที่ถูฏต้องและกับสิ่งที่ไม่ควรทำขณะวัด ผลชัดเจนเลย ความดันลดลงเหลือ 132 ตัวเลขสลับกับของฉัน อันนี้ไม่ได้ใบ้หวยใต้ดินนะ ไม่ได้โต๊ดเดี๋ยวโดนข้อหาเล่นการพนันเถื่อน 


หมายเลขบันทึก: 515820เขียนเมื่อ 11 มกราคม 2013 00:46 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 มกราคม 2013 19:34 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

สวัสดีค่ะครูต้อย

อ๋อ อย่างนี้นี่เองที่เขาเรียกว่าความดัน ขึ้นอยู่กับอารมณ์

ทำงานจนมือเป็นระวิง อย่างไรก็ดูแลสุขภาพตนเองบ้างนะคะ

สวัสดีค่ะ น้องกล้วยไข่

ขอบคุณที่แวะมาแลกเปลี่ยนกันนะคะ

โดยปกติแล้วความดันคงไม่ได้ขึ้นเพราะอารมณ์

หรือทำงานมากไปหนักไปนะคะ เพราะสาเหตุของผู้ที่มีความดันโลหิตสูง(Hypertension)นั้น

ทางการแพทย์ท่านให้ความรู้เรื่องhypertensionไว้อย่างนี้นะคะ

และการรักษาความดันโลหิตสูงนั้น สมาคมความดันโลหิตสูงแห่งประเทศไทย

ได้จัดพิมพ์เผยแพร่แนวทางการรักษาความดันโลหิตในเวชปฏิบัติทั่วไปพ.ศ. 2555 ไว้แล้ว

ลองคลิ๊กเข้าไปอ่านนะคะ


พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท