ไหนๆวันนี้ผมก็เป็นไข้หวัดแล้ว ผมก็เลยนำความรู้เกี่ยวกับไข้หวัดมาให้ทุกคนได้ศึกษาเผื่อว่าทุกคนจะได้ไม่ต้องเป็นเหมือนกับผมอย่างเช่นตอนนี้น่ะครับ
ไข้หวัดเป็นการติดเชื้อของจมูก และคอ บางครั้งเรียก upper respiratory tract infection URI เกิดจากเชื้อไวรัสซึ่งรวมเรียกว่า Coryza viruses ประกอบด้วย Rhino-viruses เป็นสำคัญ เชื้อชนิดอื่นๆมี Adenoviruses, Respiratory syncytial virus เมื่อเชื้อเข้าสู่จมูก และคอจะทำให้เยื่อจมูกบวม และแดง มีการหลังของเมือกออกมาแม้ว่าจะเป็นโรคที่หายเองใน 1 สัปดาห์แต่เป็นโรคที่นำผู้ป่วยไปพบ แพทย์มากที่สุดโดยเฉลี่ยเด็กจะเป็นไข้หวัด 6-12 ครั้งต่อปี ผู้ใหญ่จะเป็น 2-4 ครั้ง ผู้หญิงเป็นบ่อยกว่าผู้ชายเนื่องจากใกล้ชิดกับเด็ก คนสูงอายุอาจจะเป็นปีละครั้งครับ
ในเด็กอาจจะรุนแรง และมักมีการแพร่ไปเป็นหลอดลมอักเสบ ปอดบวมครับ ส่วนอาการของผู้ใหญ่ มีอาการจาม และน้ำมูกไหลจะนำมาก่อน อ่อนเพลีย ปวดศีรษะเล็กน้อย แต่มักไม่ค่อยมีไข้ เชื้อจะออกจากทางเดินหายใจของผู้ป่วย 2-3 ชั่วโมงและหมดใน 2 สัปดาห์ บางรายอาจมีอาการปวดหู เยื่อแก้วหูมีเลือดคั่ง บางรายเยื่อบุตาอักเสบ เจ็บคอกลืนลำบาก โรคมักเป็นไม่เกิน 2-5 วัน แต่อาจมีน้ำมูกไหลนานถึง 2 สัปดาห์ ครับ
โรคนี้มักจะระบาดฤดูหนาวครับเนื่องจากความชื้นต่ำและอากาศเย็น เราสามารถติดต่อจากน้ำลาย และเสมหะผู้ป่วย นอกจากนั้นมือที่เปื้อนเชื้อโรคก็สามารถทำให้เกิดโรคได้โดยผ่านทางจมูกและตา ผู้ป่วยสามารถแพร่เชื้อได้ก่อนเกิดอาการและ 1-2 วันหลังเกิดอาการ ผู้ที่มีโอกาสเป็นไข้หวัดง่ายคือ เด็กอายุน้อยกว่า 2 ปีเด็กที่ขาดอาหาร เด็กที่เลี้ยงในสถานเลี้ยงเด็ก ครับ
โรคไข้หวัดไม่มียารักษาเฉพาะครับถ้ามีไข้ให้ยาลดไข้ paracetamol หรือ brufen ห้ามให้ aspirin
ให้พัก และดื่มน้ำมากๆ
ให้บ้วนปากด้วยน้ำเกลือ
และหลายท่านยังเชื่อว่าการได้รับวิตามินซี ขนาดสูงสามารถรักษาและป้องกันไข้หวัดได้ จากการศึกษายังไม่มีหลักฐานยืนยันว่ารักษาได้จริง หรือทำให้โรคหายเร็วขึ้นน่ะครับ นอกจากนั้นการได้รับวิตามิน ซีขนาดสูงยังทำให้เกิดท้องร่วง และมีผลต่อการตรวจน้ำตาลในเลือด รวมทั้งการแข็งตัวของเลือดครับ
เมื่อเช้าที่ทำงาน ปิดจมูก มาทำงานกัน 3 คน เห็นแล้วเราคันจมูก เลย
ได้ข้อมูลความรู้ดีๆ ...ขอบใจมาก หนู
ครับผม!!!! ช่วงอากาศหนาวๆอย่างนี้ ทุกคนต้องรักษาสุขภาพครับ
ทั้งเพื่อ ตัว เรา และเพื่อคนรอบข้างด้วยครับ