เพื่อนคนหนึ่งเป็นนักแปลชื่อ วิภาดา กิตติโกวิท ส่งข้อเขียนของแจ็ค ไรเมอร์ ซึ่งเป็นรับไบ (rabbi) หรือผู้ประกอบพิธีกรรมในศาสนายิว เล่าเรื่องการแสดงดนตรีของ อิทซัก เพิร์ลแมน (Itzhak Perlman) นักไวโอลินขาพิการชาวอเมริกันเชื้อสายยิว ในงานแสดงคอนเสิร์ทที่หอแสดงดนตรีเอเวอรี่ ฟิชเชอร์ ศูนย์ลินคอล์น นครนิวยอร์ก เมื่อวันที่ ๑๘ พ.ย.๒๕๕๕ ที่เพิ่งผ่านมา
เพิร์ลแมนเป็นนักสีไวโอลินระดับ "เทพ" ได้รับเชิญบรรเลงในงานเลี้ยงอาหารค่ำที่ทำเนียบขาวเพื่อเป็นเกียรติแก่พระราชินีอลิซาเบธแห่งอังกฤษเมื่อปี พ.ศ.๒๕๕๐ รวมทั้งเป็นผู้เล่นไวโอลินในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐของบารัค โอบามา เมื่อปี พ.ศ.๒๕๕๑ ร่วมกับโยโยหม่า (นักสีเชลโลระดับเทพของโลก) เพิร์ลแมนเป็นผู้เล่นไวโอลินประกอบภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่ทั้งฝรั่ง เช่น ชินด์เลอร์ ลิสต์ และภาพยนตร์จีน เช่น ฮีโร่
รับไบไรเมอร์เล่าว่า เมื่อวงออร์เคสตราพร้อมแล้ว เขาก็ก้าวขึ้นเวทีด้วยเหล็กดามขาและไม้เท้ายันแขนทั่งสองข้างเนื่องจากเป็นโปลิโอมาตั้งแต่เด็ก การเดินโขยกเขยกขึ้นเวทีของเขาเป็นภาพที่คุ้นตาของผู้ชมมานาน ทุกสายตาจ้องมองไปที่เพิร์ลแมนอย่างเงียบกริบ เมื่อถึงเก้าอี้แล้วเขาก็นั่งลง วางไม้เท้าลงกับพื้น แล้วหยิบไวโอลินที่วางอยู่บนพื้นขึ้นมาหนีบที่คอ ยกคันซอขึ้น แล้วพยักหน้าให้ผู้กำกับวงว่าพร้อมแล้ว
พอเริ่มเล่นไปได้ครู่เดียวมีเสียงดังปั๊งคล้ายเสียงปืนทะลุห้องแสดงดนตรี ปรากฏว่าเป็นเสียงสายไวโอลินเส้นหนึ่งของเพิร์ลแมนขาด ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าต้องพักการแสดงเพื่อเปลี่ยนสายใหม่ เพราะทุกคนรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะเล่นงานซิมโฟนีแบบนี้ด้วยซอเพียง ๓ สาย แต่ครั้งนี้ไม่เป็นไปอย่างที่ทุกคนคาดคิด หลังจากชงักไปเพียงครู่เดียว เพิร์ลแมนพยักหน้าให้ผู้กำกับวงดำเนินการบรรเลงต่อ โดยเขาเล่นต่อด้วยซอที่เหลือเพียง ๓ สายที่เหลือไปพร้อมกับสมาชิกวงคนอื่นๆ จนจบเพลง ได้เสียงเพลงที่รับไบไรเมอร์บอกว่าไพเราะมากอย่างที่ผู้รู้จักเพลงนี้ทุกคนไม่เคยได้ยินความไพเราะในแบบนี้มาก่อน ด้วยเสียงที่แปลกใหม่จากไวโอลินของเพิร์ลแมน จากการที่เขาพยายามรักษาสมดุลย์กับเครื่องดนตรีอื่นๆ ของวงออร์เคตตร้าที่เล่นไปตามปกติ
รับไบบอกว่า เมื่อเพลงจบ บรรยากาศเงียบสนิท ก่อนที่ผู้ชมทุกคนจะพร้อมใจกันลุกขึ้นปรบมือยาวนานพร้อมทำทุกอย่างเพื่อส่งเสียงเชียร์เพื่อแสดงให้เห็นว่าชื่นชมในสิ่งที่เพิร์ลแมนทำมากเพียงไร เขายิ้ม ปาดเหงื่อจากหน้าผาก ยกคันซอขึ้นเป็นสัญญาณให้ผู้ชมทุกคนเงียบ แล้วพูดขึ้นด้วยเสียงที่สงบ ไม่มีสำเนียงของการโอ้อวดใดๆ ว่า "คุณรู้ไหม บางครั้งมันเป็นหน้าที่ของศิลปินที่จะค้นให้พบว่าคุณจะสร้างเสียงดนตรีได้มากเพียงใดจากสิ่งที่ยังเหลืออยู่ของคุณ"
รับไบไรเมอร์แสดงความคิดเห็นต่อคำพูดของเพิร์ลแมนว่า เป็นประโยคที่ทรงพลัง "บางทีนั่นอาจเป็นนิยามของชีวิตก็ได้...ไม่ใช่สำหรับศิลปินเท่านั้น แต่สำหรับเราทุกคน"
ผมอ่านเรื่องราวของเพิร์ลแมนมาถึงประโยคที่เขาพูดบนเวทีตามที่รับไบไรเมอร์นำมาถ่ายทอดนี้แล้ว ถึงกับกลั้นน้ำตาแห่งความปิติไว้ไม่อยู่
ที่สำคัญคือ เกิดกำลังใจขึ้นมาอย่างมหาศาล เรื่องราวและคำพูดนี้เป็นแรงบันดาลใจให้ผมก้าวข้ามความวิตกกังวลที่อยู่ในใจลึกๆ อันหนึ่งไปได้ นั่นคือ หากวันหนึ่งที่ผมต้องพิการลง เช่น ตาบอดจากโรคต้อหิน ผมก็น่าจะค้นพบด้วยตนเองในตอนนั้นได้ว่าจะสร้างสรรค์งานที่มีพลังกับอวัยวะที่เหลืออยู่ได้อย่างไร!
สุรเชษฐ เวชชพิทักษ์
๕ มกราคม ๒๕๕๖
------------------------------------------------------------------------
ไม่มีความเห็น