ชีวิตที่พอเพียง : ๑๗๒๑. ตัดสินใจละโอกาสในอาชีพแพทย์


...................................... มีการพูดกันเรื่องงานใหม่ๆเชิงพัฒนาที่แหวกแนวไปจากงานหลักที่มีระบบและการให้ผลประโยชน์ชัดเจนว่า หาคนทำยาก เพราะไม่อยากละจากงานเดิมซึ่งดีล้นเหลือ ตัดสินใจละออกมายาก .......................................


          มีคนถามอยู่บ้างว่า ชีวิตของผมเลี้ยวมาเป็นเช่นปัจจุบันได้อย่างไร  โดยผมก็ถามตนเองด้วย  และยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจน 

          วันที่ ๑๓ ธ.ค. ๕๕ ไปร่วมประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการพัฒนางานประจำสู่งานวิจัยที่ศิริราช  มีการพูดกันเรื่องงานใหม่ๆเชิงพัฒนาที่แหวกแนวไปจากงานหลักที่มีระบบและการให้ผลประโยชน์ชัดเจนว่า หาคนทำยาก  เพราะไม่อยากละจากงานเดิมซึ่งดีล้นเหลือ  ตัดสินใจละออกมายาก  "มีแต่คนบ้าๆไม่กี่คน" เป็นคำของท่านคณบดี ศ. นพ. อุดมคชินทร

          ทำให้ผมนึกออกว่าผมเป็นหนึ่งใน "คนบ้า" นั้น  ที่ตัดสินใจละจากอาชีพแพทย์ที่ดูแลปฏิบัติรักษาผู้ป่วย  คือย้ายจากสังกัดภาควิชาอายุรศาสตร์  ไปเป็นอาจารย์ภาควิชาพยาธิวิทยา  ทำงานสอนพันธุศาสตร์ซึ่งเป็นวิชาทางปรีคลินิค  ในราวๆปีพ.ศ. ๒๕๒๐  อายุ ๓๕ ปี  โดยในตอนนั้นผมทำหน้าที่รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์  และมีงานบริหารมากเต็มเวลา  ผมไม่มีเวลาไปออกตรวจผู้ป่วยและสอนนักศึกษาแพทย์ชั้นคลินิก  และคิดว่าผมชอบงานวิจัย  การไปสังกัดภาควิชาปรีคลินิคจะทำให้ผมมีเวลาทำงานวิจัยมากขึ้น

          แปลกมากที่ตอนนั้นผมไม่เสียดายความเป็นหมอรักษาคนไข้เลย  ทั้งๆที่รู้ๆกันอยู่ว่าหมอรักษาคนไข้กับหมอไม่รักษาคนไข้นั้นรายได้แตกต่างกันมาก  นี่กระมังที่ทำให้ท่านคณบดีอุดมกล่าวว่าเป็น“คนบ้าๆ” 

          ผม AAR แบบคิดหลุดโลก  ว่าคนเรามัก“ติดกับ”สิ่งดีๆที่ตนได้รับ  จึงไม่ขวนขวายแสวงหาสิ่งใหม่ให้แก่ชีวิต  คนเป็นหมอและทำหน้าที่รักษาคนไข้  มีชีวิตที่ดีล้นเหลือ  ทำประโยชน์ให้แก่ชีวิตคนไข้  และได้รับทั้งเกียรติและได้รับทั้งลาภ  จึงหยุดชีวิตไว้ตรงนั้น 

          แต่หมออย่างผมที่จิตใจเร่าร้อนอยากทำอะไรบางอย่างที่เป็นประโยชน์  ให้เป็นชีวิตที่มีประโยชน์  ไม่ใส่ใจผลประโยชน์จากการทำหน้าที่ดูแลคนไข้  สนใจทำงานวิจัยค้นคว้า  หรือทำงานพัฒนา  ที่เป็นดินแดนที่คนเป็นหมอไม่นิยม  การละจากชีวิตที่มั่นคง  ไปสู่ชีวิตที่สุ่มเสี่ยงเอาแน่เอานอนไม่ได้กลับเป็นสิ่งที่ผมตัดสินใจไม่ยาก

          เป็นสภาพการตัดสินใจที่ผมเองก็ไม่เข้าใจตนเองจนบัดนี้  รู้แต่ว่าถ้าไม่ละจากโอกาสดีและมั่นคงในชีวิต  ไปสู่ชีวิตของนักแสวงหา  ก็จะไม่พบชีวิตที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน 

          ดังนั้นเมื่อลูก ๒ คนละจากชีวิตมั่นคง  เลือกเดินทางชีวิตแสวงหาคล้ายๆกันผมจึงไม่ห้ามปราม 

          เพราะผมเชื่อว่าชีวิตคือการเดินทางค้นหาความหมาย  หากหยุดค้นหาก็จบ


วิจารณ์พานิช

๑๕ ธ.ค. ๕๕


     

หมายเลขบันทึก: 515061เขียนเมื่อ 4 มกราคม 2013 10:18 น. ()แก้ไขเมื่อ 4 มกราคม 2013 10:18 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

 คิดถึง..อาจารย์ ตั้ม และศรัทธาในตัวตนของ...อาจารย์วิจารณ์ มาก นะครับ

ด้วยความเคารพรัก

แสงแห่งความดี


พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท