พระโพธิสัตว์ตัวน้อยของพ่อ


ผมกับ อ.จัน พยายามให้เจ้าต้นไม้ได้ออกกำลังกายช่วงเย็นๆ ให้ได้เหงื่อเพราะเชื่อว่าน่าจะทำให้เขาสุขภาพดีทั้งกายและใจ แต่การจะให้ได้เล่นตอนเย็นๆ ได้ทุกเย็นนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเจ้าต้นไม้เป็นลูกคนเดียวไม่มีเพื่อนเล่น เพื่อนบ้านแถวนี้แม้จะอายุรุ่นราวคราวเดียวกันก็ไม่ได้กลับบ้านในเวลาใกล้เคียงกันเสียด้วย ดังนั้นจึงกลายเป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่ที่จะต้องเป็นเพื่อนเล่นของเขาแทน

บ้านผมโชคดีอย่างหนึ่งที่หมู่บ้านที่อยู่นี้มีเพียงหกหลังและมีทางเข้าแยกออกมาจากถนนใหญ่ค่อนข้างลึกพอประมาณ ดังนั้นถนนหน้าบ้านจึงกลายเป็นที่เล่นได้โดยไม่ต้องกลัวรถ ถนนหน้าบ้านนี้เองเป็นพื้นที่ที่เราใช้ให้เจ้าต้นไม้ได้ออกกำลังกายตอนเย็น

ก่อนหน้านี้เราให้เขาปั่นจักรยานโดยจะมีผู้ใหญ่คอยปั่นกับเขาอยู่ด้วย แต่มาช่วงหลังๆ เขาเริ่มเบื่อ เราเลยพยายามหาวิธีการใหม่ๆ ที่ทำให้เขาอยากเล่นกีฬามากระตุ้นเขาเรื่อยๆ

ในวันปีใหม่ที่ผ่านมาพวกผมได้ไปร้านขายเครื่องกีฬาในห้างพบสเก็ตบอร์ดและโรลเลอร์สเก็ตลดราคาอยู่เลยซื้อกลับมาเล่นกับเจ้าต้นไม้ ทั้งๆ ที่สามคนพ่อแม่ลูกไม่มีใครเล่นเป็นเลย

กลับมาถึงบ้านสิ่งแรกที่ทำคือขอวิชาจากอาจารย์กูและอาจารย์ยู (Google และ YouTube) เมื่อได้วิชาดีแล้วก็ไปทดลองของจริงหน้าบ้านโดยเจ้าต้นไม้เล่นโรลเลอร์สเก็ตก่อนส่วนผมเล่นสเก็ตบอร์ด

เด็กนั้นเรียนรู้เร็วอยู่แล้วสำหรับกีฬาในลักษณะนี้ ดังนั้นไม่นานเจ้าต้นไม้ก็สามารถเดินได้กับรองเท้าโรลเลอร์สเก็ต ส่วนผมนั้นล้มกลิ้งไปสองสามรอบก็เริ่มทรงตัวอยู่บนสเก็ตบอร์ดได้ หลังจากล้มต่อไปอีกจนไม่ได้นับครั้งก็สามารถไถลตัวไปมาบนสเก็ตบอร์ดได้ เรียกได้ว่าอุปกรณ์ป้องกันเข่า ศอก ฝ่ามือ และหมวกได้ใช้หมดทุกชิ้น

เราเล่นกันจนมืดค่ำก็ต้องเข้าบ้าน แต่ผมไม่อยากเข้าบ้านเลย อยากเล่นต่อให้ชำนาญแต่ก็ต้องกลับเข้าบ้านกินข้าวไม่งั้นเจ้าต้นไม้ไม่กลับด้วย

แล้วคืนนั้นที่ผ่านมาผมก็หลับฝันถึงสเก็ตบอร์ดอย่างมีความสุข

ความรู้สึกอยากเล่นจนไม่อยากเข้าบ้านนี่เราทุกคนคงเคยมีกันมาแล้ว แต่ส่วนใหญ่เราจะมีตอนเด็กๆ ในวันที่เราเล่นมากกว่าทำอย่างอื่น แต่พออายุมากขึ้นความรู้สึกนี้กลับถูกลืมกันไปเพราะเราไม่ค่อยได้มีโอกาสเล่นเท่าไหร่นักในชีวิตของผู้ใหญ่

ผมเองลืมความรู้สึกนี้ไปนานแล้วพึ่งจะมานึกออกก็ตอนมีลูกนี่ละครับ

เด็กเป็นสิ่งที่สวยงามมาก ความรู้สึกของเด็กบริสุทธิ์ตรงไปตรงมา เราเองทุกคนก็เคยเป็นเด็กและมีความรู้สึกเช่นนั้นมาก่อนทั้งนั้น แต่ด้วยสภาวะของการที่ต้องเป็นผู้ใหญ่ทำให้เราไม่ได้มีโอกาสมีความรู้สึกแบบเด็กๆ แถมบางครั้งสังคมยังสอนว่าเราไม่ควรรู้สึกแบบเด็กๆ ด้วยซ้ำ

เด็กโดยทั่วไปจะมีความสุขได้ง่ายมาก สิ่งเล็กสิ่งน้อยในชีวิตของเขาทำให้เขามีความสุขอย่างบริสุทธิ์ใจได้ทั้งสิ้น ในขณะที่ผู้ใหญ่กลับมีความสุขได้ยากกว่าแต่กลับมีความทุกข์ได้ง่าย ดังนั้นชีวิตของผู้ใหญ่จึงกลายเป็นชีวิตที่ต้องอยู่กับความทุกข์แล้วเรียนรู้ที่จะมีความสุข แต่เด็กไม่เคยต้องเรียนวิชาความสุขเลยเขากลับมีความสุขได้ง่ายๆ

เราทุกคนก็เคยเป็นเด็ก เราเคยมีความสามารถที่จะมีความสุขเหมือนเด็กๆ แต่ทำไม "สัญชาติญาณแห่งความสุข" นั้นหายไปแล้วเรากลับต้องมาดิ้นรนหาความสุขในวิธีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทางโลกหรือทางธรรม

มาถึงวันนี้ผมกลับคิดว่าการ "เป็นผู้ใหญ่โดยการเลิกเป็นเด็ก" นี่น่าจะเป็นสิ่งที่ผิด เราควรจะเป็นเด็กอยู่ตลอดชีวิต เราไม่ควรจะทิ้งสัญชาติญาณต่างๆ ที่เรามีโดยธรรมชาติมาตั้งแต่เด็ก

แน่นอนว่าเราก็ต้องเรียนรู้ที่จะพัฒนาความรู้และความคิดไปตามวัย แต่ไม่ใช่เรียนรู้เพื่อละทิ้งสิ่งที่เรามีตามธรรมชาติ

ผมได้มีโอกาสฟื้นสัญชาติญาณเด็กเมื่อมีลูก ได้เรียนรู้ความสุขของการเล่น ได้สัมผัสความอร่อยเมื่อได้กิน ได้หลับเมื่อได้นอน และได้ตื่นเมื่อถึงเวลาตื่น

ศาสนาพุทธเรียกสิ่งนี้ว่า mindfulness (สติ) หรือ being here, being now (อยู่กับปัจจุบัน) ซึ่งเป็นคุณสมบัติหนึ่งของพระโพธิสัตว์

กลับกลายเป็นว่าเด็กทุกคนที่เราได้พบได้เจอ แท้จริงแล้วคือพระโพธิสัตว์ที่มาโปรดให้เราได้ "โพธิจิต" ที่เราเคยมีกลับคืนมา

คำแปล "โพธิจิต" ในภาษาอังกฤษคือ "beginner's mind"

เด็กยังมีคุณสมบัติของพระโพธิสัตว์อีกมากหลายอย่าง ถ้าเราตั้งใจเรียนรู้ก็จะมีธรรมะดีๆ จากพระโพธิสัตว์ตัวน้อยๆ เหล่านี้ให้เราอีกเยอะแยะทีเดียวครับ

ผมมีพระโพธิสัตว์ตัวน้อยโปรดผมอยู่ตลอด ก็อยู่ที่ว่าผมจะฟังธรรมจากพระหรือไม่ ผมเชื่อว่าทุกคนมีพระโพธิสัตว์ตัวน้อยๆ แสดงธรรมให้เราฟังอยู่บ่อยๆ ดังนั้นอย่าลืมเปิดใจฟังธรรมจากพระตัวเล็กๆ กันนะครับ

หมายเลขบันทึก: 514918เขียนเมื่อ 2 มกราคม 2013 23:04 น. ()แก้ไขเมื่อ 3 มกราคม 2013 08:54 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

  • เป็นมุมมองที่ลึกซึ้งคะ..
  • ความสุข จาก beginner mind สังเกตสิ่งต่างๆ ด้วยการอยู่กับปัจจุบัน
  • นึกถึงตอนเด็กๆ ที่เล่นกับต้นไม้ใบหญ้า เล่นทรายได้ทั้งวัน โดยไม่กังวลอะไร  อาจเพราะตอนนั้นยังไม่มีหัวโขน ไม่สนใจว่าใครจะเรียกชื่อเรียกยศผิด  

พี่โอ๋ดีใจที่ได้อ่านความรู้สึกในบันทึกนี้นะคะ เพราะเป็นความรู้สึกที่ต้องประสบด้วยตัวเองเท่านั้นจึงจะเข้าใจ เลยต้องขอย้ำเสมอกับพ่อแม่ที่มีลูกเล็กๆว่า เวลากับพวกเขาคือสิ่งที่มีค่าที่สุด และเป็นช่วงเวลาไม่นานเท่าไหร่เลยแค่สิบกว่าปีในช่วงแรกของชีวิตลูกเท่านั้น เอาตำแหน่งหน้าที่หรือคุณสมบัติ เงินทองอะไรมาแลกก็ไม่คุ้มทั้งสิ้นเลยค่ะ เพราะไม่ใช่แต่ลูกที่เขาจะได้พื้นฐานที่ดีจากความรักและเวลาที่เรามีให้ แต่เราเองก็จะได้เรียนรู้สิ่งที่ไม่มีใครจะให้เราได้ และเด็กแต่ละคนก็ไม่เหมือนกันเลย พี่โอ๋มีสามหนุ่มก็สนุกไปได้สามแบบเลยค่ะ ถึงอยากมีสักสิบเอ็ดคน

บันทึกที่เรียกรอยยิ้มแบบมีเสียง แต่เช้ามืดเลยค่ะ :))

บางช่วงก็ดิ่ง...คิดตาม อืมม ใช่ๆ จริงด้วยสิ พอเป็นผู้ใหญ่ หลายอย่่างดีๆ หายไป...ได้ยังไง

เมื่อวาน ที่บ้านน้าปูกระเบื้องเสร็จใหม่ๆ คลานแข่งกับเด็กชายตะมิก เด็กหญิงมะนาวหลายรอบสนุกสนานมาก :)))

ไม่ว่าจะลื่นพังพาบกระแทกบ้าง ก็รีบดึงแขนดึงขาคลานต่อไม่ร้องสักแอะเลยนิ สอนเราหลายอย่าง

...เด็กทุกคนที่เราได้พบได้เจอ

แท้จริงแล้วคือพระโพธิสัตว์ที่มาโปรดให้เราได้ "โพธิจิต" ที่เราเคยมีกลับคืนมา

สุดยอดเลยค่ะ

การเล่นกีฬาของเด็กประถมก็ด้วย

ไม่เคยคิดว่า จะตีแบ็ตฯแบบ... เด็กเสิร์ฟแบบไหน ป้า...มั่งสิ ฮา..

ฮูลาฮูป ก็เรียนรู้จากเด็กๆจนควงเป็นพันๆครั้งสบายๆ ทั้งๆที่ไม่มั่นใจ ว่าจะควงให้เกาะเอวได้ ฮาๆๆ

... เด็กยังมีคุณสมบัติของพระโพธิสัตว์อีกมากหลายอย่าง ถ้าเราตั้งใจเรียนรู้

ก็จะมีธรรมะดีๆ จากพระโพธิสัตว์ตัวน้อยๆ เหล่านี้ให้เราอีกเยอะแยะทีเดียวครับ

ผมมีพระโพธิสัตว์ตัวน้อยโปรดผมอยู่ตลอด ก็อยู่ที่ว่าผมจะฟังธรรมจากพระหรือไม่

ผมเชื่อว่าทุกคนมีพระโพธิสัตว์ตัวน้อยๆ แสดงธรรมให้เราฟังอยู่บ่อยๆ

ดังนั้นอย่าลืมเปิดใจฟังธรรมจากพระตัวเล็กๆ กันนะครับ

ตอนนี้ เด็กคลำทักษะการใช้คอมพ์ฯเอง สอนป้าบางอย่างแล้ว (ฮาอีกที) ดีจังเลยค่ะ

ขอบคุณบันทึกวิเศษ ชวนฟื้น "โพธิจิต" ชั้นเซียนนี้นะคะ สาธุจริงๆค่ะ

แอบเล่า"ว่า"..ครั้งหนึ่งมีคนที่เคยคิดจะรักบอกว่า"หล่อน"คนนี้..เป็นเด็กแล้วไม่รู้ว่าแก่เป็นไง..และคงตายไปเลย..ตอนนั้นรู้สึกว่าถูกดูถูกอย่างแรง...พอมาอ่านบันทึกนี้ชอบใจ..ที่มี..คนคิดว่า..ความเป็นเด็ก..คือโพธิจิต..ชอบๆๆๆ  ยายธี

 เห็นด้วยกับคุณหมอป. นะครับอาจารย์

ลึกซึ้ง ครับ

ขอบคุณอาจารย์มากนะครับ

แวะมาทักทายอ.ธวัชชัย ได้เห็นความรู้สึกที่ดีมีพลังชีวิตระหว่างคุณพ่อและน้องต้นไม้ ขอให้อาจารย์และน้องต้นไม้มีความสุขปีใหม่นะครับ 

ค่ะ ถ้าสังเกตดี ๆ เด็กเล็ก ๆ มีเรื่องที่ทำให้เราได้เรียนรู้อีกมากมายค่ะ ขนาดพี่มีเจ้าสองตัวโตเป็นหนุ่มกันหมดแล้ว เรียกว่า ลืมไปแล้วว่าได้เรียนรู้อะไรบ้างกับลูก ๆ แต่พอมีเจ้าฟ้าคราม (หลานย่า) ทำให้ฟื้นความจำขึ้นมาได้อีก ดีค่ะ...เด็กเล็ก เขาไร้เดียงสาดี ควรใส่แต่สิ่งดี ๆ กับเขาจะทำให้เขาเป็นคนดีค่ะ

มาสวัสดีปีใหม่ครับ  ท่านอาจารย์  

วันก่อนผมโดนพระโพธิสัตว์ตัวน้อย ๆ ของผม  ขู่ ครับ  อิ อิ อิ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท