สวัสดีวันส่งท้ายปีพุทธศักราช 2555 ค่ะ วันนี้ดิฉันขอนำเสนอเรื่องการปรับสภาพบ้านค่ะ
ในที่นี้เป็นการปรับเพื่อความปลอดภัยในการอยู่อาศัยสำหรับผู้พิการ และผู้สูงอายุ เพราะนอกจากนักกิจกรรมบำบัดจะฟื้นฟูความสามารถในการใช้ชีวิตประจำวันได้แล้วนั้น สิ่งสำคัญอีกอย่าหนึ่งที่นักกิจกรรมบำบัดพึงให้ความสนใจคือ"สภาพแวดล้อมภายในบ้านและรอบตัวบ้าน" เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้จริง อย่างเต็มวามสมารถของตนเอง
ก่อนอื่น ขอขอบพระคุณ คุณพิมล จงไพศาลสถิตย์ นักกิจกรรมบำบัด สภากาชาดไทย ผู้จัดทำคู่มือเรื่อง "การปรับปรุงดัดแปลงสภาพบ้านและสิ่งแวดล้อมสำหรับผู้พิการ (Home and Environment Modification) ที่เป็นเจ้าของบทความดีๆเหล่านี้ค่ะ
สิ่งกีดขวางทางสถาปัตยกรรมต่อผู้พิการ
อาคารบ้านเรือน สิ่งก่อสร้างสาธารณะ รวมทั้งถนนทางเดินโดยทั่วไปถูกออกแบบและก่อสร้างไว้สำหรับบุคคลปกติเท่านั้น ไม่ได้คำนึงถึง หรือให้ความสนใจในการออกแบบเผื่อไว้สำหรับผู้พิการ ทำให้ผู้พิการเป็นจำนวนมากต้องประสบปัญหาและอุปสรรคต่างๆมากมาย เมื่อต้องกลับไปอยู่กับครอบครัวและสังคม ทั้งในการประกอบกิจวัตรประจำวัน การเดินทางไปไหนมาไหน(transportation) การเข้าสังคม และการประกอบอาชีพ สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นปัญหาทางกายต่อผู้พิการเท่านั้น แต่ยังก่อให้เกิดปัญหาด้านจิตใจหลายอย่างตามมาได้ สำหรับอุปสรรคและสิ่งกีดขวางต่างๆ ด้านอาคารสถานที่ที่ผู้พิการพบอยู่เสมอ ทั้งที่บ้านและในที่สาธารณะ ได้แก่
การดัดแปลงสภาพบ้านและสิ่งแวดล้อมสำหรับผู้พิการ
รูปภาพที่ 1 อุปกรณ์เสริมทางลาดที่สามารถเคลื่อนย้ายได้
รูปภาพที่ 2 อุปกรณ์เสริมทางลาดควรออกแบบให้ยาวมากขึ้น เพื่อลดระดับความชัน ทำให้ง่ายต่อการเข็นเก้าอี้ล้อเข็น และพื้นทางลาดต้องไม่ลื่น ถ้าทางลาดมีความสูงเกิน 15 เซนติเมตร ต้องทำราวเกาะกันไว้
รูปภาพที่ 3 ในกรณีที่บ้านติดถนนและประตูทางเข้าสูงจำเป็นต้องทำทางลาดให้ยาวขึ้นเพื่อลดระดับความชัน และต้องออกแบบให้มีที่พักหรือทำแบบหักมุม และที่พักบริเวณก่อนขึ้นลงทางลาดควรมีพื้นที่อย่างน้อย 1.5 x 1.5 ตารางเมตร ( 5 x 5 ตารางฟุต)
ตัวอย่างการใช้อุปกรณ์เสริมทางลาด
รูปภาพที่ 4 ตัวอย่างอุปกรณ์เสริมทางลาดแบบรางคู่
รูปภาพที่ 5 ตัวอย่างอุปกรณ์เสริมทางลาดแบบแผ่นเดี่ยว
รูปภาพที่ 6 ตัวอย่างการใช้อุปกรณ์เสริมทางลาดแบบรางคู่
รูปภาพที่ 7 ตัวอย่างการใช้อุปกรณ์เสริมทางลาดแบบแผ่นเดี่ยว
รูปภาพที่ 8 ตัวอย่างการใช้อุปกรณ์เสริมทางลาดแบบแผ่นเดี่ยวใช้กับยานพาหนะ
ข้อควรระวัง ในการใช้ทางลาด กรณีที่ผู้พิการใช้ทางลาด เพื่อความปลอดภัยควรมีคนคอยระวังข้างหลังหรือช่วยเข็นเก้าอี้ล้อเข็นให้
รูปภาพที่ 9 กรณีที่มีธรณีประตู ควรเสริมทางลาดเพื่อง่ายต่อการใช้อุปกรณ์ช่วยเดินที่มีล้อ
รูปภาพที่ 10 ประตูกว้างกว่าเก้าอี้ล้อเข็นพร้อมกับเสริมอุปกรณ์ทางลาด
รูปภาพที่ 11 ประตูเปิด – ปิด อัตโนมัติ
รูปภาพที่ 12 การใช้ประตูแบบเลื่อนเปิด – ปิด และไม่มีธรณีประตู
รูปภาพที่ 13 การใช้ลูกบิดแบบเป็นด้ามสะดวกสำหรับผู้ที่กำมือได้ไม่ดี
รูปภาพที่ 14 ขนาดความกว้างและความสูงของขั้นบันไดที่เหมาะสม
รูปภาพที่ 15 บันไดมีราวเกาะทั้ง 2 ข้าง ทั้งพื้นและราวบันไดควรใช้วัสดุที่ไม่ลื่น เพื่อความปลอดภัย
รูปภาพที่ 16 กรณีที่บันไดมีราวเกาะอยู่ข้างเดียว ควรเสริมราวเกาะติดกับผนัง อีกข้างเพื่อความสะดวกในการขึ้น–ลง
รูปภาพที่ 17 เสริมราวติดผนังทั้งสองข้าง
รูปภาพที่ 18 การเคลื่อนย้ายตัวภายในบ้านสำหรับผู้พิการที่ไม่สามารถเดินได้ต้องใช้เก้าอี้ล้อเข็น
รูปภาพที่ 19 ทางเดินเพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับผู้ใช้เก้าอี้ล้อเข็น หรือใช้อุปกรณ์ช่วยเดินที่มีล้อเป็นส่วนประกอบ
รูปภาพที่ 20 ขนาดความสูงของเตียงและเก้าอี้ล้อเข็นเท่ากัน พร้อมกับอุปกรณ์ช่วยในการเคลื่อนย้ายตัว กรณีที่ผู้พิการเคลื่อนย้ายตัวเองได้ไม่ดีมีแรงแขนไม่พอที่จะยกตัวเองจากเก้าอี้ล้อเข็นไปเตียงหรือจากเตียงไปเก้าอี้ล้อเข็น
รูปภาพที่ 21 ตัวอย่างการใช้อุปกรณ์ช่วยในการเคลื่อนย้ายตัวระหว่างเก้าอี้ล้อเข็นกับเตียง
รูปภาพที่ 22 ตัวอย่างราวจับสำหรับช่วยในการลุกนั่งกรณีที่ผู้พิการอัมพาตครึ่งซีก
รูปภาพที่ 23 ตัวอย่างโต๊ะที่สามารถนำเก้าอี้ล้อเข็น เข้าถึงได้
รูปภาพที่ 24 เคาน์เตอร์หรือชั้นวางของภายในห้องครัว
รูปภาพที่ 25 โต๊ะสำหรับใช้กับเก้าอี้ล้อเข็นเพื่อทำกิจกรรมต่างๆ และไม่มีสิ่งกีดขวางอยู่ใต้โต๊ะ
รูปภาพที่ 26 ตัวอย่างห้องน้ำที่ติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆให้อยู่ในระดับที่ผู้พิการสามารถเอื้อมถึงและติดราวเกาะตามผนัง
รูปภาพที่ 27 การติดตั้งราวเกาะในห้องน้ำและเก้าอี้สำหรับนั่งอาบน้ำโดยที่ผู้พิการสามารถเปิด-ปิดน้ำฝักบัวได้
รูปภาพที่ 28 ติดราวเกาะทั้งทางด้านนอกและด้านในของประตูห้องน้ำ
รูปภาพที่ 29 ตัวอย่างห้องน้ำ ที่ติดตั้งฝักบัวให้อยู่ระหว่างที่นั่งอาบน้ำและ ชักโครกเพื่อสะดวกต่อการใช้
รูปภาพที่ 30 ตัวอย่างอุปกรณ์เสริม ใช้สำหรับถูตัวและหลังในกรณีที่ผู้ป่วยใช้มือได้ข้างเดียว
โถส้วม
ควรเป็นแบบชักโครกนั่งห้อยขาแทนแบบนั่งยองๆ หรืออาจใช้เก้าอี้นั่งถ่าย (commode chair) ช่วย ความสูงที่เหมาะสมของโถส้วมจะอยู่ที่ประมาณ 43 – 48 เซนติเมตร (17 – 19 นิ้ว)
รูปภาพที่ 31 ติดราวเกาะกับผนัง และติดตั้งราวเกาะข้างอีกด้าน
รูปภาพที่ 32 ติดราวเกาะกับผนัง และราวเกาะอีกด้านสามารถยกขึ้นและยกลงได้ เพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้เก้าอี้ล้อเข็นเมื่อเวลาย้ายตัวจากเก้าอี้ล้อเข็นไปนั่งชักโครก
รูปภาพที่ 33 อุปกรณ์ช่วยในการเคลื่อนย้ายตัว ไป-กลับ ระหว่างเก้าอี้ล้อเข็นกับชักโครก
รูปภาพที่ 34 ตัวอย่างเก้าอี้นั่งถ่าย (commode chair) ซึ่งสามารถประดิษฐ์หรือประยุกต์วัสดุอุปกรณ์อื่นๆ แทนได้
อ่างล้างหน้า
ควรสูงประมาณ 68.5- 91.5 เซนติเมตร และมีที่ว่างด้านล่างพอที่ผู้ใช้เก้าอี้ล้อเข็นจะสอดขาเข้าไปได้ (อย่างต่ำ 43 เซนติเมตร)
รูปภาพที่ 35 ผู้พิการสามารถสอดเก้าอี้ล้อเข็นเข้าไปใต้อ่างล้างหน้าได้เพื่อสะดวกต่อการใช้
ตัวอย่างการปรับสภาพบ้านและสิ่งแวดล้อม
ผู้ป่วยหลอดเลือดสมองที่เคยเข้ารับการบำบัดฟื้นฟู
ในศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูสวางคนิวาส
ผู้ป่วยหญิงเป็นอัมพาตครึ่งซีกข้างขวา หลังจากได้รับการบำบัดจากศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูแล้ว ผู้ป่วยสามารถเดินโดยใช้ไม้เท้าได้แต่ยังไม่ค่อยมั่นคง เมื่อกลับไปอยู่บ้าน ญาติได้ปรับสภาพบ้านโดยจัดที่นอน ห้องน้ำ การจัดทำราวเกาะสำหรับเดิน เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ในกิจกรรมที่เป็นกิจวัตรประจำวันบางอย่างได้ เช่นการเข้าห้องน้ำเอง การเดินภายในบ้าน เป็นต้น โดยใช้วัสดุที่สามารถหาได้ง่าย ราคาไม่แพง และสามารถทำเองได้ เช่นการใช้ ท่อ พีวีซี เป็นต้น
↑ การจัดเตียงนอนติดกับห้องน้ำ การทำราวเกาะทั้งสองข้างบันได |
↑ ติดฝักบัวด้านซ้ายมือ เมื่อเปิดน้ำให้ ระยะน้ำที่ตกลงพอดีกับตัวผู้ป่วย |
วางแผ่นกันลื่นที่พื้น ติดสายฉีดไว้ซ้ายมือ
ผู้ป่วยสามารถเดินขึ้น-ลงเองได้
ผู้ป่วยลงมานั่งที่เตียงได้อย่างปลอดภัย
ติดสวิทย์ไฟห้องน้ำแบบสองทางที่หัวเตียงนอนพร้อมโทรศัพท์
ติดราวเกาะตามทางเดินระหว่างห้อง
ราวเกาะตามทางเดินเข้า – ออก เชื่อมต่อกับประตู
ติดราวเกาะที่ประตู พร้อมลูกบิดประตูแบบเป็นด้ามจับ
ติดราวเกาะทั้งข้างนอกและข้างในประตู
ผู้ป่วยก้าวลงจากพื้นต่างระดับได้อย่างมั่นคงและปลอดภัย
ระหว่างทางเดินมีที่ให้พักนั่งได้ ถ้าผู้ป่วยเดินไม่ไหว
ผู้ป่วยเดินออกมานั่งเล่นข้างนอกเองได้