เพราะการหัวเราะทำให้คนลืมทุกข์ แม้จะเพียงชั่วขณะหนึ่ง
เคยมีอาจารย์ท่านหนึ่งเคยบอกว่าถ้าหัวเราวันละ 5 นาที อายุจะยืนไปอีก.....จำไม่ได้ ต้องขอทบทวนก่อน
แก่แล้วความจำมันมาไม่ทันใช้งาน แต่พอไม่ใช้มันก็พากันมา ...มันก็ขำแล้ว
ขำเพราะว่าพูดไปก็ไปโดนใจผู้สูงอายุหลายคน วันนี้ น่าจะเกิน 50 คน
ช่วงเช้าพาฝึกรู้สึกตัว 25 คน เอาม่านกั้นให้เป็นสัดส่วน ผ่านไป15นาที มีเสียงกรนค๊อกฟี่ๆๆๆๆๆ ซะแล้ว
ก็ว่ากันไปตามทำนอง เสร็จแล้ว พากันแผ่เมตตา โดยเชิญคุณลุงที่มานั่งข้างๆ ตอนมานั่งคุณลุงกระซิบว่า
"ขอนั่งใกล้ๆนะ หูไม่ดี" พอเริ่มสัพเพ..เสียงคุณลุงดังชัดเจน ก็เลยกระซิบบอกว่า "คุณลุงช่วยนำหน่อยนะคะ"
วันนี้เสร็จก่อน 9 โมงเช้า 15 นาที แต่กว่าจะเดินออกมาได้ก็เจอรถนั่งหลายคัน รอคุณหมอ
น้องพยาบาลวิภา เดินมากระซิบว่าคุณหมอยัง round อยู่ ก็เลยหันมาหาผู้ป่วยกว่า 50 คนที่นั่งรอเป็นแถวสวยงาม
แล้วแจกแอลกแฮอล์ชวนให้ทำความสะอาดมือ พากันดีใจ ร้องดีๆๆๆ ต่อจากนั้นให้แบมือแจกโลชั่น คนละหยดโตๆ
หลายคนพอได้ปุ๊ปก็ทาปั๊ป หลายคนก็มองโลชั่นที่ฝ่ามือแบบงงๆ หลายคนยื่นคำถามว่าจะให้ทำอะไร...หอมจัง
ตรงนี้ก็ได้คิดนะว่าปฏิกริยาโต้ตอบต่อสิ่งเร้าของแต่ละคนแตกต่างกัน
บ้างโต้ตอบจากความเคยชิน บ้างชั่งใจก่อน พิจารณาก่อน รอก่อนเรียกว่าใจเย็นๆ ไม่วู่วาม รอดูท่าทีก่อน
ท้ายที่สุดก็ตอบไปว่า....ช่วยบอกความรู้สึกแรกสัมผัสโลชั่นที่อยู่ในฝ่ามือของท่านค่ะ ...
ในช่วงเวลาที่รอคอยการตรวจ เช่นนี้ กับการปรับเปลี่ยนการรอคอยให้เป็นกิจกรรมที่น่าจะเกิดประโยชน์
มากกว่าการนั่งรอเฉยๆ...มันทุกข์ใจไม่น้อยสำหรับหลายๆคน ในขณะที่กายป่วยก็ทุกข์กายและทุกข์ใจ
การรอคอยก็ทุกข์ ทุกข์แตกต่างกันก็ทุกข์ ทุกข์เหมือนกันก็ทุกข์ แต่ถ้ารู้จักวาง ก็สบาย สบายใจมาก่อน
ทุกข์กายก็หายไปโขแล้ว ส่วนจะสบายแค่ไหนก็ยังเรียกว่าสบาย
เมื่อฟังคำตอบ ก็ได้คำตอบหลากหลาย แตกต่าง และชวนหัวเราะได้หลายคน ซึ่งล้วนเป็นคำตอบเชิงบวก
คนฟังข้างๆก็สบายใจ คนนั่งข้างหน้าก็สบายใจ คนนั่งข้างหลังก็สบายใจ เพราะพูดเสียงเดียวกันว่าหอม แล้วเย็นๆ
ก็นั่งรอให้น้องแอร์ก็เย็น OPD เก่าทั้งแน่นทั้งร้อน อีกทั้งหาที่จะหมุนกายก็ยากนัก
ที่ยืนรอก็หลายคนทั้งคนป่วยทั้งญาติ นี่ก็ผลงานการจัดระบบการให้บริการใหม่ของผอ.โรงพยาบาลคนล่าสุด
ที่คนทั้งเมืองพากันเรียกขานชื่อสั้นๆว่า หมอโม แสดงให้เห็นถึงความคุ้นเคยและเป็นกันเองกับประชาชน
คนไข้ผู้มารับบริการการรักษา หลังจากนั้นก็สอนสปานิ้วตัวเอง ทุกคนที่มานั่งรอรับการรักษา ระหว่างอรก็
ให้รูู้จักหาวิธีทำให้ตัวเองมีความสุข และเกิดประโยชน์มากๆไว้ เวลาที่รอคอยจะมีค่ามากขึ้น
นั่งเฉยๆก็อดปรุงแต่งความคิดไม่ได้ เข้าใจความรู้สึกของการรอคอยการอยู่กับทุกข์กายดี
ก็เลยสอนให้รู้จักทำสปามือให้ตัวเองพร้อมกันก็ให้บริหารหลอดเสียง โดยให้ร้องเพลงนิ้วไปด้วย ...
งา้นี่มีการเรียกชื่อนิ้วตัวเองผิดด้วยนะ เพราะเผลอปล่อยให้ความคิดกับจิตออกไปนอกห้อง โน่น
ไปนึกถึงคนที่บ้าน...เพื่อนๆก็หัวเราะขำกันบ้าง..ร้องเอ้อแล้วหัวเราะคงโดนเข้าแล้ว ฉันก็เป็นเหมือนกัน
ต้องฝึกเรียกสติกลับมา ฝึกรู้ตัวให้ทัน แม้ว่ามันจะเกิดขึ้นแล้ว หากได้รู็สึกทันก็ยังดี ยังไม่ทันปรุงแต่ง
ถามว่าคิดถึงเขาทำไม ก็มีเสียงตอบว่าถ้าเขามาด้วยก็ดี จะได้เรียนรู้ไปด้วยกัน เพราะเขากำลังเผชิญปัญหา
นิ้วล็อคอยู่ที่บ้าน ก็แหย่เล่นว่าตาทิพย์นะ อยู่ตรงนี้ยังมองไปไกลถึงบ้าน ผู้สูงอายุหลายท่านชอบใจ
เสียงหัวเราะเสียงดังก็เรียกว่ากุ๊กๆกิ๊กๆ กับคำพูดหยอกล้อ ผู้สูงอายุจิตเบิกบานแบบนี้ก็น่ารักดีนะ
พอทำเสร็จคุณหมอมาถึงพอดี ทุกคนดีใจ พูดออกไปว่า ถ้าดีใจยินดีก็ปรบมือต้อนรับคุณหมอเลย
เสียงปรมมือดังขึ้น พร้อมมีเสียงกล่าวคำทักทายว่าสวัสดีค่ะ/ครับคุณหมอ
ทำให้นึกถึงเวลาคุณครูเดินเข้าชั้นเรียนเด็กๆจะดีใจรีบสวัสดี
(นึกสนุกในใจว่า วันหน้าน่าจะสอนให้ทักทายเป็นภาษาต่างประเทศ เรียกว่าภาษาต่างประเทศวันละคำสำหรับผู้ป่วย)
วันนี้คุณหมอคงหายเหนื่อย เพราะผู้ป่วยที่รอรับการรักษา สีหน้าสดชื่น ดวงตาเบิกบานแจ่มใส
พรุ่งนี้เช้าจะสอนแบบนี้อีก แต่จะให้เริ่มจากปรมมือ เอาเพลงใส่เข้าไป เอาใจมาไว้ที่มือ ร้องเพลง ปรมมือ
พร้อมปรบมือแล้วค่อยมาทำสปามือ ผู้ป่วยเช้านี้วันนี้มีครบทั้ง 5 โรคเรื้อรัง มากที่สุด คือความดัน เบาหวาน
แถมไขมัน มีหัวใจ 2 ท่าน ไต 1 และมะเร็ง 1
อ้าว ตี 3 กว่าแล้ว นอนดีกว่า
มองเชิงบวก
คือต้นธารของเสียงหัวเราะแห่งความสุข..
ชื่นชมครับ