Thanachart
นาย ธนชาติ แสงประดับ ธรรมโชติ

รวันดา สภาพปัญหาและความขัดแย้ง :บทเรียนของโลก บทเรียนของไทย ตอนที่ 1


 

รวันดา :บทเรียนของโลก บทเรียนของไทย * (1)

                                                                               โดย ธนชาติ แสงประดับ ธรรมโชติ

                                                                               นักวิชาการอิสระเศรษฐศาสตร์การเมือง

                                                                               เครือข่ายเสริมสร้างสังคมสันติสุข

                                                                               [email protected]


สภาพปัญหาและความขัดแย้ง

รวันดา หรือ สาธารณรัฐรวันดา( Republic of Rwanda) เป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล ทางตะวันออกของประเทศอยู่ติดกับทะเลสาบเกรตเลกส์ (Great Lakes) รวันดาเป็นประเทศเล็ก ๆ ที่อยู่บริเวณระหว่างตอนกลางและตะวันออกของทวีปแอฟริกา มีอาณาเขตติดต่อกับยูกันดาทางตอนเหนือ บุรุนดีทางตอนใต้ สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก(แซร์:1971-1997)ทางตะวันตกเฉียงเหนือมาจนถึงตะวันตก และแทนซาเนียที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ไล่ขึ้นมาถึงทางตะวันออกรวันดามีลักษณะทางภูมิประเทศที่เป็นเนินเขาที่อุดมสมบูรณ์ เป็นหนึ่งในประเทศที่ปกคลุมไปด้วยภูเขามากที่สุดในทวีปแอฟริกาพื้นที่บางส่วนเป็นภูเขาที่มีความสูงถึง 14,000ฟุตเหนือระดับน้ำทะเล ทำให้ได้สมญานามจากเบลเยียม เจ้าอาณานิคมเก่าว่าเป็น “ดินแดนแห่งเขาพันลูก”รวันดา เป็นหนึ่งในประเทศที่เล็กที่สุดในแอฟริกา  มีเนื้อที่ประมาณ 10,000 ตารางไมล์  ซึ่งเทียบได้กับขนาดของมลรัฐ Marylandสหัฐอเมริกา แต่ด้วยประชากร 8 ล้านคนทำให้มีประชากรมากกว่ามลรัฐ Maryland ถึงสองเท่า 

รวันดาก็เป็นแผ่นดินที่มีความหลากหลายทุกๆด้านภูมิประเทศในฝั่งตะวันตกของประเทศเต็มไปด้วยป่าฝน ภูเขาไฟ หุบเขาสูงภูเขาที่มีสันคมมีเชิงเขาลาดเอียงทอดแนวคล้ายผ้าห่มยาวตลอดถึงภูมิภาคส่วนกลางของประเทศ
หลายพื้นที่มีการปลูกกล้วยและยูคาลิปตัส ส่วนพื้นที่แถบฝั่งตะวันออกมีลักษณะเป็นบึงใหญ่ทะเลสาบและที่ราบทุ่งหญ้า  การที่ภูมิภาคแห่งนี้มีทั้งทะเลสาบขนาดใหญ่และเล็กในทางตะวันออกของแอฟริกาเป็นจำนวนมากภูมิภาคนี้จึงถูกเรียกว่า “the Great Lakes Region”

รวันดาแบ่งการปกครองออกเป็น 10 เขตด้วยกันเรียกว่าprefectures แต่ละ prefecture ประกอบไปด้วย
143 ชุมชน ซึ่งเป็นหน่วยปกครองของแต่ละ prefecture โครงสร้างนี้เหมือนกับโครงสร้างของการปกครองในสหรัฐอเมริกาซึ่งแบ่งออกเป็นแต่ละรัฐและรวมเป็นประเทศเมืองหลวงคือ กรุงคิกาลีซึ่งเป็นใหญ่เมืองเดียวที่มีอยู่ของรวันดาตั้งอยู่ที่ศูนย์กลางของประเทศ  และเป็นหน่วยปกครองศูนย์กลางของ prefectureคิกาลี เมืองศูนย์กลางของประเทศนี้เป็นหน่วยปกครองกลางของ prefectureอื่นๆอีก 9 หน่วยเมืองอื่นๆที่มีความสำคัญได้แก่ จิเซนยี ซึ่งตั้งอยู่โดยแวดล้อมด้วยทะเลสาบคิวูและบูแทร์ ทางตอนใต้ และทะเลสาบรูเฮนเจรีทางตะวันตกเฉียงเหนือ ทุกพื้นที่จะมีฟาร์มเล็กๆของการเกษตรตั้งอยู่รอบๆกระจัดกระจายทั่วทุกส่วนของประเทศ

ประชากร-ชนเผ่า

ประชากรของรวันดาได้แบ่งออกเป็นกลุ่มชนเผ่า3 กลุ่มด้วยกัน กล่าวคือกลุ่มทวา (หรือรู้จักในนามของกลุ่มบัทวา)
มีจำนวนประมาณ 1% ของประชากรทั้งหมด ซึ่งเป็นชนเผ่าแรกที่เป็นผู้อาศัยในประเทศอีกสองชนเผ่าที่สำคัญของประเทศได้แก่ กลุ่มฮูตู (หรือบะฮูตู)ซึ่งก่อนที่จะเกิดสงครามกลางเมืองมีจำนวนมากประมาณ 85 % ของประชากรทั้งหมดและกลุ่มสุดท้ายคือกลุ่มตุ๊ดซี่ (หรือบะตุ๊ดซี่) ซึ่งมีจำนวน 14 % ของประชากรทั้งหมด  ก่อนเกิดสงครามกลางเมืองสัดส่วนของชนเผ่าตุ๊ดซี่ และ ฮูตูยังคงเหมือนเดิม ในประวัติศาสตร์ของรวันดา ชนเผ่าฮูตูและเผ่าตุ๊ดซี่  นอกจากอาศัยในรวันดาแล้ว ยังอาศัยในประเทศเพื่อนบ้านด้วยอย่างเช่น ในประเทศเบอรันดี ซึ่งมีสัดส่วนพอๆกับสัดส่วนกลุ่มชนเผ่าอื่นๆนอกเหนือจากนั้นยังอาศัยอยู่ในประเทศอูกันดา แทนซาเนียและสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ด้วย แต่เป็นชนส่วนน้อยของประเทศดังกล่าว

ชาวทวา  ชาวฮูตู และชาวตุ๊ดซี่ได้อยู่ร่วมกันในรวันดามาเกือบ 1,000 ปีชาวฮูตู ชาวตุ๊ดซี่ และชาวทวาต่างก็มีค่านิยมทางสังคมและวัฒนธรรมคล้ายๆกัน ต่างก็พูดภาษาเดียวกันคือเคินยาวานดา ชาวฮูตูและตุ๊ดซี่อาศัยอยู่ร่วมกันทั้งในย่านชนบทและในเมืองทั้งยังมีการแต่งงานข้ามชนเผ่าระหว่างสองชนเผ่านี้ด้วย ทั้งสองชนเผ่าต่างก็เป็นคริสเตียนซึ่งนับถือทั้งนิกายคาธอลิกและโปรเตสแตนท์คละเคล้ากันไป การแบ่งชนเผ่ามีความหมายเหมือนกับการแบ่งชนชั้นทางสังคม เพราะได้นำไปสู่การเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมทั้งทางสังคม  เศรษฐกิจ และการเมือง จนนำไปสู่ความรุนแรง การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันทางการเมือง

สภาพปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคม

รวันดาเป็นประเทศที่มีประชากรอาศัยอยู่อย่างหนาแน่นมากกว่า 95%ของประชากรเป็นเกษตรกร ซึ่งในภูมิภาคที่เหมาะสมแก่การทำเกษตรกรรมที่สุดประชากรจะยิ่งหนาแน่นมากเป็นพิเศษบางครั้งก็มากถึงขนาดว่ามีประชากร 1,100 คนต่อเนื้อที่ 1ตารางไมล์ เช่นเขตการปกครอง บูแทร์และรูเฮนเจรี นอกจากนั้นพื้นที่ที่ราบสูงส่วนกลางของประเทศซึ่งอยู่เหนือระดับน้ำทะเลประมาณ5,000-7,000 ฟุต ก็เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดและมีประชากรหนาแน่นที่สุดในประเทศเช่นกันส่วนในแถบชนบทประชากรส่วนใหญ่อาศัยอยู่บนเนินเขาแต่ก็เต็มไปด้วยครัวเรือนจำนวนมากเนื่องจากการเกษตรกรรมเป็นแหล่งที่มาหลักของอาหาร แหล่งงาน  และรายได้  ดังนั้นที่ดินทำเกษตรกรรมจึงมีค่ามากและเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในประเทศ

ชาวรวันดาใช้พื้นที่เกษตรกรรมบางส่วนในการเลี้ยงสัตว์และปลูกไม้ล้มลุก เช่น ถั่ว กล้วย มันเทศ ข้าวโพด ถั่วเขียว และถั่วลิสง เป็นอาหารหล่อเลี้ยงชีวิตประชากรรวันดาส่วนพืชที่เพาะปลูกเพื่อการค้า  คือ เมล็ดกาแฟ
ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกที่เป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่สุดและนำรายได้เข้าประเทศมากที่สุด  นอกจากนั้นรวันดายังปลูกชา ฝ้าย ซึ่งมีการนำดอกของของชาและฝ้ายไปใช้ในการผลิตยาฆ่าแมลง เพื่อส่งออกไปยังประเทศในยุโรปและประเทศอื่นๆในแถบแอฟริกา  ส่วนการเลี้ยงสัตว์ โดยเฉพาะโค กระบือ เป็นสิ่งสำคัญมาก บางส่วนนำมารีดเอานมหรือไม่ก็นำมาเพื่อเป็นอาหาร ส่วนที่ไม่อาจนำมาเป็นอาหารหรือรีดนำนมมาดื่มได้ เพราะความไม่สมบูรณ์
จะนำไปใช้เป็นสัญลักษณ์แห่งความมั่งคั่ง และเป็นเครื่องเชิดชูสถานะทางสังคมของบุคคล

การเกษตรกรรม นำมาซึ่งการแข่งขันเพื่อสิ่งที่ดีที่สุดในการผลิตเพื่อการค้า  ที่ต้องมีทั้งคุณภาพและปริมาณ  จึงเพิ่มความต้องการมีพื้นที่ขนาดใหญ่เพื่อครองความเป็นเจ้าของปัจจัยการผลิตที่ดินถูกเปลี่ยนมือระหว่างชาว ฮูตู กับตุ๊ดซี่ หลายครั้งหลายคราอย่างต่อเนื่องเพียงช่วงเวลาไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ของรัฐอย่างกรมที่ดินก็เจออำนาจกดดันทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจสิงเหล่านี้ได้กลายเป็นเชื้อโหมความกดดันและความตึงเครียดทางด้านสังคมและชาติพันธุ์ให้รุนแรงขึ้น

นอกจากนั้นอัตราการเพิ่มขึ้นของประชากรที่มีถึง3.7% ซึ่งเป็นหนึ่งในอัตราที่สูงที่สุดในโลกยิ่งทำให้ความกดดันทางด้านประชากรเพิ่มมากขึ้นอัตราการเพิ่มขึ้นของชาวรวันดาเป็นสาเหตุที่ทำให้ประชากรเพิ่มมากขึ้น 2.1% ต่อปี ซึ่งเท่ากับมีประชากรเพิ่มขึ้น 168,000คนต่อปี อัตราประชากรที่เพิ่มสูงขึ้นขนาดนี้ได้เพิ่มแรงกดดันให้กับการแสวงหาที่ดินทำกินเพราะว่าเมื่อมีประชาชนอยู่ในที่ดินจำนวนมากจึงมีการทำเกษตรกรรมที่หนาแน่นมากต่อพื้นที่
สิ่งเหล่านี้นำไปสู่การแผ้วถางพื้นที่ป่า อันเป็นการทำลายที่ทำกินที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ ส่งผลให้เกิดความอดอยากอย่างต่อเนื่องในปี 1990 ประชากรมากกว่า 300 คนทางตอนใต้ของประเทศเสียชีวิตเพราะความอดอยาก
ในช่วงปี 1920-1930 ซึ่งเป็นหนึ่งในช่วงที่ภาวะอดอยากของประชากรอยู่ในฐานะรุนแรงที่สุดได้คร่าชีวิตของชาวรวันดาไปไม่ต่ำกว่า50,000 คนในเวลาเพียง10 ปี

ภาวะความอดอยากและขาดแคลนอาหารยังเกิดจากการขาดแคลนที่ดินที่เหมาะแก่การเพาะปลูกที่ดินจำนวนแค่ประมาณ 35%ของที่ดินทั้งหมดเท่านั้นที่สามารถทำการเกษตรได้ ในขณะที่ 20%ของที่ดินเป็นทุ่งเลี้ยงสัตว์ และ 11% เป็นป่าส่วนที่เหลือ 34% ของประเทศประกอบไปด้วยบึงพื้นที่ที่เป็นหนองน้ำ อุทยานแห่งชาติ ภูเขาไฟ ภูเขา พื้นที่ที่มีน้ำท่วมขัง พื้นที่ป่าไม้ นอกนั้นก็เป็นพื้นที่ในเมืองเกษตรกรรมในภูมิภาคนี้เป็นไปด้วยความยากลำบาก

สภาพอากาศที่ผันผวนก็เป็นอุปสรรคต่อการเกษตรกรรมเช่นเดียวกันรวันดาตั้งอยู่ห่างจากเส้นศูนย์สูตรเพียงแค่ 2 องศาไปทางตอนใต้ จึงเป็นประเทศที่ตั้งอยู่ในเขตร้อนรวันดามี 4 ฤดูกาลด้วยกัน มี 2 ฤดูที่มีฝนตกชุกและอีก 2 ฤดูที่อากาศแห้งมากซึ่งมีผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อการเกษตรกรรมการเดินทาง การค้า และโทรคมนาคม  อย่างไรก็ตามพื้นที่ที่ตั้งอยู่บนพื้นที่สูงประเทศจึงมีอากาศค่อนข้างเย็นซึ่งมีอุณหภูมิประจำวันที่ประมาณ 68 องศาฟาเรนไฮต์ สภาพอากาศที่มีฝนตกชุกยาวนานหลายวันจะอยู่ในช่วงกลางเดือนมีนาคมถึงกลางเดือนพฤษภาคมส่วนสภาพอากาศที่ฝนตกชุกระยะสั้นจะเกิดขึ้นในช่วงกลางเดือนตุลาคมถึงกลางเดือนธันวาคมในขณะที่ฤดูที่มีอากาศแห้งจะเกิดขึ้นในช่วงกลางเดือนพฤษภาคมและกลางเดือนตุลาคมสภาพอากาศที่แปรปรวนเช่นนี้มีผลต่อความสามารถของชาวรวันดาในการผลิตทางด้านเกษตรกรรมและดำรงชีพอย่างต่อเนื่อง

ความสำคัญของเกษตรกรรมยิ่งทวีความสำคัญมากขึ้นไปอีกเมื่อพบว่าประเทศมีสินแร่ที่ไม่มีราคามากนัก
ประเทศมีแหล่งสินแร่แค่เพียงเล็กน้อย ไม่ว่าจะเป็น ดีบุก ดินเหนียว ปูนขาวและทังสเตน แต่แร่เหล่านี้ก็ใช้ได้เพียงพอแค่ในประเทศ ไม่มีผลิตภัณฑ์แปรรูป ดังนั้นอุตสาหกรรมหลักของประเทศคือการผลิตอาหารและอุตสาหกรรมทอผ้าอุตสาหกรรมขนาดเล็กอื่นๆได้แก่ การทำกระดาษ การผลิตสารเคมีและยางพารา โดยรวมแล้วอุตสาหกรรมและการค้าใช้กับประชากรของประเทศแค่เพียง2% เท่านั้น

กระทั่งปี 1990 การท่องเที่ยวเป็นแหล่งที่มาของเงินได้อันดับ2 ของประเทศซึ่งทำเงินให้กับประเทศ 8-10 ล้านดอลลาร์ต่อปี นักท่องเที่ยวจำนวนมากเข้ามาเยี่ยมชมสัตว์หายากที่ใกล้จะสูญพันธุ์  เช่นกอริลล่าภูเขา  โดยครึ่งหนึ่งของกอริลล่าภูเขาที่ยังหลงเหลืออยู่ในโลกล้วนอาศัยอยู่ในภูเขาวีรุงก้า  ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศรวันดาเป็นรอยต่อตามเขตแดนของประเทศอูกันดาและสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกในอดีตรวันดายังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวโด่งดังของเศรษฐีชาวต่างชาติและนักการทูตยุโรปโดยเฉพาะจิเซนยีเป็นสถานที่ท่องเที่ยวโด่งดัง ซึ่งตั้งอยู่ของฝั่งแม่น้ำคิวู มีหาดทรายขาวโรงแรมฉาบปูน มีร้านกาแฟกลางแจ้ง และที่สำคัญคือเดินทางสะดวกโดยใช้สนามบินคิกาลี แต่ความขัดแย้งได้ทำลายอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของรวันดาพังทลายลงไปเสียสิ้น

การคมนาคมและการสื่อสาร

ถึงแม้ว่ารวันดาจะมีถนนที่กว้างขวางแต่มีถนนที่ลาดยางยาวเพียง620 ไมล์เท่านั้น เช่น ถนนสายจากคิกาลี 
ถึงจีเซนยี ส่วนถนนที่เหลือซึ่งยาวถึง
6,835 ไมล์ ใช้สัญจรติดต่อกับเมืองต่างๆ เป็นถนนที่มีสภาพไม่ดีขรุขระและมีฝุ่นตลบยานพาหนะสัญจรอย่างยากลำบาก ยิ่งในช่วงฤดูฝนดินถล่มพังทลายทำให้ใช้การไม่ได้ สะพานก็พอมีให้เห็นอยู่บ้าง  ดังนั้นบางภูมิภาคจึงเดินทางได้เฉพาะในช่วงเหน้าแล้งที่มีสภาพอากาศแห้งเท่านั้นไม่มีการขนส่งทางรถไฟ ประชาชนส่วนใหญ่จึงเดินทางด้วยรถประจำทางหรือไม่ก็เดินเท้า  ปกติแล้วก็จะอยู่ใกล้ๆบ้านไม่ไปไหนไกล ชาวชนบทจะใช้ชีวิตอย่างพอเพียงครอบครัวมักจะอาศัยอยู่กันเป็นกลุ่มในละแวกเดียวกัน  ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปในเมืองหรือไปตลาด ชาวรวันดาเพียงน้อยคนที่มีรถยนต์เป็นของตนเอง

สำหรับชาวชนบท โทรศัพท์เป็นสิ่งที่มีราคาแพงเกินกว่าการเป็นเจ้าของได้  ชาวรวันดาเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่มีใช้  ดังนั้นการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารจึงผ่านปากต่อปากเป็นส่วนใหญ่  มีสื่อสิ่งพิมพ์ผลิตโดยรัฐมีหนังสือพิมพ์คุณภาพไม่ดีอยู่มากมายจำหน่าย ซึ่งส่วนใหญ่จะดำเนินการโดยรัฐบาลพรรคการเมือง หรือไม่ก็โบสถ์คาธอลิก หนังสือพิมพ์เหล่านี้ส่วนใหญ่มักจะมีผู้อ่านที่เป็นอภิสิทธิ์ชนในเมืองเท่านั้นประชาชนในชนบทจะไม่มีโอกาสได้อ่านหนังสือพิมพ์ แต่อย่างใด ดังนั้นข้อมูลข่าวสารทั้งหลายส่วนใหญ่จึงรับทราบจากวิทยุประชาชนจึงมีช่องทางสื่อสารสำคัญทางเดียวคือการฟังวิทยุ  การกระจายเสียงวิทยุจึงเป็นเป็นวิธีสื่อสารที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการเข้าถึงประชาชนในทันที  สื่อวิทยุเหล่านี้  รัฐบาลเป็นผู้ดำเนินการและเป็นเจ้าของ ที่เรียกว่า“วิทยุรวันดา” ซึ่งเข้าถึงประชาชนจำนวนมากและถือได้ว่าเป็นแหล่งข้อมูลของชาวรวันดาที่สำคัญที่สุด

การขาดแคลนการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร  และสื่อสารมวลชนที่มีอิสระส่งผลทำให้เกิดการครอบงำความคิดประชาชนได้โดยง่ายสื่อของรวันดาได้โหมกระพือความขัดแย้งให้ร้ายแรงขึ้นโดยกระจายการโฆษณาชวนเชื่อ  และนำเสนอข่าวโคมลอย  ซึ่งก่อให้เกิดความหวาดกลัวแก่ประชาชนเนื่องจากชุมชนชาวชนบทค่อนข้างอยู่กันโดยแยกตัวออกไปเป็นกลุ่มๆและไม่สามารถได้รับข้อมูลข่าวสารที่เป็นธรรมดังนั้นชาวรวันดาจำนวนมากจึงกระทำการหรือตัดสินใจไปโดยได้รับข่าวสารอย่างผิดๆ

ความขัดแย้งทางชนเผ่า

ความขัดแย้งทางด้านชาติพันธุ์อาจเกิดได้จากปัญหาหนึ่งๆหรือข้อเท็จจริงอื่นๆผสมกันเป็นต้นว่าความเชื่อทางศาสนา สังคม และการเมืองที่แตกต่างกัน สิ่งเหล่านี้ได้ทำให้ประชาชนแตกแยกหรือบางครั้งการเลือกปฏิบัติต่อประชาชนเกิดขึ้นจากลักษณะทางชาติพันธุ์สถานะทางสังคม บรรพบุรุษ ความมั่งคั่ง ระดับการศึกษา หรือภาษาที่พูดก็เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความขัดแย้งได้ด้วย  ในกรณีของรวันดาชาวฮูตูและตุ๊ดซี่พูดภาษาเดียวกันและมีสถานะทางสังคมพอๆกันและยังมีความเชื่อทางด้านศาสนาคล้ายคลึงหรือเหมือนกัน แต่บ่อเกิดของปัญหาความขัดแย้งระหว่างสองกลุ่มนี้อันเนื่องมาจากการแก่งแย่งอำนาจทางสังคมและการเมือง

ชาวฮูตูและตุ๊ดซี่มีประวัติศาสตร์ที่ซับซ้อนในช่วงยุค 1800ชาวตุ๊ดซี่เป็นชนเผ่าที่มีอำนาจทางการเมืองมากและได้ถือครองที่ดินบริเวณที่ดีที่สุดของประเทศในขณะที่ชาวฮูตูมักจะเป็นชาวนา เป็นเกษตรกรและผู้ใช้แรงงาน ล้วนแล้วเป็นกลุ่มที่ถือว่าไม่มีคุณภาพไม่มีทั้งอำนาจทางการเมืองและสังคม  ดังนั้นสังคมของรวันดาจึงแบ่งประชาชนออกเป็นชนชั้น ระหว่างชาวตุ๊ดซี่และชาวฮูตู โดยชาวตุ๊ดซี่กลายเป็นคนในสังคมชั้นสูง ส่วนชาวฮูตู กลายเป็นคนในสังคมชั้นล่าง

ในช่วงปลายทศวรรษที่ 19 เมื่อรวันดาตกเป็นอาณานิคมของเยอรมันการแบ่งชนชั้นทางด้านสังคมได้ยุติลงชั่วคราวตามนโยบายของผู้ปกครอง แต่หลังจากนั้นเมื่อในช่วงต้นทศวรรษที่ 20 รวันดาตกเป็นอานิคมของเบลเยียม รัฐบาลอาณานิคมของเบลเยียมได้ให้การสนับสนุนชาวตุ๊ดซี่ทำให้ชาวตุ๊ดซี่มีอำนาจในการควบคุมสังคมรวันดามากกว่าชาวฮูตู ชาวตุ๊ดซี่ได้ที่ดินทำกินและได้รับตำแหน่งในรัฐบาลและเป็นเจ้าของในธุรกิจต่างๆมากมาย ด้วยความช่วยเหลือของรัฐบาลอาณานิคม ชาวตุ๊ดซี่จึงสามารถสกัดการต่อต้านจากชาวฮูตูอย่างมีประสิทธิภาพในช่วงนี้ชาวฮูตูกลายเป็นชนชั้นล่างที่ไม่อาจเข้าถึงการศึกษาและวิถีทางที่จะทำให้ชีวิตดีขึ้น  ทำให้ความแตกต่างระหว่างชนชั้นกลับมาอีกครั้งและยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น  ความขัดแย้งนี้ส่งผลให้รัฐบาลอาณานิคมจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนทัศนคติในการปกครอง

การเปลี่ยนแปลงทัศนคติของเจ้าหน้าที่อาณานิคมเบลเยียมทำให้ชาวฮูตูได้รับการศึกษาในยุค 1950 การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่เพียงแค่ทำให้ชาวฮูตูมีสถานะทางสังคมสูงขึ้นเท่านั้นแต่ยังทำให้ชาวฮูตู  ตระหนักถึงสิทธิในฐานะที่เป็นประชาชนชาวรวันดาด้วยนับแต่ช่วงเวลานั้นเป็นต้นมาเชื้อแห่งความขัดแย้งของชาวฮูดูกับตุ๊ดซี่  ได้เกิดขึ้นเริ่มมาจากการถูกเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม  ชาวฮูตูจำนวนมากรู้สึกว่าตนต้องทนทุกข์ทรมาน  มาหลายศตวรรษภายใต้การปกครองของชาวตุ๊ดซี่และมหาอำนาจยุโรปผลที่เกิดขึ้นจากความรู้สึกนี้นำไปสู่การปฏิวัติเมื่อปี1959 ซึ่งก่อให้เกิดความคิดก้าวหน้าในหมู่ชาวฮูตูทั้งหลาย แต่หลังจากปี 1959 เป็นต้นมาการเลือกปฏิบัติต่อชนเผ่ากลับตาลปัตรเพราะกลายเป็นการเลือกปฏิบัติต่อชาวตุ๊ดซี่แทนผู้นำชาวฮูตูยืนยันจากมุมมองของชนกลุ่มใหญ่ว่าชาวฮูตูควรได้เป็นผู้ปกครองประเทศ และเป็นผู้ครอบงำทางด้านเศรษฐกิจการเมืองซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ยังเกิดขึ้นจนถึงปัจจุบัน

นิยามว่าบุคคลใดจะเป็นชนเผ่าฮูตูหรือตุ๊ดซี่นั้น  แตกต่างกันในหลายศตวรรษ ในช่วงแรกลักษณะของอาชีพเป็นสิ่งที่บ่งบอก  และแยกชาวฮูตูออกจากชาวตุ๊ดซี่ เพราะชาวตุ๊ดซี่จะมีอาชีพเลี้ยงสัตว์  ส่วนชาวฮูตูจะมีอาชีพเป็นเกษตรกร
ในช่วงศตวรรษที่ชาวตุ๊ดซี่ปกครองรวันดา การบ่งบอกสถานะว่าใครเป็นชนเผ่าใดดูจากสถานะทางสังคม
กล่าวคือชาวตุ๊ดซี่จะมีลักษณะทางสังคมที่สูงกว่าชาวฮูตู แต่การปกครองภายใต้อาณานิคมการบ่งบอกลักษณะทางเผ่าพันธุ์กลับดูจากทั้งลักษณะทางกายภาพและลักษณะทางสังคมกล่าวคือทัศนคติของคนยุโรปนิยามชาวตุ๊ดซี่ว่าเป็นผู้ปกครองที่ร่ำรวย สูง ผอมและมีการศึกษาดี ส่วนชาวฮูตูเป็นชาวนาที่มีลักษณะเตี้ย ม่อต้อ และไม่มีการศึกษา
ถึงแม้ว่าทัศนคตินี้จะไม่ถูกต้องแต่การสร้างสัญลักษณ์และตรีตราทางชนเผ่าแบบนี้รวมทั้งมีการตอบรับทางกายภายและทางสังคมทำให้สัญลักษณ์ที่ไม่ถูกต้องดังกล่าวกลับได้ผลเพราะชาวรวันดาจำนวนมากมีความเชื่อในทัศนคติเหล่านี้แล้ว

อย่างไรก็ตามการที่ระบบการเมืองที่มีความซับซ้อนบ้างครั้งชาวฮูตูบางคนก็มีโอกาสเข้าสู่ตำแหน่งที่มีอำนาจได้บ้าง นอกเหนือจากนั้นการแต่งงานระหว่างชนเผ่าก็เป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องการบ่งบอกลักษณะว่าใครเป็นชนเผ่าใดจึงมีความยืดหยุ่น ครอบครัวชาวฮูตูที่มีฐานะร่ำรวยมักจะถือตัวเองว่าเป็นชาวตุ๊ดซี่ที่เป็นคนชั้นสูง
แต่ความขัดแย้งของชนเผ่าเมื่อได้เกิดขึ้นแล้วได้ช่วยขจัดความเป็นชนชั้นทางชนชั้นลง  แต่สิ่งที่ตามมาคือการแยกชนเผ่าระหว่างชาวฮูตูและตุ๊ดซี่ให้หันมาต่อต้านซึ่งกันและกันโดยไม่เกี่ยวข้องกับชนชั้นอีกต่อไป

ต่อมาตั้งแต่กลางศตวรรษที่20 จนถึงตอนปลาย  สถานะทางสังคมและลักษณะทางกายภาพไม่ได้นำมาใช้นิยามชนเผ่าอีกต่อไป เพราะการแต่งงานข้ามชนเผ่าจนไม่อาจพิจารณาแยกแยะลักษณะทางภายภาพได้อีกว่าใครเป็นชนเผ่าใดนอกเหนือจากนั้นชาวฮูตูและตุ๊ดซี่ต่างก็ไม่เชื่อตามทัศนคติของมหาอำนาจยุโรปอีกต่อไป  อย่างไรก็ตามทั้งๆที่เกิดความเปลี่ยนแปลงทางทัศนคติไปแล้วก็ตาม แต่กลุ่มพวกนิยมหัวรุนแรงในรวันดาบางกลุ่มก็ยังใช้ทัศนคติค่านิยมดั้งเดิมในการแยกแยะความแตกต่างทางด้านชนเผ่าให้ดำรงอยู่ต่อไปเพื่อกระตุ้นความรู้สึกคับแค้นและคับข้องใจของชนเผ่าในอดีต  ตอกย้ำความรู้สึกที่จะนำมาสนับสนุนความรุนแรงและเจตนารมณ์ของกลุ่มตนทางการเมืองต่อไป

ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1990 เป็นต้นมา รวันดา ถูกปกคลุมไปด้วยบรรยากาศแห่งความขัดแย้งทางด้านชาติพันธุ์และการเมือง  ความขัดแย้งได้ก่อตัวและระอุรุนแรงขึ้นมาในปี 1994เมื่อการต่อสู้ได้อุบัติขึ้น ความขัดแย้งได้ส่งผลกระทบต่อทรัพย์สินและชีวิตของประชาชนรวันดาเกือบ1 ล้านชีวิต  เกิดปัญหาผู้อพยพ
เด็กกำพร้า  จำนวนมหาศาล และบุคคลที่มีส่วนในการสร้างปัญหาความขัดแย้งเหล่านี้เหมือนกันกับหลายๆประเทศมักประกอบไปด้วย นักการเมือง ทหาร เป็นแกนหลัก และประชาชนทั่วไปเป็นผู้ตาม ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้ตกอยู่ภายใต้การแสวงหาอำนาจและแย่งชิงเป็นผู้ปกครองบ้านเมืองโดยไม่คำนึงถึงชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน.............

 

*บทความแบ่งเป็น10 ตอน โดยแปลสรุปจาก World in conflict.  Rawanda : country torn apart. นำมาเรียบเรียงใหม่เพิ่มเติมเนื้อหาบางส่วนเพื่อความเข้าใจง่ายขึ้น และเพิ่มบทวิเคราะห์ เป็นตอนที่ 11

อ้างอิง : Bodnarchuk, Kari. World in conflict. Rawanda : country torn apart .

             Manufactured in the United  States of America.

             By Lerner Publications Company.



หมายเลขบันทึก: 513626เขียนเมื่อ 21 ธันวาคม 2012 16:11 น. ()แก้ไขเมื่อ 29 ธันวาคม 2012 10:54 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท