ห้วยขาแข้ง 1


ผมมีโอกาสไปเยี่ยมถิ่นเก่าคือห้วยขาแข้ง ที่อุทัยธานี เมื่อสองสัปดาห์ก่อน โดยเดินทางมากกว่า 500 กม. จากขอนแก่น ชัยภูมิ เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ อุทัยธานี ใช้เวลา 5 ชั่วโมงกว่า ที่นั่นมีการประชุมสัมมนาของผู้นำชุมชนอุทัยธานีเรื่องสภาชุมชน และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ที่มูลนิธิหนอขาหย่างกับกรมป่าไม้ เป็นผู้จัดขึ้น รายละเอียดไม่ขอกล่าว แต่อยากจะเล่าบรรยากาศพื้นที่ที่ผมเคยมาทำงานที่นี่ระหว่างปี พ.ศ. 2538-2543 กับโครงการอนุรักษ์และพัฒนากลุ่มป่าห้วยขาแข้ง ที่มี DANCED เป็นผู้สนับสนุนงบประมาณร่วมกับ ส.ป.ก. กรมป่าไม้ และองค์กรพัฒนาเอกชน

ผมขับรถคนเดียว ไปคนเดียว ตามเส้นทางที่ผมเคยใช้มาทุกสัปดาห์ตลอด 5 ปี ระหว่าง ขอนแก่น-นครสวรรค์ สภาพถนนยังเดิมๆ มีบางช่วงที่ทำใหม่ และบางช่วงทรุดโทรมมาก เพราะเส้นทางนี้รถบรรทุกพืชไร่ใช้กันมาก ตลอดเส้นทางมีโรงงานที่เกี่ยวกับพืชไร่เป็นระยะๆ

พอถึงนครสวรรค์ผมหันหัวรถขึ้นเหนือไปทางกำแพงเพชร สัก สามสิบ กม. มีทางเลี้ยวซ้ายไป อ.ลาดยาว เขตเกษตรกรรม แล้วเลยเข้าใกล้ป่าห้วยขาแข้งที่ อ.แม่เปิน ผมพอจำพื้นที่ได้บ้าง ขับไปช้าๆเพื่อรื้อฟื้นความทรงจำ

ถึง อ.แม่เปินผมแวะถามชาวบ้านที่ตลาดบ้านลาน ครั้งหนึ่งเราเช่าอาคารที่นี่เป็นสำนักงานสนามของเรา แต่สภาพเปลี่ยนไปเป็นเมืองมากแล้ว ผมถามเส้นทางไป “เขื่อนทับเสลา” เป้าหมายของผม ชาวบ้านงง ผมถามใหม่ ทุ่งแฝก เขาก็ชี้ให้ไปตามเส้นทางตะวันตก ก่อนออกเดินทางต่อผม ถามชาวบ้านอีกทีว่า เขื่อนระบำ ไปทางเดียวกันใช่ไหม  เขาบอกว่าใช่  ความจริง เขื่อนทับเสลานั้นเดิมชื่อเขื่อนระบำ เพราะอยู่ที่ ต.ระบำ ของ อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี พื้นที่ต่อเนื่องกับ อ.แม่เปิน จ.นครสวรรค์ ทั้งหมดมีพื้นที่ทางตะวันตกเป็นป่าห้วยขาแข้ง

ผมขับรถไปช้าๆ เพราะผมมีความทรงจำมากมายบนพื้นที่ตรงนี้ ที่โด่งดังมากๆก็คือลุงฉ่ำ “เสือข้าวสุก” ซึ่งผมมีโอกาสแวะเยี่ยมลุงในวันเดินทางกลับ...ลุงฉ่ำวันนี้ตาบอดสนิทสองข้าง เสือข้าวสุก ที่มาเป็นผู้อนุรักษ์ป่าไม้ตัวพ่อเลย เพราะสำนึกที่สูงส่งของลุงฉ่ำ.....

ระหว่างนั้นน้องโทรศัพท์มาบอกว่าให้ตรงไปที่ทุ่งแฝก เลย เย็นๆค่อยไปที่เขื่อนทับเสลา ที่ทุ่งแฝกคือสถานีอนุรักษ์ป่าไม้ที่ใช้เป็นที่สัมมนา เป็นเส้นทางเข้าสู่ อุทยานแห่งชาติห้วยขาแข้งที่ ท่านสืบ นาคเสถียรใช้ชีวิตตัวเองปกป้องป่าห้วยชาแข้งแห่งนี้....

พอเลี้ยวเข้าพื้นที่ป่าห้วยขาแข้ง ถนนที่ผมใช้ก็ปกคลุมไปด้วยป่าทึบทั้งสองข้างทาง มันวิเศษจริงๆที่ผมมาอยู่ในพื้นที่นี้ ผมเปิดกระจกรถทั้งหมด อยากจะสัมผัสกลิ่นป่า สูดอากาศป่าห้วยขาแข้งที่ยิ่งใหญ่แห่งนี้

เงียบสงัด มีรถผมคันเดียวที่เคลื่อนไปอย่างช้าๆ แม้ว่าอากาศจะอ้าว แต่ไม่ร้อน กลิ่นป่าเข้ามาโอบตัวผมจนผมต้องหยุดรถแล้วลงจากรถเดินไปมาสักพักใหญ่ๆ ก่อนจะมีปิคอับขับมา เป็นเจ้าหน้าที่ป่าไม้ เขายิ้มให้ผม อีกพักก็มีคารวานรถจากกรุงเทพฯมากกว่า 10 คันขับเข้าไปเขตอุทยานห้วยขาแข้ง  ผมคิดไปมากมายต่อคารวานรถประเภทนี้....

ผมเชื่อว่าเขาเหล่านั้นคงมีเจตนาดีดี ที่มุ่งหน้าเข้ามาที่ป่าห้วยขาแข้ง แต่ขออย่าเพียงมาเสพสุขแล้วจากไป
ขอท่านได้มีส่วนสร้าง เสริมกลุ่มป่าห้วยขาแข้งนี้ด้วยเถิด มีหลายวิธีที่ท่านเหล่านั้นจะช่วยกันได้....

อย่างน้อยที่สุด สำนึกของท่านครับ

เพราะสำนึกของท่านจะทำในสิ่งที่ควรทำ

และไม่ทำในสิ่งที่ไม่ควรทำครับ




คำสำคัญ (Tags): #ห้วยขาแข้ง
หมายเลขบันทึก: 512475เขียนเมื่อ 18 ธันวาคม 2012 00:03 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 ธันวาคม 2012 00:20 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

ขอภาวนาด้วยคนค่ะ น่าเป็นห่วงจิตสำนึกดีๆที่ค่อยๆหดหายไปจากใจคนจริงๆ ธรรมชาติและสัตว์ป่าถูกทำร้ายกันง่ายเหลือเกินเมื่อจิตใจคนตกต่ำนะคะ พี่บางทราย

น้องโอ๋ ครับ มีหลายเหตุผล มากมายที่คนเราทำลายป่า ที่ร้ายที่สุดคือ สำนึกเอาประโยชน์ทางธุรกิจ หรือผลประโยชน์ และบรรยากาศที่ดึงวิถีชีวิตคนเข้าสู่การต้องหาเงินมาใช้ในชีวิตประจำวัน และค่านิยมการบริโภค ทำให้คนเราข้ามสำนึกการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติต่างๆไป  และยากเหลือเกินที่จะสร้างสำนึกนั้นให้เกิดขึ้นมา... แต่ก็ต้องทำ ครับ



 


PAP2498 ครับ ดีจังเลยครับปลูกป่าได้มากกว่าป่า ตรงข้ามทำลายป่า ทำลายมากกว่าต้นไม้ในป่าครับ.....

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท