ป่าช้าเดินได้


ป่าช้าเดินได้

  เขาว่ากันว่าสิ่งที่ร่ำรวยที่ดีที่สุดของชีวิต คือ การมีสุขภาพที่แข็งแรง และ ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ ดูเหมือนว่าความเจ็บป่วยของคนเราส่วนใหญ่มักมีสาเหตุหลักมาจากการกิน เป็นเพราะมีพฤติกรรมการกินที่ไม่ดีนั้นเอง ขาดการดูแลเอาใจใส่ต่อสุขภาพของตน นิสัยการกินสำคัญมากเพราะตราบใดที่เรายังกินแบบไม่คิด กินแบบไม่เลือก หรือว่ากินตามใจอยากของตัวเอง แน่นอนที่สุดว่าโรคภัยไข้เจ็บต้องมาเยี่ยมเยือนเราเป็นที่สุด การมีพฤติกรรมการกินที่ไม่ดีมีโอกาสเสี่ยงกับโรคมะเร็ง โรคเบาหวาน ฯลฯ มากที่สุด

โดยเฉพาะคนที่ชอบกินเนื้อสัตว์มากมักจะมีโอกาสในการเป็นโรคมะเร็งได้สูงกว่าคนที่ชอบกินผัก คนเป็นสัตว์ชนิดหนึ่งจึงมีเซลล์เป็นเซลล์สัตว์ซึ่งจะแตกต่างกับเซลล์ของพืชที่เป็นเซลล์พืช ดังนั้นเมื่อคนเป็นเซลล์สัตว์เหมือนกันจึงมีโอกาสในการติดเชื้อจากสัตว์ที่กินได้ง่ายกว่าการกินอาหารจำพวกพืชที่มีเซลล์แตกต่างกัน และเชื้อโรคในพืชก็ไม่สามารถมาเจริญเติบโตในเซลล์สัตว์ได้  กล่าวคือ พืชเป็นโรคคนกินเข้าไปไม่ติดโรค แต่ถ้าสัตว์เป็นโรคคนกินเข้าไปติดโรคได้ เพราะสัตว์ได้กลายเป็นพาหนะนำโรค เมื่อเป็นแบบนี้แล้วจะเห็นได้ว่าการกินอาหารของคนเราย่อมสำคัญที่สุดต่อสุขภาพของตนเองเช่นกัน

คนเราก็แปลกดีเหมือนกันที่รู้ทั้งรู้ว่า คนตายก็ต้องเอาไปเผาไปฝังไว้ที่ป่าช้า แต่กลับไม่รู้ว่าเนื้อสัตว์ทุกชนิดที่ถูกฆ่าตายจะเอาไปทิ้งไปฝังเอาไว้ที่ไหน ในเมื่อเป็นซากศพเหมือนกันทั้ง ๆ ที่ตายแล้ว แต่เรากลับไม่รู้ว่าจะเอาไปซากศพเหล่านั้นไปไว้ที่ป่าช้าไหนดี  ทั้งเนื้อและกระดูกจึงถูกสับออกเป็นชิ้น ๆ ให้คนแย่งกันกินลงท้องไป และซากศพของสัตว์ตายเหล่านั้นมันก็ฝังอยู่ในตัวเรานี่เอง เพราะเนื้อสัตว์ที่ตายก็คือ ซากศพ จะเป็นศพหมู ศพวัว ศพควาย หรือว่าศพไก่ ทั้งหมดทั้งสิ้นก็คือซากศพนั้นเอง ท้องเราก็แปลกเหมือนกันที่สามารถฝังซากศพของ “สัตว์ตายโหง” อย่างไม่รู้จักเต็มสักที

คนส่วนใหญ่ถ้าให้ไปเดินในป่าช้าตอนเที่ยงคืนสักรอบสองรอบก็กลับก้าวขาไม่ออก หรือไม่ก็มักจะวิ่งสะดุดเอาขาตัวเอง หกล้มผมฟู ฉี่แตกอยู่กับที คนคิดว่ากลัวภูตผีปีศาจ กลัวซากศพ กลัวโน่นกลัวนี่ ก็แล้วทำไมไม่เห็นกลัวเนื้อสัตว์ สัตว์ก็มีชีวิตมีวิญญาณเหมือนกันกับคน แต่คนกลับกลัววิญญาณของคนไม่ได้กลัววิญญาณของสัตว์ คนจึงกินเนื้อสัตว์อยู่ทุกวัน ๆ ไม่ฉุกคิดเลยว่า ท้องของตัวเองเป็นป่าช้า ที่ฝังซากศพของสัตว์อยู่ทุกวัน คนได้แต่กลัวป่าช้าแต่ไม่กลัวว่าท้องของตนที่เป็นป่าช้าเคลื่อนที่ที่ติดตามตัวตนไปทุกหนทุกแห่ง น่าแปลกเหลือเกิน! คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออกว่าทำไมเป็นอย่างนั้น?

  ป่าช้า ฟังดูแล้วน่ากลัว เพราะคำว่า  ป่าช้า เป็นสถานที่สุดท้ายที่คนเป็นมักไม่อยากจะไป เป็นสถานที่ที่ถูกลืมที่ดูน่ากลัวไม่มีใครเขาอยากไปอยู่ที่นั้น คนจึงกลัวป่าช้า เพราะซากศพของคนถูกเก็บไว้ที่นั้น กว่าจะเน่าเปื่อยหรือว่าย่อยสลายให้มันหมดไป คงจะส่งกลิ่นเหม็นเน่า มีหนอนชอนไชกินซากศพอยู่เช่นกัน นึกแล้วคงจะขยะแขยงเสียเหลือเกิน ด้วยเหตุเช่นนี้เองที่ทำให้คนมีความเกลียดและกลัวป่าช้า ที่เห็นว่าป่าช้าคือสถานที่เก็บซากศพนั้นเอง แต่ธรรมชาติย่อมสมดุลเป็นที่สุดที่ได้กำหนดให้คนเราอย่าลืมได้ป่าช้า จึงได้จัดส่งป่าช้าชนิดพิเศษให้มาอยู่ติดตัวกับเราเพื่อเตือนจิตเตือนใจของเราไม่ให้ลืม  ป่าช้า

  ลองคิดดูซิท้องของเราที่คอยเก็บกินแต่ซากศพของสัตว์อยู่ทุกวัน เนื้อสัตว์ซากศพที่กินเข้าไปนั้นมันก็ได้สะสมเพิ่มพูนอยู่เต็มไปหมดในท้องของเรา แล้วกลิ่นเหม็นเน่าที่ว่านั้นมันก็ยังอยู่ในท้องของเรา ทำไมเราถึงไม่เคยคิดเลยว่าป้าช้าเคลื่อนที่ได้แบบท้องของเรามันน่าเกลียดน่ากลัวขนาดไหน ทำไมเราถึงไม่เคยกลัวมันแต่กลับกลัวป่าช้าที่อยู่ไกลตัวเราที่เรามองไม่เห็นที่มันไม่ได้ติดตามเรามา แต่เรากลัวมันเสียเหลือเกิน เราไม่เคยกลัวท้องของเราที่ทำหน้าที่เหมือนป่าช้า ที่คอยสะสมซากศพของสัตว์อยู่ในท้องของเรา

  จะเห็นได้ว่าเราทุกคนต่างก็มีป่าช้าเป็นของตัวเอง ใครที่ดูแลป่าช้าของตัวเองได้ดีที่สุดได้สะอาดที่สุดคนนั้นก็จะมีสุขภาพที่แข็งแรงห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บ  ส่วนป่าช้าที่คอยเก็บแต่ซากศพของสัตว์ต้องใช้เวลานานในการย่อยสลายให้มันหมดสิ้นไป เมื่อย่อยไม่ทันมันก็จะส่งกลิ่นเหม็นเน่า แต่ป่าช้าที่คอยเก็บแต่ซากพืชที่สามารถย่อยสลายได้ง่ายกว่าซากศพของสัตว์นั้น แม้จะย่อยสลายไม่ทันก็คงไม่ส่งกลิ่นเหม็นเน่าเท่ากับซากศพของสัตว์ และการที่ป่าช้าของเราได้สะสมพืชลงไปมันคงจะร่มรื่นร่มเย็นเพราะซากพืชบางชนิดกลับเป็นสมุนไพร มีตัวยาดีในการรักษาโรคด้วย การที่ป่าช้าของเราได้เก็บกักตุ๋นสมุนไพรซากพืชนั้น ก็เสมือนการสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีให้กับร่างกายของเรานั้นเอง ที่ได้ตัวยาดีสมุนไพรดีมาบำรุงรักษาป่าช้าของเรานั้นเอง

  คนที่ชอบกินแต่เนื้อสัตว์ลองเปลี่ยนมากินพืชกินผักดู หมื่นชีวิตที่รอดตาย หากแต่ละคนเพียงแค่ลดละการกินเนื้อสัตว์แค่เพียงหนึ่งมื้อ ในชั่วชีวิตของคนที่กินเนื้อสัตว์ เพียงคนเดียวที่ทำให้สัตว์จำนวนมากมายนับหมื่นนับแสนชีวิต ต้องถูกฆ่าตายเพื่อเอามาเป็นอาหารของเรา เมื่อสัตว์ตายแล้วซากศพเหล่านั้นก็ถูกนำมากักตุ๋นอยู่ที่ท้องของเรา อยู่ที่ป่าช้าของเรา เพื่อเปลี่ยนป่าช้าของตัวเองให้มีกลิ่นดี ดูสะอาดร่มรื่น เพื่อที่จะได้หลีกห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บ เมื่อเราไม่อยากเป็นมะเร็งโรคร้ายต่าง ๆ เราก็ควรมาเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงที่ตัวเองเปลี่ยนที่นิสัยการกินหรือว่าเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการกินของเรานั้นเอง

ทุกปัญหาของเราสามารถปรับเปลี่ยนและแก้ไขให้มันดีขึ้นได้ด้วยการเชจ ด้วยการเปลี่ยนแปลง ชีวิตคนเราจะดีขึ้นถ้าได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงไม่ว่าอะไรก็แล้วแต่ย่อมเปลี่ยนแปลงเป็นที่สุดไปตามธรรมชาติของมัน คนเราก็จะต้องรู้จักการเปลี่ยนแปลงด้วยเพื่อความสุขก่อเกิดกับชีวิตตน ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของชีวิตตลอดกาล Change คำเดียวที่จะทำให้เราพบกับความสุขของชีวิตและมีความสุขได้ท่ามกลางปัญหาและอุปสรรคของชีวิตเช่นกัน

 

หมายเลขบันทึก: 511909เขียนเมื่อ 13 ธันวาคม 2012 20:37 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 ธันวาคม 2012 19:43 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ชอบการเขียนแนวนี้มากนะคะพี่มณีเทวาเป็นกำลังใจให้นะคะ


นั้นสิ.งเราลืมไปว่าป่าช้าอยุ่ติดตัวของเราเองนะครับ ขอบคุรสำหรับแนวคิดดีๆๆด้วยคร๊าบบบ


พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท