☺ชำระใจให้สะอาด
จิตใจของคนเรามันก็เหมือนกับบ้านเรือนที่เราอาศัยอยู่ ที่จะต้องคอยปัดกวาดเช็ดถูทำความสะอาดมันอยู่ตลอดเวลา เมื่อเราเริ่มรู้สึกว่าบ้านเรือนของเรานั้นมีความสกปรกและรกรุงรังมากแล้ว ก็ถึงเวลาที่เราจะต้องทำความสะอาดปัดกวาดเช็ดถูกทุกซอกทุกมุมเสียใหม่ เพื่อทำให้บ้านของเราสะอาดและน่าอยู่มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เพราะบ้านที่สกปรกมักเป็นแหล่งเพาะพาเชื้อโรค ทำให้ผู้ที่อยู่อาศัยได้รับความเดือดร้อนเมื่อเชื้อโรคเริ่มเข้ามาก่อกวน
บางครั้งนอกจากที่เราจะทำความสะอาดบ้านเรือนด้วยการปัดกวาดเช็ดถูกแล้ว เรายังต้องปรับเปลี่ยนภูมิทัศน์เสียใหม่ โดยอาจจะตกแต่งหาภาพสวย ๆ มาติดประดับบ้าน ติดผ้าม่านเสียใหม่ หาต้นไม้และข้าวของต่าง ๆ มาประดับ กำจัดของเก่าเอาของชำรุดทิ้งไปหรือนำไปบริจาค ลองย้ายตู้ตัวนั้นไปตรงโน่น โต๊ะตัวนี้วางไว้ตรงนี้ หรือว่าย้ายเตียงนอนไปไว้อีกมุมหนึ่งของห้อง ปรับเปลี่ยนทิศทางการวางข้าวของเสียใหม่เพื่อให้มันน่าอยู่มากขึ้นกว่าเดิม
จิตใจคนเราก็เช่นกัน เมื่อตราบใดที่เรารู้สึกเหนื่อยเมื่อยล้ากับชีวิต ในยามที่ชีวิตเราท้อแท้และสินหวังกำลังใจ นั่นหมายถึงจิตใจและความคิดของเราเริ่มสับสนจนควบคุมไม่ได้แล้ว ก่อนที่จะปล่อยให้จิตของเราลอยเตลิดไปไหนต่อไหนอย่างไร้ขีดกำจัดนั่น นั่นหมายถึงเราจะต้องทำความสะอาดจิตใจของเราเสียใหม่ โดยการหาสิ่งดี ๆ มาทำให้หัวใจแช่มชื่นและมีชีวิตชีวาขึ้น
ความสุขจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเราได้ขจัดความทุกข์ให้หมดไป หากมีสิ่งที่รกรุงรังมารุมเร้า เราก็แค่ชำระจิตใจให้สะอาด ขจัดสิ่งที่บั่นทอนความรู้สึกที่อยู่ในใจชำระมันให้ได้ เช่นเดียวกันการทำความสะอาดบ้านเรือนก็ต้องอาศัยเครื่องมืออุปกรณ์ในการทำความสะอาด จะต้องมีไม้กวาดน้ำยาทำความสะอาดเข้ามาช่วย จิตใจเราก็เช่นกัน การที่จะชำระจิตใจให้สะอาดได้มันก็ต้องมีอะไรมากวาดสิ่งที่รกรุงรังในใจนั้นให้ได้ แล้วอะไรกันเหล่าที่จะมาช่วยชำระล้างจิตใจที่สกปรกรกรุงรังของเราได้
ถ้าไม่ใช่ ศีล เพราะศีล คือข้อห้าม คนเราเมื่อมีศีลก็จะมีความเกรงกลัวต่อบาป จึงไม่กล้าที่จะทำผิด เมื่อจิตที่บริสุทธิ์แล้วด้วยศีล สิ่งที่ตามมานั่นคือ สงบ สติ ปัญญา เช่นเดียวกันจิตที่สงบ ปล่อยวางด้วยสติและปัญญาสิ่งที่จะตามนั้นคือความสุขนั่นเองเพราะศีลทำให้ผู้ถือมีความสุข คนเราเมื่อไม่ได้ทำชั่วทำผิดทำแต่ความดีย่อมได้ดีเสมอไป เชื่อฉันเถอะว่าไม่มีใครที่ไหนหรอกที่ทำชั่วและได้ดีไม่มีหรอก มีแต่ทำดีได้ดีเท่านั้น ความดีจะปกป้องคุ้มครองเราให้หลีกห่างไกลจากความชั่วช้าเสมอ ส่วนใหญ่แล้วคนที่มีศีลมักเป็นคนที่มีสติดี หรืออาจจะเรียกได้ว่าเป็นผู้ที่มีปัญญาเกิดนั้นเอง เพราะศีลจะช่วยในเรื่องของสติได้ดี
สติช่วยให้ยั้งคิด ไม่ผลีผลามทำตามอารมณ์โกรธเกลียด อันที่จริงถ้ามีสติมั่นคง ความโกรธเกลียดกระฟัดกระเฟียดก็ครองจิตได้ยาก การมีสติรู้ตัวอยู่เสมอ ยังช่วยคลายจิตไม่ให้ยึดมั่นถือมั่นจนลุ่มหลง หรือยึดเอามาเป็นของกูตัวกูอย่างเหนียวแน่น สติชักนำปัญญาให้มาช่วยหาทางออกเพื่อให้เกิดผลตรงตามที่ต้องการ หรือสอดคล้องกับความคิดอันดีงาม สติส่วนใหญ่มักได้มาจากการปล่อยวาง พึงทำทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตให้เป็นความว่างเปล่าและเงาที่จับต้องไม่ได้ เพื่อเราจะได้ไม่ยึดติดกับสิ่งใดนั่นเอง
จริงอยู่การโต้ตอบอาจช่วยชำระความแค้นในใจ แต่ถ้าบาดแผลเกิดจากคนที่เรารัก จิตจะสงบได้เพราะการแก้แค้นหรือ เคยเจอไหม แม้เหตุการณ์ร้ายผ่านพ้นไปแล้วแต่บาดแผลฝังลึกในจิตใจไม่ลืมเลือน ยามสงัดแทนที่จิตจะสงบ ความเจ็บแปลบกลับผุดขึ้นมา แล้วความโกรธเกลียดก็พรั่งพรูจู่โจม กระหน่ำซ้ำเติมจิตไม่ยั้ง สงครามภายนอกอาจพิชิตได้ด้วยกำลัง คำขู่ และลมปาก แต่สงครามภายในเล่าจะสยบด้วยอะไร ?
เปลี่ยนชีวิตให้ได้รับแต่สิ่งดี ๆ ...ต้องเปลี่ยนที่วิธีคิด คิดเพื่อสร้างสิ่งดี ๆ ให้กับตนเอง ในยามที่ชีวิตท้อแท้หมดหวังกำลังใจ พึงชำระจิตใจของเราด้วยการรู้จักการเปลี่ยนและจงเปลี่ยน รู้จัก Change เอา Change มาเปลี่ยนมาจัดวางเสียใหม่เหมือนกับการลงทุนหาภาพสวย ๆ งามมาติดบ้านเรือนของเรานั้นเองจิตใจคนเราก็เช่นกันเมื่อมันล้ามากแล้วก็ให้ใช้ศีลธรรมเป็นตัวช่วยชะล้างทำความสะอาดเสียใหม่ด้วยผ่านการเปลี่ยนและจงเปลี่ยน มองทุกองศาของชีวิตให้สวยงามเสมอมองในแง่บวกอย่างเดียวและจงหัวเราะกับมันให้ได้ทุกการเปลี่ยนแปลงของชีวิต พึงฝึกจิตใจโดยการเอาเปลี่ยนและจงเปลี่ยนมาชำระที่จิตใจเราเอง เอาเปลี่ยนมากวาดที่ใจเรา เพราะฉันเชื่อเสมอว่าผู้มีปัญญาย่อมหาความสุขได้จากสิ่งที่เป็นทุกข์ ลองเอาเปลี่ยนและก็จงเปลี่ยนมากวาดที่ใจแล้วมันจะทำให้เราเข้าใจชีวิตที่เปลี่ยนได้มากขึ้นกว่าเดิม
ใช่ค่ะพี่ คนเราถ้าหัวใจสกปรกก้ต้องล้างนะคะ ชอบการเขียนแนวนี้มากนะคะพี่มณีเทวาเป็นกำลังใจให้นะคะ รับไปเลยค่ะดอกไม้สวยๆๆอิอิ...
พรุ่งนี้ไว้มาอ่านต่อ ชอบแนวเขียนแบบนี้มาก ขอบคุณจร้าคุณมณีเทวา