Cosmoprof Asia ประสบความสำเร็จจริงหรือภาพลวงตา


ภาษีนำเข้าของสินค้ากลุ่มนี้สูงเอาเรื่อง คืออยู่ที่ 30-40% กันเลยทีเดียวค่ะ การใช้ประโยชน์จากข้อตกลง FTA จะทำให้ต้นทุนของสินค้าลดลงไปอย่างชัดเจนทีเดียว

กลับมาจากงาน Cosmoprof Asia 2012 ที่ฮ่องกงรอบนี้แบบหงอยๆ และรู้สึกเหมือนไม่ได้อะไรกลับมามากนัก Cosmoprof Asia งานแสดงสินค้าความงามและสุขภาพที่จัดยิ่งใหญ่ทุกปีบนพื้นที่อาคารแสดงสินค้าใหญ่กว่า 3 ชั้นบนเกาะฮ่องกง คนเข้าชมงามปีละหลายหมื่นจนบางปีทะลุแสน งานนี้เป็นงานแฟร์ใหญ่งานหนึ่งในฮ่องกงที่ดึงดูดคนจากทุกมุมโลกเพื่อค้นหาสินค้าหรือหาตัวแทนจำหน่ายสินค้าความงามและสุขภาพที่ต้องการ  งานรอบนี้สัมผัสได้ถึงยุคบูรพาภิวัฒน์ ที่การเติบโตของตลาดในเอเชียที่ส่งผลต่อทิศทางตลาดการค้าการลงทุนของโลกชัดเจนจากหลายบูธในงานที่ประกาศรับสมัครตัวแทนจำหน่ายในเอเชียโดยเฉพาะจากประเทศจีนและอาเซียน  ปีนี้คนจองบูธใหญ่ๆ แบบเปิดโล่งน้อยลงมาก เป็นบูธเล็กๆ เดี่ยวๆ มากกว่าปีก่อน ไม่เห็นหลายบริษัทที่เห็นเมื่อปีที่แล้วที่มางาน จนสงสัยถึงความสำเร็จของการออกบูธในงานลักษณะนี้ว่าการตอบรับกับการหาตัวแทนจำหน่ายหรือขายสินค้าในต่างประเทศดีจริงอย่างที่คิดไว้หรือเปล่า โดยเฉพาะกับบูธจากประเทศไทยที่ปีที่แล้วมีกระจายอยู่ทั้ง 2 ชั้นในงานซึ่งจัดถึง 3 ชั้นหลายพันบูธ แต่ปีนี้เหลือบูธจากประเทศไทยแสดงอยู่บริเวณชั้นหนึ่งเพียงชั้นเดียวไม่กี่บูธ และไม่มีแบรนด์ไหนดูดึงดูดหรือน่าสนใจเป็นพิเศษ สินค้าที่แสดงความเป็นไทยที่เห็นชัดจากบูธทั้ง 2 ปีก็คือ ลูกประคบที่บรรจุหีบห่อสวยงามพร้อมจำหน่ายในรูปแบบต่างๆ และสารส้มที่อยู่ในรูปแบบโรลออนกำจัดกลิ่นกาย ที่ดูแสดงความเป็นไทยเด่นชัดกว่าอย่างอื่น ปีนี้มองไปในบูธจากประเทศไทยหลายบูธที่ดูผ่านๆ  แล้วเหมือนบูธจากประเทศจีนที่ใช้สีในการตกแต่งเยอะ แล้วจัดของดูไม่เป็นหมวดหมู่ ไม่เห็นสินค้าหลักเด่นชัดซึ่งต่างกับบูธของผู้ประกอบการปีที่แล้วอย่างชัดเจน ความจริงการออกร้านลักษณะนี้สีหรือธีมของบริษัทมีความสำคัญต่อการกำหนดตำแหน่งของสินค้าและลูกค้าที่จะเข้ามาในบูธของแต่ละบริษัทเป็นอย่างดีเลยค่ะ กรณีที่บริษัทมีสินค้าหลายแบรนด์หรือหลายกลุ่มสินค้า อาจจะต้องเลือกพระเอกนางเอกเพียง 2-3 ตัวเพื่อจัดแสดงเป็นตัวหลัก ให้สามารถคุมโทนสีของบูธได้เด่นชัดและน่าสนใจ มีจุดขายผลิตภัณฑ์หลัก 2-3 อย่างดึงดูดให้คนเข้ามาในบูธก่อน ถ้าเค้าสนใจแล้วมีโอกาสจึงจะเสนอขายผลิตภัณฑ์อื่นก็ยังไม่สายเกินไป บูธที่มีสีสันเยอะ ผลิตภัณฑ์หลากหลายไม่เป็นระเบียบ และคนละกลุ่มสินค้ากันจนเกินไปจะไม่สามารถดึงดูดคนให้หยุดสนใจได้เพราะคนที่เดินผ่านเร็วๆ จะไม่เห็นจุดหลักของสิ่งที่เราจะนำเสนอและหยุดเค้าให้อยู่ที่บูธเราได้ค่ะ

ปรกติผู้เขียนจะไปเดินงานแสดงสินค้านี้เพื่อดูทิศทางหรือเทรนของสินค้าความงามและสุขภาพของทั่วโลกเพื่อกลับมาดูโอกาสและความเป็นไปได้ในประเทศไทย พร้อมหาพาร์ทเนอร์ต่างประเทศที่ต้องการขยายตลาดเข้ามาในประเทศเราหรือไปในอาเซียน ปีนี้ถึงจะมีคนสนใจขยายตลาดเข้ามาในเอเชียมากแต่สินค้าที่จัดแสดงในงานก็ดูละลานตา จนไม่เห็นความแตกต่าง สินค้าที่ดูน่าสนใจก็แพงเสียจนจำกัดกลุ่มลูกค้าในเมืองไทยเหลือเกิน ทริคในการเลือกสินค้าอย่างหนึ่งที่อยากแชร์ให้เพื่อนๆ ที่สนใจนำสินค้าในกลุ่มสุขภาพและความงามแบรนด์ใหม่ๆ เข้ามาจัดจำหน่ายในประเทศเราก็คือ การเลือกสินค้าที่มีการผลิตจากประเทศคู่เจรจา FTA (Free Trade Agreement) ในกลุ่มของ ASEAN, ASEAN+3 หรือ ASEAN+6 เพื่อลดภาษีนำเข้าที่จะมาคำนวณเป็นต้นทุนในการเข้าตลาดในประเทศไทย กระซิบกันไว้ก่อนว่าภาษีนำเข้าของสินค้ากลุ่มนี้สูงเอาเรื่อง คืออยู่ที่ 30-40% กันเลยทีเดียวค่ะ การใช้ประโยชน์จากข้อตกลง FTA จะทำให้ต้นทุนของสินค้าลดลงไปอย่างชัดเจนทีเดียว




หมายเลขบันทึก: 509899เขียนเมื่อ 24 พฤศจิกายน 2012 19:22 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 ธันวาคม 2012 21:02 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท