พินิจวรรณกรรมอาเซียน


โดยรติรัตน์  รถทอง

12  พ.ย.2555

พินิจวรรณกรรมอาเซียน

41 ปีสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย  "ความเป็นอาเซียนในงานนักเขียนไทย"   และการเปิดตัวหนังสือรวมเรื่องสั้นวรรณกรรมอาเซียนคัดสรร  ในงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ  ครั้งที่  17  ณ ห้องประชุม  4  ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพฯ  ข้าวสาลีเป็นผู้ติดตามในเรื่องของการเข้าฟังการอบรมในงานเขียนต่างๆ มากมาย  และในครั้งนี้  ก็ได้เข้าร่วมฟังในวันเสาร์ที่  20  ตุลาคม  2555  ซึ่งมีงานกิจกรรมของสมาคมนักเขียนแห่งชาติ  ข้าวสาลีเป็นสมาชิกของสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทยมาตั้งแต่ปี พ.ศ.  2549  โดยมีผลงานการเขียนสารคดี  3  เรื่อง  ของหนังสือปลดหนี้ ทางช่อง 7 สี   ทำงานเขียนนั้นต้องมีวัตถุดิบ  ความเป็นไปของเรื่องราว  และการพัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลา  งานนี้เป็นงานการเสวนา  โดยมีวิทยากร  ที่มีความรู้มาให้ความรู้  ดังนี้


รศ.ดร.วรากรณ์  สามโกเศศ    เนาวรัตน์  พงษ์ไพบูลย์        ผศ.ดร.ธัญญา   สังขพันธานนท์     และพิธีกรจากสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย  เนื้อหาเป็นการหยิบยกเรื่องราวในวรรณกรรมตั้งแต่อดีตมาถึงปัจจุบัน  ว่าประเทศไทยเรามีการพัฒนางานเขียนเกี่ยวกับอาเซียนน้อยมาก  และเรื่องที่นักเขียนเขียนก็น้อยที่จะพูดถึงเรื่องของอาเซียน  ดร.วรากรณ์  เป็นอดีตรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ  ที่คิดอยากให้ตั้งกรมแปลหนังสือในหน่วยงานราชการเพื่อจะได้พัฒนาแปลงานจากนักเขียนออกสู่อาเซียน  อาจารย์เนาวรัตน์  เขียนเรื่องเกี่ยวกับกวี และ สุวรรณภูมิ และไปในหลายประเทศ  เห็นเรื่องราวมากมายที่ประเทศไทยของเรายังสามารถเขียนเรื่องได้อีกมากมาย  ดร.ธัญญา ( ธัญญา ไพฑูรย์)  อดีตซีไรท์  ซึ่งผันตัวไปสอนเรื่องของวรรณกรรม  ก็บอกกับทุกคนว่า  ตอนนี้  กำลังทำเรื่องของการสอนภาษาอาเซียนให้กับนักศึกษาได้มีความเข้าใจในเรื่องของอาเซียน  เป็นการปูทาง  และยังสนใจที่จะเขียนงานเกี่ยวกับอาเซียนอยู่  ข้าวสาลีไปงานนี้เพราะชอบฟังการเสวนา  ก็เก็บเล็กเก็บน้อยมาบ้าง  ได้เพื่อนมา 1 คน  เธอชื่อเล็กเดินทางมาจากจังหวัดตรัง  และเธอทำเกี่ยวกับแรงงานข้ามชาติ  ใช้งบมูลนิธิทำงานมาเกือบ  2 ปี  ไปคราวนี้นอกจากความรู้แล้วก็ได้เพื่อนอีกหลายคน

เหนื่อยนิดหน่อย  แต่ก็ชอบค่ะ


บรรยากาศของงานสัปดาห์หนังสือ  คนมากมายพากันมาซื้อหาหนังสือได้หลากหลาย  สำหรับข้าวสาลีชอบหนังสือเก่าๆ และเป็นเนื้อหาที่สนใจ  เช่น  ประวัตินักเขียน ฯลฯ


การเสวนา  "พนิจวรรณกรรมอาเซียน"  โดยสุชาติ  สวัสดิศรี  และนายกสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย  อ.เจน  สงสมพันธ์  เนื้อหา  การพูดถึงวรรณกรรมของประเทศต่างๆ  เช่น  อินโดนีเซีย  มาเลเซีย  ฟิลิปปินส์ ลาว เขมร  เวียตนาม และประเทศไทย  การตัดสินรางวัลซีไรท์ก็ออกมาแล้ว   การพูดคุยกันระหว่างอาเซียนก็จะผ่านรางวัลซีไรท์ของนักเขียน  10  ประเทศ  ซึ่งเกี่ยวข้องกับอาเซียน  เพราะนักเขียนทั้งหมดจะเดินทางมาประเทศไทย  รับรางวัล  และก็ไปท่องประเทศอื่นๆ  เพื่อเรียนรู้กันและกันอีกหลากหลาย  อ.สุชาติ  ได้กล่าวถึงผลงานของนักเขียนชาวอินโดนีเซียที่เก่งมากหลายๆ คน และนักเขียนบางประเทศอย่างฟิลิปปินส์ก็ออกไปดังในระดับโลก  นานาชาติหลายคน ได้รางวัลมากกว่านักเขียนไทย  ก็ไม่รู้เหมือนกันว่านักเขียนไทยเขียนอะไรกันอยู่  ก็ขอให้เขียนเรื่องเกี่ยวกับอาเซียนและนำไปแปลเป็นภาษาในอาเซียน  เพื่อจะได้เรียนรู้ในเรื่องวัฒนธรรมการอ่านการเขียน  ฟังแล้ว นักเขียนไทยยังก้าวไปไม่ไกล  เท่าไหร่  เรื่องของ ชาติ  กอบจิตติ  ก็แปลเป็นภาษาฝรั่งเศลหลายเล่ม  แต่ยังน้อยเกินไป.......


การเปิดตัวหนังสือ  "รวมเรื่องสั้นวรรณกรรมอาเซียนคัดสรร"  โดย  ดร.อารียา  หุตะทิน   ดร.พิเชษ  แสงทอง  แสงทิวา นราพิชย์  วิทยากรโดย  นพดล  ปรางค์ทอง  ซึ่งได้จัดพิมพ์หนังสือมาขายให้กับผู้สนใจในงาน  เป็นการรวบรวมการเขียนเรื่องสั้นของนักเขียนในภูมิภาคอาเซียนที่น่าสนใจ  ในงานนี้  ข้าวสาลีก็ซื้อมาอ่านแต่ยังไม่มีวันว่างอ่านเลย เก็บไว้ก่อน  ก็เป็นเรื่องราวที่อยากเล่าสู่กันฟัง  ว่าตอนนี้เราประเทศไทย  ยังไม่ได้ไปไกลเท่าที่คิด  อาจจะย่ำอยู่กับที่หรือไปได้หน่อยก็จะมีอุปสรรค  ตอนนี้นักเขียนยังอยู่ในโลกของตัวเองมากกว่าจะมองออกไปด้านนอกของประเทศ และมีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้น  ซึ่งน่าหยิบยกนำมาเขียนให้เป็นวงกว้างมากขึ้น   ดร.พิเชษ  แสงทอง  เป็นนักเขียนรุ่นใหม่ที่ทำงานเป็นบรรณาธิการหนังสือให้กับเพื่อนนักเขียน  เห็นว่านักเขียนหญิงในประเทศอินโดนีเซียยังถูกปิดกั้นอีกมาก ก็เลยนำเรื่องราวของนักเขียนหญิงชาวอิโดนีเซียมาลงในหนังสือรวมเรื่องสั้นนี้  และยังบอกอีกว่า  นักเขียนในประเทศฟิลิปปินส์ นั้นเก่งหลายคน แต่ไม่มีหนังสือแปลเป็นไทยมากนัก  ส่วนมากนักเขียนเหล่านี้จะแปลเป็นภาษาอังกฤษ หรือเขียนด้วยภาษาอังกฤษ  และนำไปพิมพ์ขายในฝั่งอเมริกาหรือยุโรปเสียมาก  ส่วนของไทยเรายังต้องมีการพัฒนานักเขียนให้มีความทันสมัยต่อโลกมากขึ้น


ก่อนกลับบ้าน  ไปเจอนักร้องที่ผันตัวเองมาเขียนหนังสือ  "เต้นก็กิน  รำก็กิน"  เจนนิเฟอร์  คิ้ม  และนักข่าว ดาราอีกหลายคน  แวะไปดูหน้ามาหน่อยหนึ่ง  กำลังเซนชื่อให้กับแฟนหนังสือกันมือระวิง  ก็เก็บตกมาฝาก  เห็นเขาเหล่านี้แล้วก็รู้สึกว่าอยากเขียนมากขึ้น  เฮ้ย  เขียนนวนิยายค้างไว้เป็นชาติที่แล้วยังไม่จบเลย  (อยากร้องไห้จังเลย)  ว่าแต่ว่าวันนี้เรามาคุ้มจังเลย  ได้เห็นอะไรใหม่ๆ และชีวิต  ชีวิตที่หาซื้อไม่ได้..........

หมายเลขบันทึก: 508057เขียนเมื่อ 8 พฤศจิกายน 2012 12:31 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 ธันวาคม 2012 14:16 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท