“ห้องเรียนกลับทาง” (Flipped Classroom)
จากการศึกษาในเรื่องของ “ห้องเรียนกลับทาง” (Flipped Classroom) เป็นการเปลี่ยนการเรียนการสอน จากที่ครูยืนอยู่ข้างหน้าของนักเรียน และพูดคุยกับพวกเขาในช่วงเวลา สามสิบถึงหกสิบนาที มาเป็นการบันทึกบทเรียนในรูปแบบวีดีโอ เพื่อให้นักเรียนสามารถเข้าเรียนได้ในระบบออนไลน์ที่บ้าน หรือดูล่วงหน้ามาก่อน และจะทำใบงานหรือกิจกรรมในห้องเรียน ซึ่งการสอนแบบนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงในบทบาทของครูกับนักเรียนที่ทำการสอนมาเป็นเวลานานหลายปี ซึ่งผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือบทบาทของครูมีการเปลี่ยนแปลงจากพรีเซนเตอร์ หน้าห้อง มาเป็นผู้แนะนำใช้เวลาพูดคุยกับเด็ก และตอบคำถามการทำงานร่วมกับกลุ่มเล็กและแนวทางการเรียนรู้ของนักเรียนแต่ละบุคคล นักเรียนจะได้เรียนรู้ ได้รับการช่วยเหลือซึ่งกันและกันแทนที่จะอาศัยครูเป็นเพียงผู้เดียวเผยแพร่ความรู้
ในกิจกรรมการเรียนการสอนที่โรงเรียน (เทศบาล 1 โพศรี อุดรธานี) เราจะให้นักเรียน เข้าศึกษาเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องการเนื้อหารายวิชาหรือการศึกษาตามอัธยาศัยแล้วนำมาสรุปบรรยายหน้าชั้นเรียน ซึ่งข้อจำกัดก็พอสรุปได้ดังนี้
ความพร้อมของผู้เรียน ผู้เรียนจะต้องมีความพร้อมทั้งทางจิตใจ และความรู้ คือ จะต้องยอมรับในเทคโนโลยีรูปแบบนี้ ยอมรับการเรียนด้วยตนเอง มีความกระตือรือร้น ตื่นตัว ใฝ่รู้ มีความรับผิดชอบ กล้าแสดงความคิดเห็นและศึกษาความรู้ใหม่ๆ
ความพร้อมของผู้สอน ผู้สอนจะต้องเปลี่ยนบทบาทจากผู้แนะนำ มาเป็นผู้อำนวยความสะดวก ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง กระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดความอยากรู้อยากเห็น อยากเรียนรู้ กระตุ้นการทำกิจกรรม เตรียมเนื้อหาและแหล่งค้นคว้าที่มีคุณภาพ รวมทั้งความพร้อมด้านการใช้คอมพิวเตอร์ การผลิตบทเรียนออนไลน์ และการเผยแพร่บทเรียนผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
เนื้อหา บทเรียน เนื้อหาบทเรียนจะต้องเหมาะสมกับผู้เรียนให้มากกลุ่มที่สุด มีหลากหลายให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเลือกเรียนได้ด้วยตนเอง มีกิจกรรมวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน เลือกใช้สื่อการสอนที่เหมาะสม และเหมาะสมกับความพร้อมของเทคโนโลยี การลำดับเนื้อหาไม่ซับซ้อน ไม่ก่อให้เกิดความสับสน ระบุแหล่งค้นคว้าอื่นๆ ที่เหมาะสม
แก่นแท้ของการเรียนการสอนคือการเรียนรู้ของผู้เรียน เป้าหมายที่สำคัญที่สุดคือผู้เรียนได้เรียนรู้ด้วยตนเอง ตามลีลาการเรียนรู้เฉพาะตัวที่เกิดจากความแตกต่างระหว่างบุคคล ครูยุคใหม่ต้องปรับเปลี่ยนบทบาทจากผู้บอกความรู้ไปสู่ผู้สร้างประสบการณ์และเงื่อนไขให้นักเรียนได้แสวงหาคำตอบ ซึ่งคำตอบของแต่ละคนอาจมีที่มาแตกต่างกันตามบริบทที่ใกล้กับนักเรียน
โรงเรียนเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้ที่ให้บริการที่ผูกพันกับเรื่องการสอนและการเรียนรู้เป็นหลักเป้าหมายสุดท้ายของโรงเรียนก็คือการเรียนรู้ของนักเรียน ครูที่จัดการเรียนการสอนที่ดี จึงเป็นครูที่ท้าทายให้นักเรียนเกิดความต้องการที่จะเรียนรู้ ครูจึงควรส่งเสริมให้นักเรียนได้มีโอกาสเรียนรู้จากแหล่งความรู้ที่อยู่รอบตัวทั้งจากครูคน ครูเรื่อง และครูธรรมชาติสิ่งแวดล้อม ครูเท่านั้นที่จะปรับเปลี่ยนให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้และคิดหาคำตอบ ได้ตัดสินใจ
“เรียนรู้ได้ตลอดเวลา ถ้าต้องการที่จะเรียน
คนฉลาดจะรู้สึกว่า เรียนเท่าไหร่ก็รู้ไม่หมด
คนเขลาจะรู้สึกว่า รู้หมดแล้วไม่จำเป็นต้องเรียน”
ไม่มีความเห็น