อาหารเช้าวันนี้ต้องเดินข้ามถนนไปกินที่ร้านตรงข้ามโรงแรม ทางโรงแรมมีคูปองให้ อาหารก็เป็นแบบง่ายๆ มีขนมปัง ไข่และแฮม มีน้ำส้มให้หนึ่งแก้ว แต่ถ้าต้องการจะเปลี่ยนน้ำส้มเป็นกาแฟต้องเพิ่มเงิน 30 $ กาแฟรสชาติดีคุ้มกับที่ต้องจ่ายเพิ่ม
วันนี้เป็นรายการเที่ยวในเมืองไทเป บวกลบคูณหารดูแล้วซื้อตั๋วเป็นวัน One Day Taipei Pass แบบที่ใช้นั่งทั้งรถไฟใต้ดินและรถเมล์ได้น่าจะคุ้มค่าและสะดวกที่สุด ค่าบัตรคนละ 180 $
จุดแรกที่ไปคือพิพิธภัณฑ์กู้กง สถานที่ที่รวมของล้ำค่าในพระราชวังกู้กงของปักกิ่ง สิ่งของล้ำค่าหายากของเมืองจีนมาอยู่ที่นี่หมด ไม่ว่าจะเป็นหยกผักกาดขาว หยกหมูสามชั้น และงาช้างแกะสลักอันวิจิตรพิศดารอีกมากมาย ซื้อบัตรเข้าชมราคาคนละ 160 $ ลูกสองคนมีบัตรเยาวชน (Youth Card) ที่ทำมาจากสนามบิน ทำให้เสียแค่ครึ่งราคา
เดินอยู่ในพิพิธภัณฑ์ประมาณชั่วโมงกว่าๆ ออกมาก็เริ่มออกอาการหิวโซ คงเป็นเพราะมื้อเช้าทานกันไม่มาก หลังจากเดินหาร้าน เลือกไปเลือกมา ก็ไปสะดุดตาร้านอิตาเลียนสไตล์ญี่ปุ่น ที่สะดุดตาเพราะเห็นว่ามีคนเยอะ ก็เลยเข้าไปต่อคิว ซึ่งก็ไม่ผิดหวัง อาหารรสชาติดีราคายุติธรรม ยกให้เป็นอาหารที่ถูกปากที่สุดตั้งแต่มาทริปนี้ก็ว่าได้
ทานเสร็จก็ลงใต้ดินต่อไปยังอนุสรณ์สถานเจียงไคเช็ค (Chiang Kai Shek Memorial Hall) คนมาเดินกันเยอะมาก เพราะมีงานออกร้าน แต่ไม่สามารถเข้าไปในตัวอาคารได้ เข้าใจว่ากำลังปิดซ่อม เด็กๆ เยอะมากโดยเฉพาะที่เดินตามฝรั่งที่เอาตุ๊กตานกกระจอกเทศและหมีโคล่ามาแสดงให้เด็กดู
หลังจากนั้นก็ไปชมวัดหลงซานซื่อซึ่งถือว่าเป็นวัดในไต้หวันที่เก่าแก่มากอายุกว่าสองร้อยปี ผู้คนพากันมาไหว้พระแน่นขนัด คล้ายๆ วัดเล่งเน่ยยี้ที่เยาวราช ควันรูปลอยคละคลุ้งอบอวนทั่วทั้งวัด เห็นชัดถึงศรัทธาอันแรงกล้าของผู้คน
ออกจากวัดก็ไปชมอาคารไทเป 101 ไปสอบถามเจ้าหน้าที่ว่าถ้าจะขึ้นตึกต้องรอคิวอีกนานเท่าไหร่ พอทราบว่าอีกห้าสิบนาทีก็เลยเปลี่ยนใจ เพราะกว่าจะได้ขึ้นไปก็มืดค่ำแล้ว คงไม่เห็นทัศนียภาพไทเปได้ชัดเจนนัก
มื้อเย็นวันนี้คุณสุนิตพยายามสอบถามที่ Information Center เพราะต้องการจะหาร้าน Din Tai Fung ที่อยู่ในห้างโซโก้ (Sogo Department Store) พอเขาบอกทางก็นั่งรถใต้ดินไปยังห้างโซโก้สาขานั้นแล้วก็ดั้นด้นจนเจอร้าน แต่ข่าวที่ไม่ค่อยดีก็คือต้องรอคิวเป็นเวลา 45 นาที ก็เลยทำให้มีเวลาเดินห้างไปพลางๆ ก่อน แต่พอถึงคิวได้ลิ้มรสอาหารทุกคนก็บอกว่าคุ้มค่ากับการรอ รสชาติอาหารถูกปากคนไทย ร้านมีการทำงานที่ค่อนข้างจะเป็นระบบ บริการก็ถือว่าใช้ได้ เห็นบอกว่ามีสาขาที่เมืองไทยด้วย (อยู่ในเซ็นทรัลเวิร์ด) ทานเสร็จแล้วให้คะแนนเป็นเอกฉันท์ว่ามื้อนี้ประทับใจมากที่สุด ชนะมื้อกลางวันไปแล้ว
ทำให้ดูกันจะจะเลย
เสี่ยวหลงเปาอันลือชื่อ
วันนี้เดินเยอะมาก และที่ขาลากก็เพราะเคยชินกับการใส่รองเท้ากีฬาที่นิ่มๆ แต่นี่ลากรองเท้าแตะมาตลอดทั้งวัน เป็นรองเท้าใหม่ที่ยังกระด้างไม่เข้ากับเท้า ก็เลยรู้สึกระบมไปหมด ต้องมองหาซื้อรองเท้ากีฬาเพราะว่าไม่สามารถจะทนได้อีกต่อไปแล้ว จุดสุดท้ายของวันนี้ก็คือการเดินไปย่านซีเหมินติ้ง คล้ายๆ สยามสแควร์บ้านเรา ผู้คนมากมาย มีแต่งกายแบบเทศกาลฮาโลวีนด้วย เห็นกำลัง Make Up กันอยู่ก็หลายคน วันนี้กว่าจะกลับถึงโรงแรมก็ดึกอีกตามเคย ตอนเดินกลับโรงแรมเข้าไปคุยกับแท็กซี่ว่าถ้าพรุ่งนี้จะจ้างไปสนามบินจะคิดราคาเท่าไร ตั้งงบไว้ในใจ 1000 $ พอเขาบอกว่า 900 ก็เลยตกลง เพราะดีกว่าหิ้วกระเป๋าขึ้น-ลงรถไฟ นัดเวลากันเสร็จสรรพ แล้วจึงกลับโรงแรม
ช่วงคืนวันเสาร์คนใช้บริการรถใต้ดินกันมากเหมือนกัน
ทำ Make up ให้เหมือนกับถูกฟันคอมา
การแสดงดนตรีตามถนน
ดูจนเพลินเลยค่ะ ดิฉันมีลูกค้าหลายชาติมากค่ะ นานาชาติก็ว่าได้ค่ะ แต่สำหรับไต้หวันเนี่ย ดูแลยากมากที่สุดในโลกในค่ะ เพิ่งโบกมือบ๊าย บาย ไปเมื่อสัก 3 เดือนที่ผ่านมาค่ะ (สมองโล่งไปเยอะเลยค่ะ) เป็นจอมโวยวายได้สุดๆ ไปเลยค่ะ