หลังจากที่เราได้เตรียมส่วนประกอบหลัก ๆ ทั้งในส่วนของ "กะทิ" ที่อุดมไปด้วยพลังแห่งความรู้มากมาย
ตามต่อมาด้วย "เครื่องแกง" ที่มีภูมิปัญญาไทยแฝงอยู่อย่างมากไม่แพ้กัน
การเก็บข้อมูล วิเคราะห์และประมวลผลในเรื่องของ "วัตถุดิบ" ก็จะเริ่มต้นขึ้น
กระบวนการเริ่มตั้งแต่ตอนเย็นครับ เมื่อผมรับหน้าที่ "ผู้จ่ายตลาด" ไปซื้อผักและเนื้อสัตว์มาประกอบอาหาร
เนื้อสัตว์ที่เลือกใช้ในวันนี้เราเลือกใช้ "เนื้อไก่" ครับ
เพราะว่า "แกงเขียวหวานไก่" เป็นอะไรที่เป็นสุดยอดแห่งแกงเขียวหวานครับ
สำหรับการเลือกไก่นั้น ตอนนั้นเทคนิคที่ใช้ก็ค่อนข้างที่จะต้องระมัดระวังหน่อยครับ เพราะเป็นช่วงของการระบาดของไข้หวัดนก ดังนั้นโอกาสที่ผู้ปรุงอาหารที่จะสัมผัสกับไก่ดิบจะติดเชื้อได้ก็มีอยู่พอสมควร
ดังนั้น เนื้อไก่ที่จะใช้ในวันนี้ ก็ต้องเลือกจากผู้ผลิตที่เลี้ยงไก่ใน "ฟาร์มปิด" และมีกระบวนการในการบรรจุที่ได้มาตรฐานครับ สำหรับไก่ที่ได้มาตรฐานของบ้านเราก็มีอยู่ด้วยกันสองถึงสามแบรนด์หรือยี่ห้อครับ
เพราะช่วงนี้ถ้าไม่แน่ใจจริง ๆ ก็ควรจะหลีกเลี่ยงไก่บ้านสักนิดก็ดีครับ แต่ไก่บ้านก็อร่อยกว่าไก่ฟาร์มครับ ถ้าอย่างไรเวลาสับใส่ถุงมือก็จะปลอดภัยมากขึ้นครับ
ใช้เนื้อล้วน ๆ หรือเนื้อติดกระดูก อันไหนดีกว่ากัน
หลังจากการที่ได้ "ทดลอง" มาแล้วหลายครั้งสรุปได้ว่า
"ใช้เนื้อติดกระดูก" จะให้รสชาดที่ดีกว่าครับ ทั้งในเรื่องของ "น้ำแกง" และ "รสสัมผัสของเนื้อไก่" จะใช้ปีกหรือสะโพกก็ได้ครับ
ราคาระหว่างเนื้ออกกับเนื้อสะโพกหรือปีกนั้น แตกต่างกันไม่มากครับ บวกลบไม่เกิน 5 บาทครับ
เมื่อซื้อไก่แล้วในร้านเดียวกันส่วนใหญ่ก็จะมีเลือดไก่ขายอยู่ด้วยกัน ราคาที่ซื้อมาก้อนละ 5 บาทครับ วันนี้ใช้ 2 ก้อน ก็ซื้อมาเพื่อให้ดูครบองค์ประกอบและเพิ่มรสชาดมากขึ้น แต่สำหรับประโยชน์และสารอาหารจากเลือดไก่นั้น ร่างกายของเราเผาผลาญมาใช้ประโยชน์ได้น้อยมากหรือแทบไม่ได้เลยครับ (เรื่องนี้ฝากผู้เชี่ยวชาญทางด้านโภชนาการให้ความรู้เพิ่มเติมนิดนึงนะครับ ว่าต้องร่างกายเราต้องใช้ค่าการเผาผลาญหรือจะสามารถนำเอาประโยชน์จากเลือดไก่มาใช้ประโยชน์ได้ต้องทำอย่างไรบ้างครับ)
และพระเอกของเราที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับแกงเขียวหวานนั่นก็คือ "มะเขือเปราะ"
เทคนิควิธีการเลือกมะเขือเปราะนั้นสำหรับผมจะดูตรงขั้วกับผิวครับ ดูว่าขั้วสีเขียวสดหน่อยและผิวค่อนข้างขาวเกลี้ยง จะทำให้ได้มะเขือเปราะที่อ่อนนำมาแกงแล้วไม่ขมครับ (ถ้าท่านอื่นมีเทคนิคสำหรับการเลือกมะเขือเพิ่มเติมเชิญเต็มเติมได้เลยนะครับ)
สำหรับมะเขือพวงนั้น ดูว่าให้ลูกเต่งตึง ไม่เหี่ยว ไม่เน่า ก็เป็นใช้ได้ครับ
หลังจากนั้นก็มาดูเรื่องของ Timing ในการปรุงอาหาร
สิ่งที่ควรระวังมากที่สุดในเรื่องของ Timing ในการปรุงอาหารก็คือเรื่องของการหั่นมะเขือเปราะครับ เพราะถ้าหั่นทิ้งไว้นานเกินไปก็จะทำให้ดำ คล้ำ ดูไม่น่ารับประทานครับ
ดังนั้น Timing ของการหั่นมะเขือเปราะก็ควรจะอยู่ในลำดับสุดท้ายหรือว่า ใกล้ที่จะต้องลงหม้อแล้วค่อยหั่นครับ
สำหรับเทคนิคเพิ่มเติมในการป้องกันไม่ให้มะเขือเปราะมีสีดำหรือคล้ำนั้น แม่ของผมให้ใช้เกลือผสมในน้ำที่ไว้สำหรับแช่มะเขือนิดหน่อยครับ ก็จะทำให้รักษาสภาพของมะเขือไว้ได้นานมากยิ่งขึ้นครับ
เมื่อทุกอย่าพร้อม กะทิพร้อม เครื่องแกงพร้อม วัตถุดิบต่าง ๆ พร้อม ก็เริ่มปรุงกันได้เลยครับ
หลังจากการปรุงประมาณ 20 นาทีและแล้ว เราก็ได้ "แกงเขียวหวาน" ออกมาแล้วครับ (ขออนุญาตตัดตอนมาเป็นถ้วยเลยนะครับ)
เพราะสำหรับเรื่องเทคนิคการแกงนั้น ผมยังมิสามารถเล่าได้อย่างถนัดปากเท่าไรครับ เพราะว่าวันนั้นรับหน้าที่เป็น "ผู้สังเกต" ยังไม่ได้ทดลองปฏิบัติในการแกงครับ ก็เลยยังไม่ทราบเทคนิคมากเท่าใดนักครับ หรือถ้าท่านใดมีเทคนิคพิเศษ ๆ เพิ่มเติมทั้งในส่วนของการเลือกวัตถุดิบและขั้นตอนการปรุงอาหารเชิญมาแลกเปลี่ยน ต่อยอดและเติมเต็มได้เลยนะครับ
สรุปสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด
สำหรับแกงเขียวหวานหม้อใหญ่นี้
เราใช้เงินลงทุนทั้งหมดดังนี้ครับ
มะพร้าว 2 ลูก ราคา 6 บาท
ไก่สะโพกสองชิ้น ราคา 22.50 บาท
มะเขือเปราะ 10 บาท
มะเขือพวง 10 บาท
เลือดไก่ 10 บาท
ใบโหระพา 2 บาท
เครื่องแกง (ข่า ตะไคร้ มะกรูด พริก หอม กระเทียม) ก็ตีได้ประมาณ 5 บาทครับ
ส่วนที่มีเพิ่มเติมนั่นก็คือ ค่าแก๊สและค่าเสื่อมราคาต่าง ๆ ก็ตีให้ 10 บาทเลยครับ
ดังนั้น ต้นทุนรวมของแกงเขียวหวานหม้อนี้ ราคาเท่ากับ 75.50 บาท ครับ
คุ้มหรือไม่คุ้ม ก็ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละท่านจะใช้เกณฑ์ใดมาวัดหรือตัดสิน
สำหรับผมนั้น คุ้มค่ามาก ๆ ครับ สำหรับกิจกรรมที่ได้ทำ เพราะนอกจากการได้กินของอร่อย ๆ แล้ว ผมและทุก ๆ คนในครอบครัวยังได้เสพ "ความสุข" จากการทำกิจกรรม Baby R2R นี้อย่างมากมายครับ รวมทั้งการได้มาเขียนเป็นบันทึกเล็ก ๆ ได้อีก ยิ่งทำให้มีความสุขมากขึ้นในเวลาเขียนได้อีกครับ......
ถ้ามีเวลาว่างยามเย็นหรือในวันหยุดลองทำกิจกรรมเล็ก ๆ เหล่านี้ดูนะครับ แล้วท่านจะได้สัมผัสในความสุขในอีกอรรถรส ซึ่งเรียกได้ว่าเป็น "ความสุขแท้" ในครอบครัวครับ
ปภังกร วงศ์ชิดวรรณ
ว้าว ว้าว...น้ำลายไหล...
แก้แดเกหแอกเอเกอิผอเอกเอหเอเด้กิอิห้ก้หแหกดกอิ่