ระบบ 3G คืออะไร??


ระบบ 3G ทำให้เกิดการใช้บริการแบบมัลติมีเดีย และส่งผ่านข้อมูลในระบบไร้สายด้วยอัตราความเร็วที่สูงขึ้น ทำให้มีการรับส่งข้อมูลที่มากกว่า ทำให้ประสิทธิภาพในการรับส่งข้อมูลตลอดจนแอพพลิเคชั่นต่างๆดีขึ้น รวดเร็วมากขึ้น พร้อมทั้งสามารถใช้บริการมัลติมีเดียได้สมบูรณ์แบบมากขึ้น

  

โทรศัพท์ ระบบ 3G คืออะไร..??

                                                  

  ระบบ 3G คือ ระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ในยุคที่สาม (Third Generation of Mobile Telephone - 3G) ซึ่งมี สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ หรือ ITU (International Telecommunication Union)  ซึ่งเป็นองค์กรชำนาญพิเศษแห่งสหประชาชาติ ทำหน้าที่ในการให้คำแนะนำตลอดจนวางหลักเกณฑ์ในบริหาร และการกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคมให้กับประเทศต่างๆที่เป็นสมาชิกทั่วโลก โดยมีแนวทางในการวางหลักเกณฑ์ทางการบริหารทรัพยากรด้านโทรคมนาคมของแต่ละประเทศสมาชิก เพื่อให้เป็นไปแนวทางเดียวกัน

       ทั้งนี้ระบบ 3G เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาต่อเนื่องมาจากระบบยุคที่ 2 และ 2.5 ซึ่งเป็นยุคที่มีการให้บริการระบบเสียง และ การส่งข้อมูลในขั้นต้น ซึ่งยังมีข้อจำกัดอยู่มากในด้านความรวดเร็วและคุณภาพของข้อมูลที่ทำการส่ง โดยการพัฒนาของระบบ 3G ทำให้เกิดการใช้บริการแบบมัลติมีเดีย และส่งผ่านข้อมูลในระบบไร้สายด้วยอัตราความเร็วที่สูงขึ้น ทำให้มีการรับส่งข้อมูลที่มากกว่า ทำให้ประสิทธิภาพในการรับส่งข้อมูลตลอดจนแอพพลิเคชั่นต่างๆดีขึ้น รวดเร็วมากขึ้น พร้อมทั้งสามารถใช้บริการมัลติมีเดียได้สมบูรณ์แบบมากขึ้น โดยผ่านอุปกรณ์ที่ผสมผสาน การนำเสนอข้อมูล และเทคโนโลยีในปัจจุบันเข้าด้วยกัน เช่น PDA (Personal Digital Assistant : เป็นอุปกรณ์คอมพิวเตอร์พกพาขนาดเล็กที่ช่วยอำนวย ความสะดวกในการจดบันทึก, เก็บข้อมูล, เตือนเวลานัดหมาย หรือ จัดการงานต่างๆ ) Walkman กล้องถ่ายรูป โทรศัพท์มือถือ และ อินเทอร์เน็ต เป็นต้น

       เทคโนโลยีของโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3G

       3G คือ โทรศัพท์เคลื่อนที่ยุคที่ 3 ที่ใช้เทคโนโลยีมาตรฐาน IMT 2000 ที่มีรายละเอียดพอสังเขปดังนี้

  1.  ต้องมีแพลทฟอร์ม(Platform) สำหรับการหลอมรวมของบริการต่างๆ อาทิ เช่น กิจการประจำที่ (Fixed Service) กิจการเคลื่อนที่ (Mobile Service) บริการสื่อสารเสียง ข้อมูล อินเตอร์เน็ต และมัลติมีเดีย (Multimedia) เป็นไปในทิศทางเดียวกัน  กล่าวคือ สามารถถ่ายเท ส่งต่อข้อมูลดิจิตอลไปยังอุปกรณ์โทรคมนาคมประเภทต่างๆ ให้สามารถรับส่งข้อมูลได้
  2. ความสามารถในการใช้โครงข่ายทั่วโลก(Global Roaming) กล่าวคือ ผู้บริโภคสามารถถืออุปกรณ์โทรศัพท์เคลื่อนที่ไปใช้ได้ทั่วโลก โดยไม่ต้องเปลี่ยนเครื่อง
  3. บริการที่ไม่ขาดตอน (Seemless Delivery Service) กล่าวคือ การใช้งานโดยไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยนเซลล์ไซค์(Cell Site)หรือสถานีถ่ายทอดในแต่ละพื้นที่ เพราะคำว่า Seemless หมายถึงการไร้รอยตะเข็บ
  4. อัตราความเร็วในการส่งผ่านข้อมูล (Transmission Rate) ในมาตรฐาน IMT 2000 กำหนดไว้ดังนี้
  • ในสภาวะอยู่กับที่หรือขณะเดินมีความเร็วอย่างน้อยที่สุด 2 เมกะบิต/วินาที (2 Mb/s)
  • ในสภาวะเคลื่อนที่โดยยานพาหนะมีความเร็วอย่างน้อยที่สุด 384 กิโลบิต (384 kb/s)
  • ในทุกสภาวะมีอัตราความเร็วอย่างมากที่สุด 14.4 เมกะบิต (14.4 Mb/s)

ขอให้ทุกท่านโชคดีหาคลื่นเจอ....ภัทรพล คำสุวรรณ์

คำสำคัญ (Tags): #3g
หมายเลขบันทึก: 506503เขียนเมื่อ 22 ตุลาคม 2012 16:41 น. ()แก้ไขเมื่อ 29 ตุลาคม 2012 10:18 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)

ขอบคุณ...ความรู้ดีดีนี้....จากท่านภัทรพล คำสุวรรณ์...

ได้ความรู้มากเลย ค่ะ

ขอถามเพื่อเป็นวิทยาทานจากท่านเล็กน้อยนะคะ เรามี 3G ใช้มาพักใหญ่ๆ แล้ว ทำไม เพิ่งถึงเวลาประมูลกันเมื่อสัปดาห์ก่อน งง

  • ขอบคุณพี่นายช่างใหญ่
  • หายไปนานมาก
  • คิดถึงๆๆ

เรียนคุณพยาบาล...เป็น 3G เทียมครับ ก็คือ การแปลงสัญญาณ 2G(เสียง ข้อมูล)ให้เป็น 3G(เสียง ข้อมูล วิดีโอ) อย่างที่ AIS / True / Dtac กำลังทดลองให้บริการกันอยู่ AIS ก็วิ่งบนคลื่น 900 MHzอยู่ครับ Dtac กับ truemove 850 MHz แต่ความเร็วยังช้าอยู่ครับ ถ้าใบอนุญาตออกจะวิ่งที่ 2100 MHz..ซึ่งจะใช้งานได้จริงๆ เดือนมีนาคม ปี ๒๕๕๖ โชคดีครับ

เรียนอ.ขจิต...ก็คิดถึงเช่นกันครับ..พอมีข้อมูลก็นำมาเขียนครับ...โชคดีครับ

 

สงสัยมาตั้งนานแล้ว

ทำไม เมื่อ 3G เป็นของเทียม จึงยังเรียกว่า 3G ทั้งที่ ระบบแยกชัดเจนว่า 3 2 หรือ 2.5 G เขาตั้งใจหลอก ??? ปลอบใจ ??? หรือเป็นธรรมชาติไทยคน ????

ข้อสงสัยของคุณ Han Min น่าสนใจมากครับนายช่างใหญ่

พี่นายช่างฯ คะ..... ผู้ชายชุดแดงบนภูเขานี่แกจะหาคลื่นสัญญารเจอป่ะน่ะ บายดีโย่ะหม้ายนิพี่บาวนี่ ....คิดถึงพี่บาวน่ะค่ะ

เรียนทุกท่านครับ

      3G เทียมเป็นการทดลองเทคโนโลยีใหม่บนอุปกรณ์ระบบเก่าครับ อย่าคิดอย่างอื่นครับ ยุค 1G รับส่งได้เฉพาะเสียง ยุค 2G เพิ่มการรับส่งข้อมูลได้ ส่วนยุค 3G สามารถรับส่งวิดีโอได้ หรือเรียกว่ามัลติมีเดีย...จึงมีการทดลองส่ง 3 G ดูครับ...ลองอ่านรายละเอียดดูนะครับ....

ยุคก้ำกึ่งระหว่าง 2G และ 3G ซึ่งก็คือ 2.5G เป็นยุคที่กำเนิดเทคโนโลยี GPRS (General Packet Radio Service) นั่นเอง ซึ่งตามหลักการแล้วเทคโนโลยี GPRS นี้สามารถส่งข้อมูลได้ที่ความเร็วสูงสุดถึง 115 Kbps เลยทีเดียว แต่เอาเข้าจริงๆ ความเร็วของ GPRS จะถูกจำกัดให้อยู่ที่ประมาณ 40 kbps เท่านั้น

              และก่อนจะมาถึงยุค 3G เราก็ยังมี 2.75G ด้วย ซึ่งเป็นช่วงที่เริ่มมีการใช้เทคโนโลยี EDGE (Enhanced Data rates for Global Evolution) นั่นเอง EDGE นั้นถือเป็นเทคโนโลยีต่อยอดของ GPRS และถูกเรียกกันว่าเทคโนโลยียุค 2.75 G (อย่างไม่เป็นทางการ) ลักษณะการทำงานของ EDGE นั้นจะเป็นการพัฒนาปรับปรุงคุณภาพความเร็วจากพื้นฐานของ GPRS ให้มีความเร็วในการรับ-ส่งข้อมูลได้สูงขึ้น (แต่ว่า ยุค 2.75G ของ EDGE นั้น ไม่ได้ถูกกำหนดขึ้นอย่างเป็นทางการ เพียงแค่ยกขึ้นมาเปรียบเทียบช่วงคาบเกี่ยวระหว่างยุค 2.5G และ 3G เพื่อให้เห็นภาพได้ชัดเจนยิ่งขึ้น)

ขอบคุณและขอให้ทุกท่านโชคดี

น้องแอนครับ

แกเดินหามาหลายควนแล้วครับ ปล่อยแกไปเถอะเดี๋ยวแกก็เดินถึงเขาทรายขาวเองแหละครับ...อิอิอิ...โชคดีนะน้อง คิดถึงจังหูเหมือนกันครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท