@@จากนิทาน.....สู่นิทาน@@@


......คนมีปัญญาสำหรับตา คือคนที่นอบน้อมถ่อมตน รู้ว่าตนยังต้องเรียนรู้เรื่องราวต่างๆ อีกมากมาย ไม่มีใครรู้ทุกเรื่อง หรือฉลาดไปซะทุกสิ่ง เราอาจฉลาดเรื่องหุ้น แต่ปลูกข้าวกินเองไม่เป็น เราอาจเป็นครูที่เก่งกาจ แต่เราอาจสร้างบ้านไม่เป็น ทุกสิ่งบนโลกนี้ล้วนเกื้อกูลกัน คนฉลาด และมีปัญญาจะอ่อนน้อมถ่อมตน และพร้อมน้อมรับกับคำสอนของทุกคน โดยไม่แบ่งว่าเขา รวย จน เด็กกว่า แก่กว่า หรือไปวัดว่าเขาจบการศึกษาระดับไหน.........

มีผู้รู้กล่าวไว้ว่า.....ในบรรดาเครื่องมือถ่ายทอดมรดกทางภูมิปัญญาของคนเรา  การเล่านิทานซึ่งเคียงคู่มากับนิทานนั้น  เป็นเครื่องมือที่ทรงประสิทธิภาพและสืบทอดกันมายาวนานทุกชาติทุกภาษา  บางครั้งก็มีอันบังเอิญที่หลายๆเรื่องของแต่ละชาติมาตรงกัน  การส่งผ่านปัญญาเหล่านี้อาจเรียกได้ว่าเป็นวัฒนธรรมทางปัญญาก็คงไม่ผิด

ได้อ่านนิทานเรื่องชาล้นถ้วยของญี่ปุ่นแล้วมาเจอนิทานของพระพยอม  สรุปด้วยนิทานธรรมะของหมื่นตา     อ่านแล้วทำให้คิดได้ว่ามันเป็นเรื่องเดียวกันแต่ต่างมุมมอง  สุดท้ายก็รวมมาสู่ความคิดรวบยอดเดียวกันนั่นเอง

 

ชาล้นถ้วยของลัทธิเซ็น......

นันอินเป็นอาจารย์เซ็นชาวญี่ปุ่น มีชีวิตอยู่ในสมัยราชวงศ์เมจิ (พ.ศ.๒๔๑๑ - ๒๔๕๕ )
คราวหนึ่งได้ต้อนรับศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยท่านหนึ่ง ผู้ไปสอบถามเกี่ยวกับลัทธิเซ็น

อาจารย์นันอินเลี้ยงน้ำชาอาคันตุกะผู้นี้ด้วยตนเอง
ท่านรินน้ำชาใส่ถ้วยจนล้นถ้วย แล้วยังรินต่ออยู่อย่างนั้นไม่หยุด
ท่านศาสตราจารย์มองดูอดรนทนไม่ได้ จึงร้องขึ้นว่า
"มันล้น แล้วครับท่าน รินต่อไปอีกไม่ได้แล้ว"

อาจารย์นันอินตอบว่า
"เช่นเดียวกันแหละ เจริญพร ท่านเองก็เต็มไปด้วยทฤษฎีต่างๆ
อาตมาจะสอนเซ็นให้ท่านได้อย่างไร ถ้าท่านไม่ทำให้ถ้วยของท่านว่างเปล่าเสียก่อน"…

 

 

ชาล้นถ้วยของพระพยอม......

อาจารย์ที่จบด็อกเตอร์จากต่างประเทศ  เรียนมาสูงกว่าใครเลยถือว่าตัวเองมีความรู้ดีรู้มากไม่ยอมฟังใคร  เที่ยวสั่งสอนคนเขาไปทั่วแม้กระทั่งพระที่วัด  ด้วยความอยากลองของตามนิสัยเดิมๆจึงเอ่ยว่า

.....หลวงพ่อครับ  ทราบว่าหลวงพ่อสอนคนเก่ง  ลองสอนสิ่งที่ผมยังไม่รู้บ้างสิครับ  ถ้าหลวงพ่อสอนผมไม่ได้ ผมจะได้สอนหลวงพ่อเสียเอง......

หลวงพ่อถึงกับอึ้งเมื่อเจอคนแบบนี้แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร   เพียงแต่รินน้ำชาใส่ถ้วยเพื่อให้ด็อกเตอร์ดื่ม   ขณะรินตาก็จับอยู่ที่ด็อกเตอร์  น้ำชาที่รินก็เริ่มล้นออกจากถ้วยทีละนิดแล้วไหลนองเต็มพื้น  เปียกไปถึงหัวเข่าของด็อกเตอร์ๆก็ร้องโวยวายว่าทำไมไม่รู้จักดูให้ดี  รินจนล้นถ้วยขนาดนั้น

หลวงพ่อบอกว่าเห็นเดินทางมาเหนื่อยๆเลยอยากให้ได้กินน้ำชาเยอะๆ  ด็อกเตอร์ได้ทีเกทับหลวงพ่อว่า....รินน้ำชาแบบนี้ กินก็ไม่ได้กิน  แถมยังหกเสียของอีกต่างหาก....

หลวงพ่อปล่อยหมัดเด็ดไปทันทีว่า.....ก็จริงของโยมนะ  รินน้ำใส่ถ้วยที่มันเต็มอยู่แล้วมันก็มีแต่จะล้น   ใช้ประโยชน์ไม่ได้  คงเหมือนกับคนที่  อวดเก่ง  อวดฉลาด  อวดว่ารู้มากกว่าคนอื่น  ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะไปสอนเขา  เพราะสอนเท่าไหร่เขาก็รับไม่ได้เหมือนชาที่ไหลล้นออกนอกถ้วย.....

ด็อกเตอร์อ้าปากหวอไปชั่วขณะ  แล้วรีบก้มลงกราบพลวงพ่อทันที

 

 

นิทานธรรมะของหมื่นตาจึงกล่าวไว้ว่า......

การอ่านหนังสื่อมากกว่าคนอื่น ไม่ได้หมายความว่า

เราฉลาดกว่าคนอื่น ปริญญาเป็นเพียงสิ่งสมมติ เพื่อใช้วัดค่ามาตรฐานตามกฎเกณฑ์     ของสังคม

แต่นั่นย่อมไม่ได้วัดว่าใครจะเข้าใจชีวิตมากกว่ากัน

         วิชา กับ ปัญญา นั้นแตกต่างกัน

         อ่านเยอะ รู้เยอะ เห็นเยอะ

         ยังไม่อาจเรียกได้ว่า ผู้รู้ที่แท้จริง

คนมีปัญญาสำหรับตา คือคนที่นอบน้อมถ่อมตน

รู้ว่าตนยังต้องเรียนรู้เรื่องราวต่างๆ อีกมากมาย

        ไม่มีใครรู้ทุกเรื่อง หรือฉลาดไปซะทุกสิ่ง

เราอาจฉลาดเรื่องหุ้น แต่ปลูกข้าวกินเองไม่เป็น

เราอาจเป็นครูที่เก่งกาจ แต่เราอาจสร้างบ้านไม่เป็น

        ทุกสิ่งบนโลกนี้ล้วนเกื้อกูลกัน คนฉลาด และมีปัญญาจะอ่อนน้อมถ่อมตน

และพร้อมน้อมรับกับคำสอนของทุกคน โดยไม่แบ่งว่าเขา รวย จน เด็กกว่า แก่กว่า

หรือไปวัดว่าเขาจบการศึกษาระดับไหน

 

 

อ่านแล้วจี๊ดเข้าไปถึงข้างใน   เพราะพบเจอคนประเภทนี้บ่อยมากถึงมากที่สุด  ทำไมจึงไม่ฉุกใจคิดนะว่าความรู้ในโลกนี้ไม่มีขีดจำกัด  เราสามารถเรียนรู้ไปเรื่อยๆตราบใดที่เรายังคงหงายถ้วยของเราที่ว่างเปล่าหรือมีน้ำชาครึ่งถ้วยเอาไว้เสมอๆ

 

ระดับการศึกษา  ฐานะ  ชาติตระกูล  การแต่งกาย   เป็นแค่ภาพลวงตาและล้วนเป็นเปลือกภายนอกที่ปรุงแต่งได้  บางคนยิ่งมีความรู้มากยิ่งเรียนสูงมาก  แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาหรือปัดเป่าความทุกข์ของตนเองได้ก็มีมากมาย  เราควรตัดสินและวัดคุณค่าของคนจากสิ่งที่เขามีภายในดีกว่าไหม.....

 

ฝากข้อคิดในบันทึกนี้ว่า.....เราควรจะทำตัวแบบไหนดีระหว่าง   ชาล้นถ้วย  ชาครึ่งถ้วยหรือถ้วยที่ว่างเปล่า  เอ.....หรือว่าไปไหนมาไหนเราควรพกกระติกดีกว่าจะได้จุเยอะๆหน่อย.....

 

 

 

ขอบคุณนิทานเซ็น

ขอบคุณนิทานธรรมะจากพระพยอม

ขอบคุณนิทานธรรมะของหมื่นตา

และขอบคุณภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต

หมายเลขบันทึก: 506481เขียนเมื่อ 22 ตุลาคม 2012 12:20 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 ตุลาคม 2012 17:01 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)

ขอบคุณข้อคิดดีๆเตือนสติให้ระลึกรู้เช่นนี้ค่ะ..

เหมือนได้อ่านหนังสือพร้อมคุณครูหลายๆ เล่มค่ะ

ขอบคุณมากค่ะ ชอบมากๆ เลย

สวัสดีค่ะพี่ใหญ่   Blank นาง นงนาท สนธิสุวรรณ

คนที่เป็นชาล้นถ้วยอ่านนิทานแล้วจะได้รู้สึกตัว  เพราะนิทานเป็นตัวช่วยถ่ายทอดได้ดี

แต่หากอ่านแล้วยังเฉยๆก็คงช่วยอะไรไม่ได้นะคะ

สวัสดีค่ะ  Blank Jamlong NFE Kalasin

ยินดีที่ชอบนะคะ  อ่านกี่ครั้งๆก็ไม่เบื่อเพราะเตือนสติได้ดี....

 

สวัสดีค่ะ    Blank ...ปริม pirimarj...

อ่านมากรู้มากแต่หากไม่เกิดปัญญาก็ไม่มีประโยชน์นะคะ

อ่านนิทานพวกนี้หลายรอบแล้วค่ะ   อ่านทีไรโดนใจทุกครั้ง

เตือนใครไม่ได้ก็ใช้เตือนตัวเองนั่นแหละดีที่สุดเจ้า...

ชอบมากครับ เนื้อหาอ่านง่าย เพลิดเพลินได้แง่คิด สุดยอดเลยครับ

สวัสดีค่ะ  Blank I love bright

ยินดีที่ชอบนะคะ  ส่วนมากจะเขียนบันทึกให้คนอ่านๆแล้วเข้าใจทันทีค่ะ

ไม่ต้องมานั่งแปลหรือนั่งตีความให้ปวดหัว

หรือเขียนยาวจนขี้เกียจอ่าน  เพราะบางครั้งการแสดงภูมิรู้ก็ใช่ว่าจะมีคนอ่านเสมอไปนะคะ

ยินดีกับมิตรไมตรีจาก

Blank    Princess Ae (Eng)
Blank    Jamlong NFE Kalasin
Blank    I love bright
Blank    นาง นงนาท สนธิสุวรรณ
Blank    หนูรี
Blank    ปณิธิ ภูศรีเทศ
Blank    ...ปริม pirimarj...
Blank    อ.นุ

ขอบคุณกำลังใจที่ได้รับค่ะ........

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท