ห้องเรียนยุคใหม่ที่อยากให้ประเทศไทยมีคือ"ห้องเรียนประชาชน"มีไว้สำหรับแรงงานที่ไม่ใช้นักวิชาการ>>ไว้รองรับผู้เรียนที่ไม่จำกัดอายุ>> คือไม่จำกัดสถานที่เรียน>> เรียนจากความเป็นจริงของธรรมชาติ>>> เรียนจากวิถีชีวิตจริงๆของทุกๆสิ่งที่อยากเรียน>>เรียนจากนักวิชาการให้ความรู้>>การเข้าห้องเรียนที่ใหนเมื่อไรก็ได้ แต่ต้องเป็นสถานที่ให้ความรู้ในเรื่องที่จะเรียนรู้ได้ โดยมีผู้เกี่ยวข้องที่อบรบแล้วค่อยบรรยายให้คำแนะนำตามเวลาที่กำหนดไว้โดยไม่จำกัดกลุ่มคนผู้เรียนเหมือนกับการจัดการแสดงเป็๋นรอบๆเพื่อให้ความรู้ตามที่ผู้เรียนต้องการของแต่ละหลักสูตร ในสถาบันนั้นๆกำหนดไว้แล้วนั้น โดยเรียกเก็บค่าเล่าเรียนเหมือนค่าผ่านประตู เรียนรู้เสร็จแล้วต้องมีการทดสอบวัดผล และหากเป็นวิชาชีพก็ต้องมีองค์กรรองรับวิชาชีพนั้นได้ทันที่ทุกหลักสูตรต้องมีการสอบเพื่อคัดเลือกเข้าปฏิบัติงานตามจำนวนที่ต้องการกำหนดไว้แล้วส่วนที่เหลือก็สามารถนำไปขออนุญาตประกอบวิชาชีพธุรกิจนั้นๆได้แต่หากประชาชนผู้ใดไม่มีใบรับรองของสถาบันใดเลย ก็ไม่สามารถที่จะสมัครงานหรือไม่สามารถขออนุญาตประกอบธุรกิจใดๆได้(ถ้าทำได้ก็เท่ากับบังคับให้ผู้เรียนทุกคนต้องต้องเรียนรู้เพื่อพัฒนาแรงงานให้มีคุณภาพที่ดียิ่งๆขึ้นไป)ถ้าไม่เรียนไม่ผ่านหลักสูตรใดๆเลยประกอบอาชีพส่วนตัวอย่างเดียวเพื่อเลี้ยงชีพเท่านั้นถือว่าเป็นแรงงานที่ไม่มีคุณภาพ
สำหรับหลักสูตรในห้องเรียนปกติ ที่จะต้องกำหนดให้ตามช่วงชั้นนั้นยังคงต้องมีต่อไปตามปกติเหมือนเดิมเพื่อวัดผลสำเร็จของการเรียนรู้ให้ก้าวไปสู้นักวิชาการ หรือนักปฏิบัติที่ต้องใช้คุณวุฒิเป็นตัวเปิกทางในอาชีพ ตามสถานะความรู้ที่ทางราชการกำหนดเช่นเดิม ในการพัฒนาประเทศต่อไปให้เจริญยิ่งๆขึ้นไป พร้อมๆกับได้แรงงานที่มีคุณภาพจากห้องเรียนประชาชนครับผม
-สวัสดีครับ..
-แวะมาเยี่ยมชมห้องเรียนยุคใหม่..ครับ..
-ขอบคุณครับ..
-มีขนมมาฝากด้วย....ครับ
สวัสดีปีใหม่ครับ คุณเดชา
พี่เดชาครับครับ สบายดีไหม ห้องเรียนต้องเหมาะกับทุกเพศทุกวัยครับ
ทุกสถานที่เรียนรู้ได้จริงกับการศึกษาที่ไม่มีเขตจำกัด
ทุกสถานที่เรียนรู้ได้จริงครับ