วันนี้ฝนตก...


วันนี้ฝนตก...


ฝนที่ตกพรำๆมาตั้งแต่เมื่อคืนเป็นเพราะอิทธิพลของพายุดีเปรสชั่น แกมี (Gaemi) ที่อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง  ส่งผลให้หลายพื้นที่โดยเฉพาะภาคกลางตอนล่าง  ภาคตะวันออก ภาคใต้ตอนบน รวมทั้งกรุงเทพฯและปริมณฑล มีฝนตกชุกหนาแน่น และมีฝนตกหนักในบางแห่ง  จนทำให้เป็นห่วงกังวลกันว่าอาจก่อให้เกิดน้ำท่วมแบบฉับพลัน  ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเตรียมความพร้อมรับมือกันอย่างเต็มที่  


ในบรรยากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝนเช่นนี้เป็นใจให้นำเรื่องเกี่ยวกับฝนมาเล่าสู่กันฟัง  

 

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถานให้ความหมายของคำว่าฝนไว้ว่า  ฝน น. น้ำที่ตกลงมาจากเมฆเป็นเม็ดๆ  : ลักษณนามใช้นับอายุควาย  หมายความว่า รอบปี ขวบปี เช่น ควาย 1 ฝน คือ ควายที่มีอายุ 1 ปี  จากหลักศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหงมีข้อความตอนหนึ่งว่า "...เมื่อกูขึ้นใหญ่ได้สีบเก้าเข้า..."  คำว่า เข้า มีความหมายว่า ข้าว  หมายถึงฤดูทำนา  สีบเก้าเข้าก็คือสิบเก้าฤดูทำนา หรือสิบเก้าปีนั่นเอง  ในสมัยโบราณเราทำนากันปีละครั้งเดียว โดยเริ่มฤดูการทำนาเมื่อย่างเข้าสู่ฤดูฝน  และในช่วงเวลาเดียวกันนี้พระสงฆ์จะศึกษาพระธรรมวินัยอยู่แต่ในวัดไม่ออกไปนอกวัดซึ่งการเดินทางไปในที่ต่างๆอาจจะไปเหยียบย่ำพืชผลของชาวบ้านให้เสียหายได้  เรียกว่าการจำพรรษา เป็นที่มาของการนับระยะเวลาการบวชว่า "พรรษา"  คำว่าพรรษานี้เป็นภาษาสันสกฤตมีความหมายว่า ฝน หรือ ฤดูฝน


ฝนมีหลายลักษณะเช่น

ฝนชะช่อมะม่วง  ฝนที่ตกลงมาเล็กน้อยในช่วงเดือนมกราคมถึงมีนาคมซึ่งเป็นช่วงที่มะม่วงกำลังออกช่อ ชาวนาจะเรียกว่าฝนชะลานเพราะเป็นช่วงที่ยังนวดข้าวไม่เสร็จ

ฝนไล่ช้าง  ฝนที่ตกลงมาซู่ใหญ่แล้วก็หยุด

ฝนสั่งฟ้า  ฝนที่ตกหนักตอนปลายฤตูฝน

ฝนห่าแก้ว  ฝนลูกเห็บขนาดเล็ก

ฝนหลงฤดู  ฝนที่ตกนอกฤดูกาล

ฝนเทียม  ฝนที่เกิดจากวิธีการทางวิทยาศาสตร์

ฝนพันปี  ฝนที่ตกหนักมากในรอบ 1000 ปี ทำให้น้ำท่วมกรุงเทพฯ


ฝนโบกขรพรรษ  เป็นฝนที่มีลักษณะพิเศษ  เป็นหยดน้ำใส สีแดง มีลักษณะเหมือนน้ำบนใบบัว (โบกขรมีความหมายว่า บัว) คือใครอยากเปียกก็จะเปียก ใครไม่อยากให้เปียกก็จะไม่เปียก  เป็นฝนที่เคยตกในโลกมนุษย์ 2 ครั้ง ครั้งแรกตกลงมาในสมัยที่พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นพระเวสสันดร  ในกัณฑ์ฉกษัตริย์  เมื่อกษัตริย์ทั้งหก ได้แก่ พระเวสสันดร พระนางมัทรี พระเจ้าสญชัย พระนางผุสดี พระชาลีและพระกัณหา ได้มาพบกันหลังจากที่พระเวสสันดรถูกเนรเทศออกจากเมือง  ด้วยความดีใจจึงร้องไห้จนสลบหมดทั้งหกกษัตริย์  กองทัพที่ตามเสด็จมาก็พลอยยินดีจนสลบไปหมด  พระอินทร์ต้องบันดาลให้ฝนโบกขรพรรษตกลงมาเพื่อให้หกกษัตริย์และกองทัพฟื้นคืนสติ  ฝนโบกขรพรรษตกลงมาในโลกมนุษย์ครั้งที่ 2 ในสมัยพุทธกาล เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้แล้ว  และประสงค์จะเทศนาโปรดพระประยูรญาติ  แต่เหล่าพระประยูรญาติแสดงอาการกระด้างกระเดื่องไม่เลื่อมใส  พระพุทธเจ้าจึงแสดงปาฏิหาริย์เพื่อสยบความโอหังของพระประยูรญาติด้วยการเสด็จขึ้นไปกลางอากาศเปล่งฉัพพัณรังสี (รังสี 6 สี)จากพระวรกายและบันดาลให้ฝนโบกขรพรรษตกลงมาท่ามกลางเหล่าพระประยูรญาติ  เหล่าพระประยูรญาติเกิดอัศจรรย์ใจและอาราธนาให้พระพุทธเจ้าแสดงเทศนาเรื่องเวสสันดรชาดก

 หากพรุ่งนี้บรรยากาศยังครึ้มฟ้าครึ้มฝนเช่นวันนี้  จะกลับมาคุยกันเรื่องฝนต่อนะคะ


 

คำสำคัญ (Tags): #ฝน#ฝนโบกขรพรรษ
หมายเลขบันทึก: 504895เขียนเมื่อ 8 ตุลาคม 2012 11:55 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 ตุลาคม 2013 12:18 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท