The Happiness of Investment ศิลปะแห่งการสร้างความสุขให้ชีวิตในศตวรรษที่ 21


ประสบการณ์ที่ผ่านเข้ามาตลอดช่วงชีวิตของมนุษย์คนหนึ่ง ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ ยากลำบากหรือเบาสบาย ก็ล้วนแล้วแต่เป็นตะกอนที่ตกผลึกในตัวเรา สิ่งสำคัญจึงไม่ใช่เป็นการหลีกหนีจากทุกข์ แล้ววิ่งตรงรี่เข้าหาความสุข เพราะการแก้ปัญหาเช่นนี้เป็นเหมือนการรับประทานยาแก้ปวดเท่านั้น หากจะต้องพยายามเปิดใจ เรียนรู้ และเชื่อมร้อยประสบการณ์ทั้งหลาย ให้ตกผลึกเป็นพลังสร้างสรรค์ ที่จะแปรเปลี่ยนเป็นความสุขครั้งใหม่ ซึ่งลึกซึ้งและมีคุณค่ายิ่งกว่าเดิม

เจริญชัย ไชยไพบูลย์วงศ์

รายการวิทยุ “รู้ใช้เข้าใจเงิน” FM 96.5

 

 

การลงทุนที่ดี คือ การลงทุนที่ทำให้ชีวิตเรามีความสุขเบิกบาน โดยไม่จำเป็นต้องยึดติดกับตลาดหุ้น ตลาดพันธบัตร หรือตลาดทองเท่านั้น

ยังมีการลงทุนรูปแบบอื่นในชีวิตจริงอีกมากมาย ที่มองเพียงผิวเผินอาจไม่คุ้มค่าในเชิงธุรกิจ แต่ครั้นเมื่อผลผลิตจากความตั้งใจจริงของเราเริ่มผลิบาน ก็จะค้นพบซาบซ่านใจว่า หยาดเหงื่อแรงกายและเงินเก็บออมที่เราทุ่มเทลงไปเมื่อหลายปีก่อนหน้านั้น ได้ปรากฎเป็นผลตอบแทนที่พรั่งพรูออกมาทั้งในรูปของความสุข คุณค่า และเงินทอง ที่แม้ดอกผลประการสุดท้ายนี้ บางคนจะไม่ได้ปรารถนาจริงจังนัก แต่ก็ควรยินดีรับไว้เพื่อช่วยทำให้ชีวิตแบบทุนนิยมครองโลกในศตวรรษที่ 21 สะดวกสบายขึ้น เพื่อจะเก็บแรงไว้กระทำในสิ่งที่มีคุณค่ายิ่งกว่าต่อไป

บางทีการซื้อบ้านแสนงามสักหลัง เพื่ออยู่อาศัยพักพิงใจ ไม่ใช่เพื่อการเก็งกำไรสูงสุด ก็อาจสามารถแปรเปลี่ยนเป็นผลตอบแทนทางการเงินที่มหาศาลได้ หากเรารู้จักพลิกแพลงและสร้างสรรค์

Frances Mayes ศาสตราจารย์สาวชาวอเมริกันวัยกลางคนที่ตัดสินใจนำเงินเก็บทั้งชีวิต เพื่อลงทุนซื้อบ้านในอิตาลี เพราะหลงใหลวิถีงดงามแบบเมดิเตอร์เรเนียน แม้ราคาจะแสนแพง แต่ด้วยความมุ่งมั่นอย่างแท้จริง ไม่ใช่แบบ Fake ผิวเผิน ในที่สุดเธอก็เอาชนะอุปสรรคของการซ่อมบ้านที่วุ่นวายหนวกหู การบำรุงสวนที่เปรอะเปื้อนไปด้วยเศษดินและเปลวแดดร้อนแรง จนกระทั่งเธอหยิบยกเรื่องราวและประสบการณ์เหล่านี้ไปขีดเขียนเป็นหนังสือขาย ดีมากมาย ยังไม่นับรายได้จากการนำไปสร้างภาพยนตร์ จึงนับเป็นการลงทุนที่แสนสุขใจและล้ำค่าอย่างแท้จริง

Under the Tuscan Sun หนังสือเล่มแรกที่สร้างชื่อเสียงให้เธอ ซึ่งได้รับการแปลเป็นภาษาไทยโดยสำนักพิมพ์มติชน ภายใต้ชื่อสวยหรูว่า “ใต้ดวงตะวันทอสกานี่” นับเป็นการร้อยเรียงประสบการณ์ชีวิตของเธอที่เกี่ยวกับความหลงใหลในเสน่ห์ ของประเทศอิตาลี โดยผูกโยงเข้ากับชีวิตในช่วงวัยเด็กและวัยผู้ใหญ่ของเธอในอเมริกา ทุกสิ่งที่เก็บเกี่ยวมาในชีวิตช่วงต้น จึงดูเหมือนว่าจะเป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อให้เธอมาสัมผัสความสุขของการ เป็นหนึ่งเดียวกับพืชผลไม้ สถาปัตยกรรม ผู้คนหลากหลาย และสุนทรียรสแห่งวิถีชีวิตของชาวทอสกานี่ แว่นแคว้นที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งบนผืนแผ่นดินโลกเบี้ยวใบนี้

ภารกิจการซ่อมแซมบ้าน ไม่ใช่เรื่องสนุกสำหรับคนส่วนใหญ่ และก็ไม่ใช่สำหรับเธอด้วย แต่เมื่อได้มาอยู่ในประเทศอิตาลีที่รัก ในบ้านบรามาโชเล่ที่แสนโรแมนติค ทุกสิ่งทุกอย่างที่กระทำก็แปรเปลี่ยนเป็นความรื่นรมย์ได้เสมอ แม้คนงานอิตาลีจะสื่อภาษากันไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราว ทำงานชุ่ยและเลอะเทอะไปบ้าง แต่เธอก็สามารถปรับตัวและประนีประนอมเข้ากับมันได้โดยไม่ยากเย็น เพราะบรรยากาศของสถานที่ใหม่นี้ กระตุ้นหัวใจเธอให้เบิกบานและพร้อมจะสู้กับอุปสรรคทุกอย่างที่ขวางหน้าโดย ไม่พรั่นพรึง

เธอเติบโตมาในครอบครัวใหญ่ที่แม่มักจะสอนลูกหลานให้ทำอาหารเป็น แต่ความสามารถประการนี้ ก็ไม่เคยได้รับการพัฒนาใช้งานอย่างจริงจังในบรรยากาศเมืองใหญ่ของอเมริกา ตราบจนกระทั่งได้มาผ่อนพักชีวิตในช่วงปิดเทอมกับบ้านใหม่ในอิตาลีที่แสนรัก ซึ่งมีผลผลิตทางการเกษตรซึ่งหลากรสสดใหม่ ทั้งที่มาจากหยาดเหงื่อแรงกายในเรือกสวนของเธอเอง และที่ซื้อหานำมาจากตลาดสดที่แสนโหวกเหวกจอแจ เธอจึงพร้อมแล้วที่จะได้บรรเลงฝีมือสร้างสรรค์เมนูอาหารที่พิเศษสุดไม่ เหมือนใคร คลุกเคล้าตำราจากก้นครัวของอเมริกันชนผสมผสานกับสูตรเฉพาะแบบชาวทอสกานี่ กลายเป็นรสชาติที่แปลกใหม่ไร้เทียมทาน ซึ่งเธอได้บรรยายไว้ในหนังสืออย่างเลิศเลอ

Creative Writing เป็นวิชาที่เธอสอนนิสิตในรั้วมหาวิทยาลัย จึงไม่น่าแปลกใจที่สำนวนในหนังสือ Under the Tuscan Sun เล่มนี้ของเธอจะไพเราะเพราะพริ้ง อย่างไรก็ตาม เธอก็ยังมิอาจผลิตผลงานประพันธ์ที่ยิ่งใหญ่เยี่ยงนี้ได้เลย หากไร้ซึ่ง “วัตถุดิบ” หลากล้นจากการเข้ามาลงทุนซื้อที่อยู่อาศัยในอิตาลี จากการปูหินขัดพื้นและตกแต่งสวน จากการดัดแปลงผลผลิตในไร่นามาเป็นอาหารเอมโอช โดยเฉพาะการลงทุนลงแรงสัมผัสกับงานทั้งหลายอย่างคลุกวงใน ไม่ใช่เพียงโปรยเงินจ้างคนอื่นมากระทำแทน

การปล่อยใจให้สัมผัสกับความสุขที่ทะลักล้นในทุกอณูเส้นใยชีวิต ตั้งแต่การรับประทานแยมผลไม้รสละมุนที่ผลิตจากไร่ของเธออย่างไม่ตระหนี่ใน การเลือกใช้วัตถุดิบ การนั่งนอนดูดาวกับสุภาพบุรุษคนรักในยามค่ำคืนที่บรรยากาศเป็นใจและปราศจาก ตึกสูงระฟ้าบดบัง การจัดงานเลี้ยงรื่นเริงเพื่อต้อนรับมิตรสหายทั้งในอิตาลีและอเมริกาที่ผ่าน มาเยี่ยมเยือนมิได้ขาดสาย ไปจนกระทั่งถึงสุนทรียรสท่ามกลางความยากลำบากของการซ่อมแซมบ้าน ทั้งหมดนี้อาจนับว่าเป็นเหมือนกิเลสตัณหาและความเพ้อฝันแบบหนึ่ง ที่ควรจะถูกตำหนิดูแคลนจากนักศีลธรรม

หากทว่า สิ่งที่ทำให้หนังสือเล่มนี้แตกต่างออกไปจากหนังสือเสพสุขท่องเที่ยวทั่วไป ก็คือ การลงมือกระทำอย่างจริงจังในทุกสิ่ง เพื่อให้เข้าถึงแก่นแท้ของสิ่งนั้น โดยไม่เลือกเฉพาะภารกิจที่ทำได้ง่าย เบาแรง และมีสีสันสวยงาม หากยังกล้าเผชิญหน้ากับความยากลำบาก เหงื่อแดดและไอร้อน สัมผัสรับรู้ทั้งด้านที่หรูหราและอัปลักษณ์อย่างครบถ้วน ซึ่งทั้งหมดได้หลอมรวมเป็นแก่นแท้แห่งความงาม (Aesthetics) ที่เต็มแน่นเอ่อล้น ไม่เบากลวง

“บรามาโชเล่ทำให้ฉันได้กลับไปสัมผัสความสุขของที่โล่งกว้าง หน้าต่างบ้านจะเปิดต้อนรับผีเสื้อ แมลงตัวเล็กตัวน้อย ผึ้ง หรือตัวอะไรก็ตามที่อยากบินเข้าหน้าต่างบานนี้แล้วออกอีกบาน เราไปนั่งกินข้าวนอกบ้านแทบทุกมื้อ ฉันเริ่มดื่มด่ำกับฤดูกาลและช่วงเวลาเหมือนแม่ ใช้เวลาอันรื่นรมย์ไปกับการเช็ดกระจกในบ้านซึ่งทำให้คุณฝันได้อย่างปลอดภัย บ้านที่ด้านหนึ่งสร้างติดไหล่เขา คือ นิมิตที่บอกว่าเราจะได้กลับไปหาสิ่งเก่าๆ ไหม แต่บรามาโชเล่ไม่ทำให้ฉันฝันถึงบ้าน – มันทำให้ฉันมีอิสระที่จะฝันถึงสายนที”

(ใต้ดวงตะวันทอสกานี่ หน้า 116)

การตัดสินใจเพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิตตนเองครั้งใหญ่ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับวิถีมนุษย์ปุถุชน

หากย้อนมองกลับหลังแบบ Connecting the dots ก็ดูเหมือนว่าการตัดสินใจซื้อบ้านที่อิตาลี เป็นการเดิมพันชีวิตและเงินออมอย่างถูกต้องแล้ว เพราะเธอจะได้รับทั้งความสุขยิ่งใหญ่และผลตอบแทนทางการเงินมหาศาลคืนกลับมา แถมยังเป็นการเชื่อมร้อยประสบการณ์ทั้งในเชิงศิลปะการเขียน ฝีมือปรุงอาหาร และจิตใจเวิ่นเว้อที่ชอบสกัดค้นหาแง่มุมสนุกสุนทรีย์จากจากสิ่งละอันพันละ น้อยในชีวิต ให้ตกผลึกเป็นผลงานหนังสือที่ยิ่งใหญ่อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ห้วงขณะแห่งการตัดสินใจที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตเธอไปตลอดกาลนั้น เธอย่อมไม่มีข้อมูลเพียงพอที่จะหยั่งรู้ได้ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตที่ผ่านมาในอดีตของเธอจะสามารถคลุกเคล้ากันเป็นงาน เขียนที่ติดอันดับขายดีเช่นนี้ เธอทำไปเพียงเพราะหัวใจที่เรียกร้องจากเธอไม่หยุดหย่อน เธอต้องพยายามสะกดกลั้นจิตใจไม่ให้นึกถึงความเสี่ยงทางการเงินที่จะตามมา ทั้งจากการซ่อมบ้านและเหตุฉุกเฉินที่จะทำให้เธอต้องสูญเสียรายได้ในอนาคต หรือเงินเก็บออมก้อนที่เหลือไปหมดสิ้น

ไม่มีใครบอกได้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร แต่อาจบางทีประสบการณ์ชีวิตที่หล่อหลอมเป็นตัวตนของเธอ กำลังรอคอย “จี๊กซอว์” ชิ้นสุดท้าย เพื่อจะได้หลอมรวมเป็นพลังสร้างสรรค์ที่ยิ่งใหญ่ มันจึงพุ่งพรวดออกมาเพื่อกระตุ้นให้เธอกระทำในสิ่งที่สมควร แม้ว่าเหตุผลแห่งตรรกะเชิงเส้นของมนุษย์ทุกคนรวมทั้งตัวเธอ จะจ้องขัดขวางไว้เพียงใดก็ตาม

เราจึงอาจเรียกการตัดสินใจครั้งนี้ของเธอว่า “การลงทุนที่มีความสุขเป็นศูนย์กลาง (The Happiness of Investment)” เพราะภายใต้ภาพลักษณ์ที่ดูมีความสุขรื่นรมย์กับการซื้อบ้านที่งดงามในอิตาลี ก็กลับแฝงเร้นไว้ด้วยความเสี่ยงที่มากมายมหาศาล หากเป็นคนที่เหยาะแหยะและมองเห็นแต่ความสุขที่ผิวเผินฉาบฉวย ก็คงท้อแท้และพ่ายแพ้ตั้งแต่ตอนเริ่มต้นซ่อมแซมบ้านที่ทุกสิ่งทุกอย่างล้วน เต็มไปด้วยรูรั่ว

อย่างไรก็ตาม เมื่อความสุขของเธอ เป็นความสุขที่มาจากความมุ่งมั่นที่ลึกซึ้ง ซึ่งพร้อมจะเผชิญหน้ากับอุปสรรคทุกประการที่มาท้าทาย แถมยังได้ตระเตรียมความรอบรู้และสามารถมาอย่างพร้อมมูล ที่สำคัญคือ ความอดทนและจิตใจที่เปิดกว้าง ซึ่งสามารถแปลงเปลี่ยนประสบการณ์ย่ำแย่ให้กลายเป็นความอภิรมย์สมใจ เธอก็ย่อมสามารถสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนได้อย่างงดงามทั้งในเชิงคุณภาพ คุณค่าความหมาย และที่สำคัญคือ เงินตรา ที่เป็นสิ่งจำเป็นในการหล่อเลี้ยงชีวิตในศตวรรษที่ 21

The Happiness of Investment จึงอาจเป็นกลยุทธ์หนึ่งของมนุษย์ในยุคนี้ ที่จะใช้ตัดสินใจเพิ่อทุ่มเทชีวิต เงินเก็บออม และหยาดเหงื่อแรงกาย ให้กับการสร้างสรรค์และพัฒนาบางสิ่งบางอย่าง จนกระทั่งกลายเป็นผลงานที่ยิ่งใหญ่และเพิ่มพูนผลตอบแทนทางการเงินได้ไปพร้อม เพรียงกัน โดยไม่ต้องทำงานเพื่อเงิน และนำเงินไปซื้อความสุขเหมือนดั่งมนุษย์ในยุคอุตสาหกรรมแห่งศตวรรษที่ 20 อีกต่อไปแล้ว

สิ่งสำคัญที่ต้องจดจำให้ดีก็คือ ความสุขที่เราจะเลือกลงทุนนั้น จะต้องไม่ใช่ความสุขแบบผิวเผินฉาบฉวย เพราะหากตัดสินใจผิดพลาดไป เงินทองและเวลาของเราก็จะสูญเสียไปมหาศาลอย่างกู่ไม่กลับ ชีวิตก็จะไร้ซึ่งความมั่นใจและเข็ดขยาดที่จะเริ่มต้นใหม่

ยิ่งกว่านั้น ระหว่างเส้นทางแห่งการลงทุนที่จะนำไปสู่ความสุขในบั้นปลายนั้น เราอาจต้องเผชิญกับความทุกข์และเหนื่อยยากที่ผ่านเข้ามาเป็นระยะ จึงต้องมีความอดทนและเปิดใจกว้างที่จะต่อสู้ เรียนรู้ แก้ปัญหา หรือแม้กระทั่งหลอมรวม เชื่อมร้อย และดัดปรุงให้เกิดเป็นความสุขแบบใหม่ได้

เหตุผลหนึ่งที่ Frances Mayes ได้ตัดสินใจลงทุนเงินเก็บทั้งชีวิตเพื่อซื้อบ้านในอิตาลี ก็อาจเป็นไปได้ว่าเกิดจากการที่เธอเพิ่งบอกลาชีวิตคู่อันยาวนานที่ยังไม่ควร จบสิ้น ซึ่งเธอบอกว่าบางครั้งมันก็สร้างความทรมานได้มากกว่าการตายจากกัน และแม้ว่าเธอจะมีรักครั้งใหม่ได้อย่างรวดเร็วกับชายหนุ่มกล้ามโต แต่แผลในอกครั้งนี้ก็อาจเป็นแรงผลักดันเบื้องลึกอีกชิ้น ในการออกเดินทางเพื่อค้นหาตัวเองในวัฒนธรรมอื่น เพื่อที่จะได้ลืมอดีตความหลัง เพื่อที่จะได้สร้างเอกลักษณ์ใหม่พร้อมกับชายคนรักที่หลงใหลในเสน่ห์ของ อารยธรรมอิตาลีไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน

ดังนั้น การลงทุนแบบมีความสุขเป็นศูนย์กลาง (The Happiness of Investment) จึงเต็มไปด้วยส่วนผสมของความสุขและความทุกข์คลุกเคล้ากันอย่างยากจะแยกออก ได้ เราควรจะตระเตรียมความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจให้แข็งแกร่ง อย่าคาดหวังลมแร้งว่าจะได้เสพรับความสุขอย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องลงแรงเหนื่อยยากอันใดเลย

ประสบการณ์ที่ผ่านเข้ามาตลอดช่วงชีวิตของมนุษย์คนหนึ่ง ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ ยากลำบากหรือเบาสบาย ก็ล้วนแล้วแต่เป็นตะกอนที่ตกผลึกในตัวเรา สิ่งสำคัญจึงไม่ใช่เป็นการหลีกหนีจากทุกข์ แล้ววิ่งตรงรี่เข้าหาความสุข เพราะการแก้ปัญหาเช่นนี้เป็นเหมือนการรับประทานยาแก้ปวดเท่านั้น หากจะต้องพยายามเปิดใจ เรียนรู้ และเชื่อมร้อยประสบการณ์ทั้งหลาย ให้ตกผลึกเป็นพลังสร้างสรรค์ ที่จะแปรเปลี่ยนเป็นความสุขครั้งใหม่ ซึ่งลึกซึ้งและมีคุณค่ายิ่งกว่าเดิม

หมายเลขบันทึก: 504650เขียนเมื่อ 5 ตุลาคม 2012 21:19 น. ()แก้ไขเมื่อ 8 ตุลาคม 2012 09:05 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

อาจารย์เขียนได้ชวนติดตามและน่าตามอ่าน "ใต้ดวงตะวันทอสกานี่ " มากครับ...

ถ้าเราผ่านชีวิตการเดินทางทั้งดีและร้าย...ด้วยความสุข...การเรียนรู้...ผมเชื่อว่า...

สักวันเราต้องค้นพบความสุขตามแบบฉบับของเราครับ

ขอบคุณครับ

สวัสดีค่ะ

โค้ชด้านการลงทุนบอกเราเสมอว่า อย่าตกหลุมรักหุ้นตัวใดตัวหนึ่งเลยนะ เพราะมันจะทำให้การวิเคราะห์ของเราไขว้เขวรวมไปถึงการตัดสินใจลงมือทำด้วย

แต่เรามักจะคิดว่าหากไม่มีความรักก็ไม่มีความสุขสินะ ดังนั้นเราจึงต้องปรับความรักของเราจากความรักความหลงในหุ้นมาเป็นความรักในการมีวินัยในการลงทุน (discipline) เพื่อที่เราจะได้มีความสุขดังว่า....

การลงทุนแบบมีความสุขเป็นศูนย์กลาง (The Happiness of Investment) จึงเต็มไปด้วยส่วนผสมของความสุขและความทุกข์คลุกเคล้ากันอย่างยากจะแยกออก ได้ เราควรจะตระเตรียมความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจให้แข็งแกร่ง อย่าคาดหวังลมแร้งว่าจะได้เสพรับความสุขอย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องลงแรงเหนื่อยยากอันใดเลย

ขอบคุณบทความดีดีนี้ค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท