นิราศแม่ปิง (เขียนเมื่อ มีนาคม ๒๕๔๔)



      นิราศบ้านงานหนักมาพักผ่อน

ยี่สิบห้ามีนาลาบ้านดอน 

สี่สิบชีวิตเร่ร่อนตะลอนทัวร์


ปีสี่สี่โปรแกรมแต้มชีวิต

พักผ่อนจิตผ่อนคลายได้ยิ้มหัว

เรือสำราญพาใจไหวระรัว

แม้จะกลัวกลับพ่ายใคร่อยากลอง

 

สามสิบสี่หญิงหกชายจากรายชื่อ

เสียงฮาฮือหยอกพี่ที่มาสอง

ฮันนี่มูนรอบใหม่ด้วยใจปอง

ต่างยิ้มย่องหยอกเย้าเฝ้าเจรจา

ชมตลกเอกชัยไปในรถ

สลับบทสี่ภาคมากคุณค่า

วัฒนธรรมดีดีที่นำมา

เพลินอุราระรื่นชื่นทั่วกัน

 


รุ่งเช้า"สามเงา"จังหวัดตาก

ผู้คนหลากมาเยือนชมเขื่อนขัณฑ์

ล่องแม่ปิงเปรมปรีดิ์ชื่นชีวัน

เขาสูงกั้นกีดแหล่งเป็นแอ่งปิง

 

คิดถึงเพื่อนมิมาครามีสุข

เพราะติดทุกข์หน้าที่สำคัญยิ่ง

เรื่องเงินเดือนรีบด่วนล้วนเรื่องจริง

มิอาจทิ้งล่องมาคราล่องเรือ

 

คิดถึงแม่แก่เฒ่าเฝ้าเป็นห่วง

มิอาจพ่วงพาแม่แม้อยากเหลือ

ความต้องการของคนล้นเหลือเฟือ

ชมวิวเผื่ออิ่มใจไปทดแทน


เห็นโขดเขาคงมั่นผูกพันน้ำ
เหมือนตอกย้ำรักตรมขมขื่นแสน
เป็นไม้เลื้อยลัดเลาะเกาะทั่วแดน
มิผูกแน่นคงมั่นเหมือนบรรพตา

 

ถึง "เกาะลม" ลมลวงรักร่วงหล่น

ลมเล่ห์กลกามเทพเสน่หา

ยามอกหักรักพ่ายฟูมฟายมา

เรารักษาแผลหายหมายรักครอง

ลมกลับหวนทวนสบพบรักเก่า 

ทอดทิ้งเราร่ำไห้ไหม้หม่นหมอง

จึงลงเรือลอยลำน้ำตานอง

ขอปิงล่องลอยช้ำนำเจ็บเลือน

  

"แก่งเรือล่ม"ลมแรงแกว่งเรือล่ม

รักจ่อมจมเราไซร้ให้มาเหมือน

ลมชิวหาพารักสั่นสะเทือน

ลมรักเลือนราร้างจางเพราะลม

 

 "ผาแดง" สูงชันแม้หวั่นจิต

ใคร่ครวญคิดตกผาครารักขม

อยากทิ้งร่างลงดิ่งทิ้งทุกข์ตรม

ให้จ่อมจมฝากไว้ใต้ "ผาแดง"

 


"เขาคันเบ็ด" ดักล่าหวังปลาใหญ่

"พ่อปู่ไห้" นักล่ามาแสวง

หากโชคดีมีปลามาให้แกง

จะตกแต่งตักถวาย"พุทธองค์"

ปลาติดเบ็ดดับดิ้นสิ้นเพราะเขลา

เหมือนตัวเราติดคำจนทำหลง

เขายกยอปอปั้นพลันงวยงง

เข้าสู่กรงติดกับเกือบยับเยิน

  

พอพักเที่ยงอาหารน่าทานนัก

หมูปลาผัก จัดมาน่าสรรเสริญ

กุ้งน้ำพริกนำมาพาเจริญ

ชิมจนเพลินอิ่มท้องร้องบอกพอ

นักร้องร้องบรรเลงเพลงคลอขับ

หลายคนรับร่วมร้องจองคิวต่อ

บ้างลีลาศลีลาพาเคลียคลอ

บ้างหัวร่อถูกใจในลีลา

ทั้งแทงโก้ ชะชะช่า คราอดีต 

เป็นคมมีดกรีดข่วนชวนโหยหา

อ้อมแขนพี่เคยมีเพียงน้องยา

ทุกทุกท่าดาวเด่นเป็นขวัญใจ

เกินทำใจใฝ่รำทำเป็นสุข

เพราะจิตทุกข์โทมทับจนจับไข้

ภาพรักเก่าหวนมาพาอาลัย

ต้องด่วนไปลบภาพอาบน้ำตา

 

 


"เมืองสร้อยสุข"เมืองเก่าเขาเล่าขาน

ท้าวอุตุมสืบสานศาสนา

สร้างวัดร้อยถวายองค์พระมารดา

เมื่อสมโภชบูชามิครบองค์

เก้าสิบเก้าเท่านั้นพลันที่นับ

มิครบสรรพตามหมายเพราะนับหลง

เมื่อเมืองร้างบางวัดยังยืนยง

กลางพฤกษ์พงโขดเขาเนาพงไพร

 
"ถ้ำช้างร้อง" ขององค์พระเจ้าตาก

หยุดทัพฝากชีพไว้ใต้ไศล

มีพลับพลาครากู้กอบกรุงไกร

ยังเหลือไว้ได้เห็นนับเป็นบุญ

สี่โมงเย็นรอเรือลงเล่นน้ำ

โผผุดดำเรียกหากันว้าวุ่น

อยากลงแย่แต่กลัวอยู่เป็นทุน

จึงพกทุ่นช่วยหนีบให้ชีพลอย

 
ขึ้นจากน้ำเปลี่ยนผ้ามานั่งเล่น

หลายคนเป็นโนราห์ว่ากล่าวถ้อย

"พี่สุดา"ร่ายรำทำหน้าลอย

"อ.ประกอบ"ใช่ย่อยออกท่ารำ

"ป้าอี๊ด"ชม ทิวเขาเหล่าแมกไม้

"พี่บูรณ์" ไซร้สวมผ้าพาคนขำ

ตะเข็บออกเดินมา "ป้าตุย" อำ

เพื่อนพี่ซ้ำหน้าแดงเป็นตำลึง

 
เห็นเขาซ้อนสองฝั่งยังด้านหน้า

เด่นงามตาสลับเหลื่อมเชื่อมติดขึง

ทิวเขาซ้อนเยื้องยักปักตราตรึง

เป็นภาพซึ้งงดงามเมื่อยามยล

แต่รักซ้อนมิงามยามประสบ

อยากเลือนลบเหลือหนึ่งจึงเกิดผล

หนีรักซ้อนย้อนรอยร้อยเล่ห์กล

ขอ"ปิง"ดลรักข้าอย่าซ้อนรอย

   


หนึ่งทุ่มกว่าอาหารรอทานอยู่

ต่างวิ่งสู่เป้าหมายได้อร่อย

น้ำพริก ผัด ยำ ต้ม มิใช่น้อย

กลัวจะย่อยไม่ไหวจำใจพอ

นักดนตรีรี่จับกันขับร้อง

เป็นทำนองรำวงคงลวงล่อ

ให้พวกเราช่วยรำทำเคลียคลอ

แล้วตามต่อชะชะช่า อย่างท้าทาย

 
ถึงสี่ทุ่มดุ่มมาหน้าชั้นสอง

เฝ้าจดจ้องชมดาวตามเป้าหมาย

ดาวกลับเร้นมิเห็นกะพริบพราย

มีเพียงลมโลมส่ายไล้หนาวนวล

ฟ้าขาดดาวพราวพร่างกระจ่างฟ้า
เหมือนจิตข้ามืดดำร่ำไห้หวน
ไร้สิ้นแสงแห่งหวังทั้งจิตครวญ
คงพบล้วนมืดมนจนวันตาย

ใกล้เที่ยงคืนฝืนหลับกับเรือล่อง

ในหอห้องหนึ่งก๊วนล้วนสหาย

คือหญิงสามงามซึ้งกับหนึ่งชาย

หลับสบายจนสางต่างตื่นนอน

 

เสียงกริ่งปลุกลงมาหาอาหาร

ขนมครกน่าทานหวานอ่อนอ่อน

ทั้งกาแฟ เนย นม ข้าวต้มร้อน

แต่เราค่อนคับท้องต้องบอกลา

ออกกำลังยักย้ายส่ายตะโพก

สะบัดโบกหน้าหลังทั้งแขนขา

"พี่ปุ๊ย นิด อุ"นำทำลีลา

ด้วยทีท่าจีนรำทำกรีดกราย

  

อรุณรุ่งฉาบทาฟ้าเปลี่ยนสี
แพรรพีห่มหล้าพาหนาวหาย
ยามฟ้ามืดหม่นเศร้ารุ่งเช้าคลาย
สลับกลายเปลี่ยนเป็นอยู่เช่นนี้
แต่เหตุใดใจเราเศร้าหม่นหมอง
ไร้แสงทองส่องฉายให้เปลี่ยนสี
มันหนาวเหน็บเจ็บหน่วงดวงฤดี
มิเคยมีแสงฉายคลายร้าวราน

 

ถึง"ดอยเต่า"ตั้งท่าคราเรือล่อง

คืนหับห้องน้องไกด์ไหว้อ่อนหวาน

โอกาสหน้าหวังว่ามาพบพาน

แล้วลนลานกระเป๋าเอาลงเรือ

ถึงริมดอยคอยท่ามาถ่ายภาพ

แสงทองทาบงดงามอร่ามเหลือ

"พี่อรรถ ส่อย" คอยน้องจ้องจุนเจือ

เฝ้าโอบเอื้ออบอุ่นกรุ่นไมตรี

โบกมือลาฝั่งปิงทิ้งความทุกข์

เหลือเพียงสุขมุ่งไปในวิถี

คือเชียงใหม่ล้านนานามธานี

ของมากมีซื้อของตามต้องการ

  

 จบนิราศศาสตร์กลอนสุนทรภู่ 

ตามรอยครูนิราศศาสตร์กลอนหวาน

มิอาจเทียบเปรียบรสแห่งบทกานท์

เพียงสืบสานประจักษ์แก่นักเรียน

ไร้คนรักจักฝากความคิดถึง

ขาดซาบซึ้งแต่ใจรักจึงจักเขียน

ฝากสุนทรอ่อนคำอันจำเนียร

ทุกถิ่นที่แวะเวียนซึ้งใจเอย


27 มี.ค.44 

 ที่มา : http://www.st.ac.th/bhatips/maeping.htm

หมายเลขบันทึก: 504608เขียนเมื่อ 5 ตุลาคม 2012 14:46 น. ()แก้ไขเมื่อ 9 ตุลาคม 2012 13:29 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

สวัสดีค่ะBlank tuknarak.

ขอบคุณที่แวะมาค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท