เพิ่มภาษีเหล้า...รบ.ยิ่งลัก(ษณ์)เมาจนบ้าไปแล้ว


 

 

รัฐบาลยิ่งลัก (ษณ์)  ได้ขึ้นภาษีเหล้าไปแล้ว  อ้างว่าเป็นภาษีบาป   ต้องเค้นให้หนัก แถมปั้นรายได้เพิ่มให้รัฐ   เอ้า พวกเสื้อแดงช่วยกันตบตีนให้สนั่น

 

 

เรื่องนี้ขอ “รู้ทัน”  ว่า เพื่อหาเงินมาชดเชยรายได้ของรัฐที่ขาดหายไปสองแสนล้าน จากการที่ลดภาษีให้คนรวย (ภาษีนิติบุคคล (คนรวย)  ลดจาก  ๓๐ เหลือ ๒๐% ซึ่งพี่น้องผองเพื่อนของพะนะหัวเจ้าท่านต่างได้รับผลดีไปตามกัน) 

 

ถามว่า...เหล้านั้นใครกินมากกว่ากัน ระหว่างคนจนกับคนรวย  และใครเดือดร้อนมากกว่ากันจากการขึ้นภาษี

 

คนจนส่วนใหญ่กินเหล้า  ส่วนคนรวย (ซึ่งมีน้อยนิด) บางคนเท่านั้นที่กินเหล้า  (เพราะพวกเขามีความรู้และความยั้งคิดมากกว่า ...นี่ว่าโดยเฉลี่ย ยกเว้นบางคนที่ยิ่งรวยยิ่งโง่ ยิ่งบ้าระห่ำ)     ...แบบนี้แล้ว รับรองได้ว่า คนจนกินเหล้ามากว่าคนรวย ไม่ใช่ร้อย พัน แต่เป็นหมื่นเท่า แน่นอน

 

 

 

คนรวยกิน black label หรือ Chivas  หรือ Hennessy ขวดละ พันห้า  เพิ่ม ๑๐% เป็น ๑๖๕๐  ขนหน้าแข้งก็ยังไม่พอร่วงหรอก (คิดตามร้อยละของรายได้)   แต่คนจนกินเหล้าขาว ขวดละ ๑๕๐ ขึ้นเป็น ๑๖๕   มันหมายถึงว่าต้องโกนขนหน้าแข้งไปขายเลยนะเพ่   หรือไม่ก็ไปปล้น หรือไปรับจ้างเดินขบวน  

 

ลองคิดดูคนรวยมีรายได้เดือนละแสนบาท เพิ่มค่าเหล้า ๑๕๐ ไม่กระเทือนซางหรอก เพราะจ่ายทิปให้แคดดี้สวยริมสนามกอล์ฟยังมากกว่านี้  แต่คนจนรายได้วันละ ๒๐๐ ต้องจ่ายเพิ่ม ๑๕ บาท มันหมายถึงว่าไม่อาจซื้อปลาทูไปบำรุงสมองลูกได้เลยนะ 

 

ทำเป็นอ้างว่าเป็นภาษีบาป  ต้องลงโทษให้หนัก แต่หาตระหนักไม่ว่า ที่คนจนต้องกินเหล้านี้ ก็เพื่อให้ลืมความทุกข์ที่โถมประดังเข้ามา จากการที่มีรัฐบาลโง่และเลวนั่นเอง  

 

ยี่สิบปีที่ผ่านมานี้ ประเทศไทยเราตอนนี้กินเหล้าต่อหัวประชากรเพิ่มในอัตราน่าตกใจ  จนติดอันดับห้าของโลกไปแล้ว   ที่ต้องกินมากเพิ่มขึ้นนี้ คงเป็นเพราะนโยบายรัฐบาล ที่สร้างความเครียดให้ปชช.มหาศาล เช่นไปส่งเสริมให้ต่างชาติมาลงทุนในนิคมอุตฯ แล้วพรากพ่อแม่ออกจากลูก ให้มาทำงานรับจ้างในนิคมฯ ซึ่งพ่อแม่กลัดกลุ้มคิดถึงลูกก็เลยต้องกินเหล้า ส่วนลูกไม่มีพ่อแม่ดูแลก็ต้องกินเหล้าเป็นธรรมดา

 

 

ภาษิตไทยโบราณว่า “อย่าถือคนบ้า อย่าว่าคนเมา”  ซึ่งรัฐบาลชุดนี้เมาความโลภ บ้าหลงพวกพ้องจนกระทำการจาดง่าวออกมาหลากหลายอย่างมาก หลายประการ  ซึ่งคนไทยส่วนใหญ่ก็ไม่ถือ (คงเพราะเมากันหมดประเทศ) 

 

...คนถางทาง 

หมายเลขบันทึก: 504026เขียนเมื่อ 30 กันยายน 2012 09:00 น. ()แก้ไขเมื่อ 30 กันยายน 2012 21:25 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

นั่งซักประวัติคนไข้ที่ opd 10 คน หรือ 10 ครอบครัว มีเพียง 2 ครอบครัว ที่ไม่มีเหล้าบุหรี่ในบ้าน น่าใจหาย ซึ่งเมื่อก่อนเคยบอกอาจารย์ไว้ ว่า 10 คนเจอสัก 3 คนที่กินเหล้าสูบบุหรี่ แต่นั่นคือตัวบุคคล คือป่วยแล้ว แต่พอมาซักเป็นครอบครัว ปรากฏว่า ในครอบครัวนั้น ส่วนใหญ่มีคนกินเหล้าสูบบุหรี่อยู่ และคนที่ป่วยเป็นโรคจาเหล้าอายุน้อยลงมาก 24 ปี เป็นตับแข็งแล้ว เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมามีแม่พาเด็กอายุ 12 ปีมา เลิกบุหรี่ น่าใจหาย ประเทศไทยจะไปอย่างไรนี่

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท