ศึกษาตลาดให้ดีก่อนผลิต

ในยุคที่ข้อมูลข่าวสารทะลักล้นมีให้ผู้คนเลือกเสพเอาตามใจชอบ ข้อมูลค่อนข้างกว้างไกลไร้ทิศทางจนไม่รู้ว่าขอบเขตจะไปสุดที่ตรงไหน  หากแต่มองอีกด้านในความลุ่มลึกแท้จริงกับหาได้น้อย เพราะส่วนใหญ่ก็จะเป็นข้อมูลพื้นฐานที่คล้ายๆ กันโดยเฉพาะในเรื่องของการส่งเสริมวิธีการทำเกษตร มีทั้งเห็ด ข้าว พืชไร่ไม้ผล นานาชนิด จนผู้ที่สนใจคิดๆ อ่าน ๆ ยังงงๆตัวเองว่าไม่รู้จะทำจะปลูกอะไรดี เพราะมีข้อมูลให้เลือกมากมายอุ่นหนาฝาคั่ง

ฉะนั้นเกษตรกรผู้ที่สนใจจะต้องตรึกตรองกรองข้อมูลให้ละเอียดรอบคอบ ศึกษาดูงานจากสถานที่จริง สอบถามกับเกษตรกรเพื่อนบ้านในหลากหลายทัศนคติว่าอาชีพหรือกระบวนการผลิตของการทำงานเกษตรนั้นถูกจริตกับตนเองจริงหรือไม่ โดยเฉพาะในยุคที่เศรษฐกิจฝืดเคืองคิดอะไรไม่ออกก็นำเงินเก็บเงินเก่าเข้ามาลงทุน สุดท้ายไปไม่รอด เพราะอาชีพเกษตรนั้นถือว่ามีความยาก...ยากกว่าอาชีพวิศวกรออกแบบสร้างตึกสร้างเมืองด้วยซ้ำ เพราะปัจจัยผันแปรค่อนข้างเยอะ ใช่ว่ามีเงินร้อยล้านพันล้านแล้วสามารถที่จะเลี้ยงกุ้งร้อยไร่ส่งออก ปลูกข้าวปลูกองุ่นทำไวน์พันไร่ได้ เพราะอาจจะต้องพบต้องเจอกับสภาพน้ำท่วม ฝนแล้ง  ดินแข็ง ศัตรูพืชระบาด ฯลฯ นานาปัจจัยที่สับเปลี่ยนหมุนเวียนเข้ามาทสอบเกษตรกร

เพราะฉะนั้นเมื่อคิดจะทำคิดจะผลิตการเกษตร สิ่งสำคัญอันดับหนึ่งที่จะไม่ทำให้เงินเก่าเงินเก็บมาครึ่งชีวิตสูญเปล่าเน่าไปเฉยๆ ก็คือการวิเคราะห์ศึกษาตลาดให้แน่ใจเสียก่อนว่า เมื่อผลิตออกมาแล้วสามารถที่จะนำไปขายได้ มีคนรับซื้อในระยะยาว คุณภาพและบรรจุภัณฑ์สามารถที่จะแพคกิ้ง ตีตราแล้วออกไปสู่กับเขาได้ มิฉะนั้นจะเป็นว่าได้ทำการเกษตร แต่ไม่ได้ขายผลผลิตการเกษตร ก็จะส่งผลให้ทุนหายกำไรหด และจะต้องมาเป็นหนี้เพราะอาชีพการเกษตรเข้าให้อีก....เป็นเสียอย่างนี้ นี่แหละอาชีพ “กสิกรรม” ที่เขามักพูดทิ่มตำว่า ทำแล้วมักเป็น ”หนี้”.... พูดถึงการค้าการขายไม่ง่ายนักหรอกนะครับในเรื่องการตลาด ได้ข่าวรัฐบาลที่เขาว่ามีนายกดีแต่สวย กำลังช่วยชาวนารับจำนำข้าวราคาสูงแต่ตอนนี้ยังระบายไม่ได้ ทำให้ต้องใช้เงินงบประมาณจำนวนมากเข้ามากุมอุ้มไว้ไม่รู้เมื่อไรจะได้ตลาดรับซื้อเสียที เพราะของเก่าก็ยังไม่ไป ของใหม่ก็กำลังจะเข้ามา  ก็ได้แต่ภาวนาให้รีบหาตลาดมารับซื้อให้ได้ไวๆ ชาวไร่ชาวนาจะได้ลืมตาอ้าปากได้จริงๆ เสียที ไม่งั้นเห็นทีโครงการดีดีจะล่มเอาง่ายๆ

 

มนตรี  บุญจรัส

ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ www.thaigreenagro.com