วันนี้ถือว่าเป็นวันที่ดิฉันว่างพอสมควร ค่อนข้างโล่ง ถือว่าได้พัก หลังจากที่หักโหมตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา ก็เลยมานั่งเช็คเมลล์ yahoo เนื่องจากห่างเหินไปนานมาก เจอจดหมายฉบับหนึ่ง ไม่คุ้นชือ แต่ยอมเปิดอ่าน เนื่องจากชื่อเรื่องที่ตั้งมาสะดุดตา " ช้างร้อง กุยครวญ"
ช้างร้อง...กุยครวญ
ที่นิตยสารรายสะดวก ศาลานกน้อย
อยากไห้อ่านด้วย...ครับอาจารย์
-------------------------------------
ระหว่างที่อ่านบทกลอนที่ถูกส่งมา ก็พยายามนึกว่า ใครหว่า... ส่งกลอนมาให้อ่าน อ่านไปได้สักครึ่งทางจึงร้อง อ๋อ .... อ. อ้ม นี้เองที่ส่งมาให้อ่านกล่าวถึง อ. อ้ม นิดหนึ่ง.. นะคะ อ.อ้ม เป็นนักศึกษา ป.เอก สาขาเทคโนโลยีการศึกษา ม. ขอนแก่น มาจาก ม.ราชมงคล สุรินทร์ (ไม่แน่ชื่อที่ถูกต้องนะคะ ขอประทานอภัย หากผิดพลาด) เท่าที่ทราบ อ.อ้ม มีแนวคิดที่จะทำดุษฎีนิพนธ์เกี่ยวกับการ capture ความรู้จากควาญช้างชาวกุยในการเลี้ยงช้างและบังคับช้าง รวมถึงการสืบสานต์ อนุรักษ์วัฒนธรรมการเลี้ยงช้างของชาวกุย จังหวัดสุรินทร์ และไม่แน่ใจว่าเพราะ อ. อ้ม มองเห็นอะไรในตัวดิฉัน จึงสนใจที่จะหาทางติดต่อ และส่งแนวคิด บทกลอนนี้มาให้อ่าน (ปลื้มอะไรในตัวดิฉันน้อ... ฮิ ฮิ คิดเองรึเปล่าหนอ เรา...ล้อเล่น ..) บางที่ อ. อ้ม อาจจะคิดว่า ดิฉันมีแนวคิดตรงกับ อ. อ้ม หลายๆ อย่างก็เป็นได้ หลังจากที่อ่านกลอนจบ ก็ทำให้ทราบว่า อ. อ้ม มีความสามารถพิเศษหลายด้าน โดยเฉพาะการร้องเพลงเพื่อชีวิต ไพเราะมากๆ แล้วยังเขียนกลอนได้ซาบซึ้ง บ่งบอกแนวคิด บ่งบอกอุดมการณ์ เพื่อขยายแนวคิดที่ดีๆ อีกหนึ่งแนวคิด ดิฉันจึงนำข้อความในอีเมลล์ มาเล่าต่อ นะคะ ขออนุญาต อ. อ้ม ตรงนี้เลย
ไม่ทราบว่า สมาชิก gotoknow อ่านแล้วคิดเห็นประการใด กับบทกลอนของ อ.อ้ม โปรดแสดงความคิดเห็นเพื่อให้กำลังใจกับแนวคิดดีดี ของ อ. อ้ม ด้วยนะคะ
---------------(กลอนที่ อ. อ้ม แนบมาให้อ่าน) ------------------------------
ช้างร้อง...กุยครวญ อ้ม พร้อมจิตร
บรรพชนกุยลุ่มน้ำ......................ลำมูล
อิ่มอุดมสมบูรณ์.........................คนช้าง
ผ่านผันวันเวียนหมุน....................บรรจบ
ฤาจะเหลือแค่เรือนร้าง.................กับควาญช้างเร่ (ขอทาน) ขายแตง
ทั้งเขตเขาลำเนาป่าล้วนอาหาร
ชั่วกัลป์กาลกินอย่างไรไม่ขัดสน
มาบัดนี้ป่าย่อยยับแสนอับจน
ก็เพราะคนหรือใครทำลายมัน
ในหนึ่งปีมีหนึ่ง"วัน...อาหารช้าง"
จัดกันอย่างยิ่งใหญ่ใครเทียมนั่น
ดังทั่วโลกก้องฟ้าน่าอัศจรรย์
หลังจาก”งานช้าง”ไปใครจัดการ
มาเถิดมาช่วยกันหันมองช้าง
หาหนทางปลูกป่าแหล่งอาหาร
ในหนึ่งปีต้องมีให้ใช่หนึ่งวัน
โปรดช่วยกันให้ช้างอยู่คู่….เมืองไทย
จากสันเขาเข้าบ่วงคล้อง………….คาควาญ
ถูกตะขอเจาะกระบาล…………….ชินเชื่อง
หักโหมโถมใช้งาน………….....…จำอวด
ขอปลายงวงล้วงเรื่อง……………..จาบจ้วง..จิตคน
กาย วาจา จิต นี้ ……….….แยกกัน
รวมก็แต่จำนรรจ์………..……....เสแสร้ง
สัตว์อย่างฉันเคลิ้มรำพัน...….....เล่ห์เหลี่ยม
สัตว์บางอย่างหลอมรวมแกล้ง....หลอกขึ้น..ขี่คอ
กล้วยฟักแฟงแตงอ้อย...........ซื้อมา
กลับบรรทุกหลังเร่หา.............ผู้ป้อน
เดินหิวจนน้ำตา....................ไหลอาบ
อมแตงโมไว้ขย้อน................หลอกขายให้..แลกสุรา
จากขุนเขาเข้าติดคล้อง.......…...บ่วงควาญ
สับตะขอบิดสันดาน.................โหดร้าย
ถั่งโถมโหมโหดงาน.................กักขฬะ
"สัตว์ประเสริฐ" ย่อมทำได้...”เดียรัจฉาน” ก็กล้าทำ.?
ต้องบอกเลยว่า คนเขียนกลอนสามารถมากๆ เพราะเอาทั้งกลอน และกาพย์ มารวมอยู่ด้วยกัน แต่อ่านแล้วก็ยังได้อรรถรส และได้ความรู้สึก.... เก่งมากเลย
ใยต้องว่าคนเลี้ยงช้างด้วยครับ
พวกคุณไม่รุ้อะไรมาก
ก้คิดแค่ด้านเดียวล่ะครับ