พระพุทธเจ้าได้รับฉายาว่าเป็นนักสอนผู้ยิ่งใหญ่ (ไพศาลกูรู) แต่ผมสังเกตว่าทรงเป็นนักเสียดสีที่สุด
การพูดเสียดสีนั้นว่าไปแล้วหากมีเจตนาไม่ดี ถือว่าผิดศีลข้อ มุสาวาทา แต่พพจ.ของเรานั้นท่านเป็นนักเสียดสีตัวยงจริงๆ ถ้าผมมีเวลา ผมอยากจะค้นคว้า และพิมพ์เป็นหนังสือสักเล่ม ชื่อว่า “เสียดสีวาทา เวรมณี แห่งสิทธัตถะ”
คำเสียดสีที่ผมชอบมากๆ ก็เช่น กรณีที่ชาวฮินดูนิยมไปอาบน้ำคงคาเพื่อล้างบาป โดยเชื่อกันว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ล้างบาปได้ พพจ. จึงกล่าวเสียดสีทำนองว่า “หากน้ำคงคาศักดิ์สิทธิ์จริงดังที่พวกพราหมณ์เชื่อกัน ป่านนี้บรรดาเต่าหอยปูปลาที่เกิดมาในแม่น้ำนี้คงถูกชำระจนหมดกิเลส และกลายเป็นพระอรหันต์กันหมดสิ้นแล้ว”
มีความเชื่อกันเป็นปรกติวิสัยของปุถุชนว่า นี่คือลูกของฉัน เมียฉัน เงินของฉัน ก็ทรงเสียดสีไว้ (ในพระธรรมบท) ทำนองว่า “แม้แต่ตัวท่านเองยังไม่ใช่ของท่านเลย แล้วลูกเมีย เงินทอง จะเป็นของท่านได้อย่างไรเล่า”
คำเสียดสียังมีอีกมากนับร้อย พัน (จาก สี่หมื่นแปดพระธรรมขันธ์) น่าทำเป็นหนังสือสักเล่มจริงๆ เอาไว้ว่างๆ จะลองทำดู คงสนุกแน่ๆ สังเกตว่าทุกศาสนาจะมีการสอนแบบเสียดสีเสมอ คงเป็นเพราะว่ามัน กระตุกสมองและอารมณ์ได้ดี นั่นเอง
ท่านพุทธทาสภิกขุก็ชอบพูดเสียดสี เช่น....
กรุงศรีอยุธยาไม่เคยสิ้นคนดี......แต่คนอัปรีย์ก็ไม่เคยขาด
รกคนดีกว่ารกหญ้า...แต่ถ้ารกคนบ้า รกหญ้าดีกว่ารกคน
การศึกษาแบบหมาหางด้วน
ท่านอาจารย์ชาก็ชอบเสียดสี เช่น มีคนถามว่าท่านพูดอังกฤษไม่เป็นแล้วสอนลูกศิษย์ฝรั่งได้อย่างไร ..ท่านตอบทำนองว่า ...สอนหมาให้ทำโน่นทำนี่ยังได้ ทั้งที่พูดภาษาหมาไม่เป็น นี่สอนคนแท้ๆ ทำไมจะสอนไม่ได้
ดังนั้นการที่ผมชอบพูดเขียนเสียดสี อาจเป็นเพราะในอดีตศึกษาธรรมะมามากเกินไปกระมัง (.เอ้าเสียดสีศาสนาอีกแล้ว...อิอิ)
...คนถางทาง (๑๙ กันยายน ๒๕๕๕)
ปล.ผมเอาเรื่องนี้มาไว้เรื่องการสอน เพราะเห็นว่าการเสียดสี (ที่ดีๆ ) คือ วิธีการสอนที่ยอดเยี่ยมมาก เพียงสองสามคำ แต่มันจำไปตลอดชีวิต ดีกว่าบ่นจนปากเปียกแฉะแต่ไร้น้ำยา
555 ชลัญรออ่าน “เสียดสีวาทา เวรมณี แห่งสิทธัตถะ” ขอคนแรก คิดได้ไงอาจ้าน 555
โอ๊ย ....ขำหัวเราะจนปวดท้อง ...5555
ต้องใช้ให้เป็นใช่ไหมคะ.. ถึงจะเป็นการเสียดสีแบบสอน ให้ได้คิด
สงสัยว่า.. ท่านอาจารย์น่าจะพิมพ์หนังสือเสียดสีส่วนตัว น่าจะได้หลายเล่ม (8หมื่น4พัน) คริคริคริ แบบว่า เยอะอ่ะ