อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการร่างพระราชบัญญัติมีความเห็นด้วยเสียงส่วนใหญ่ว่า เพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกัน ขณะเดียวกันก็ไม่จำกัดกรอบของพัฒนาการความคิดด้านสิทธิมนุษยชน ควรให้นิยามสิทธิมนุษยชนไว้ จึงเป็นที่มาของนิยาม “สิทธิมนุษยชน” ดังปรากฏในมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน พ.ศ.2542 ดังนี้
“สิทธิมนุษยชน” หมายความว่า ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพและความเสมอภาคของบุคคลที่ได้รับการรับรองหรือคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หรือตามกฎหมายไทย หรือตามสนธิสัญญาที่ประเทศไทยมีพันธกรณีที่จะต้องปฏิบัติตาม
หากพิจารณานิยามข้างต้น จะเห็นว่ามีลักษณะที่ครอบคลุมความหมายของแนวคิดทั้งที่เป็นรูปธรรมและนามธรรม ซึ่งบางแนวคิดยังหาข้อยุติในความหมายไม่ได้ เช่น ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
เจตนารมณ์ที่สำคัญในการบัญญัติเรื่องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 คือ แนวความคิดที่ต้องการให้ “มนุษย์ตระหนักว่าในความสัมพันธ์ระหว่างกันนั้น จะปฏิบัติต่อผู้อื่นเยี่ยงสัตว์ คือในลักษณะที่ต่ำกว่ามนุษย์ไม่ได้” [1]
รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ปรากฏวลี “ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์” หลายแห่ง เพราะผู้ร่างต้องการให้มีแนวคิดในเรื่องกฎหมายธรรมชาติ แต่ไม่ประสงค์ใช้คำว่า “กฎหมายธรรมชาติ” จึงแทนด้วยวลี “ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์”
คำอธิบายของนักวิชาการเกี่ยวกับศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ที่น่าสนใจ ได้แก่
- การยึดถือว่ามนุษย์คือตัวตนที่มีคุณค่ายิ่งที่ฝ่ายอื่นต้องเคารพ [2]
- ศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ หมายถึง การเห็นคุณค่าของความเป็นมนุษย์ สิ่งที่กระทบศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์คือ การลดคุณค่า การละเมิดศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์คือ พฤติกรรมที่มนุษย์กลายเป็นวัตถุของการกระทำ [3]
ผู้บรรยายมีความเห็นว่า “สิทธิมนุษยชน” เป็นแนวคิดที่กว้างขวางกว่า “ศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์” เพราะสิทธิมนุษยชนเป็นการรวมทุกแง่ทุกมุมของความพยายามที่จะทำให้มนุษย์อยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุขในสังคมธรรมาภิบาล ส่วนศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ เป็นกรอบความคิดที่มุ่งถึงการให้เกียรติ และยกย่องนับถือว่าบุคคลอื่นก็เป็นมนุษย์เช่นเดียวกับเรา [4]
กฎบัตรสหประชาชาติและปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน กล่าวถึง “สิทธิมนุษยชน” และ “ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์” แต่ก็มิได้ให้รายละเอียดว่ามีความหมายอย่างไร หากมองในภาพรวมจะเห็นว่าทั้ง “สิทธิมนุษยชน” และ “ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์” ล้วนเป็นส่วนสำคัญซึ่งประกอบเป็นฐานแห่งปัจจัยที่ทำให้สังคมอยู่ได้ด้วยดี ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ไม่เหมือนกับสิทธิมนุษยชน แต่ในขณะนี้ยังไม่มีมาตรฐานสากลที่มีหลักประกันเด่นชัด ศักดิ์ความเป็นมนุษย์ในปัจจุบันจึงมีเพียงจริยธรรมและศีลธรรมเป็นฐานรองรับ อย่างไรก็ตาม ศาลในบางประเทศได้ถือโอกาสใช้อำนาจของตนรับรองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์โดยอ้าง “นโยบายสาธารณะ” เป็นเหตุผลสนับสนุนประชาสังคม ณ ที่นั้นๆ และวินิจฉัยเป็นกรณีๆ ไปว่า อะไรทำได้หรืออะไรทำไม่ได้ อันเป็นวางหลักการเกี่ยวกับศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ซึ่งต้องได้รับการรับรอง รับรู้ และคุ้มครอง
ไม่มีความเห็น