"หมอพูดอะไรบอกแม่มาตรงๆ"

  หลังจากหมอให้แม่กลับมาพักที่บ้านได้ประมาณ 15วัน  แม่ต้องกลับเข้าโรงพยาบาลอีกครั้ง ด้วยอาการปวดท้องคราวนี้แม่ท้องเสียอีกครั้งหนึ่ง พอดีน้องสาวมาจากต่างจังหวัดพอดี ก่อนหน้านั้นสัก2-3วันเราพาแม่ลงไปเดินเล่นที่สนามข้างบ้านแม่ใส่แว่นตา 2 อัน คืออันแรกใส่ใว้ที่ตา อีกอันใส่ใว้ที่หัว เราก็ขำๆ พอบอกเขา  เขาก็ขำหัาเราะตัวเองใหญ่ลูกหลานก็หัวเราะ.....แต่เราเริ่มเห็นความผิดปกติเพราะแม่ไม่เคยเป็นแบบนี้  วันที่พาไปโรงพยาบาล แม่ ปวดท้องมาก มีถ่ายท้องด้วย หน้าเริ่มเหลือง ตาขาวมีสีเหลือง ที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนเราบอกให้แม่อาบน้ำใส่เสื้อผ้า ปรากฎว่าแม่ใส่กางเกงในไว้ข้างนอกเหมือน ซุเปอร์แมนน้องสาวบอกเราว่าพี่ๆ แม่จะเหาะไปโรงพยาบาลเอง  แม่ก็หัวเราะขำกันท้องแข็งเพราะที่บ้านเราจะเป็นครอบครัวเฮฮ่า...แต่เราพึ่งรู้ว่านั่นคืออาการที่น่าตกใจแล้วเพราะเชื้อโรคมันขึ้นไปที่สมองหมอบอก หมอรับแม่เป็นคนไข้ในแล้วจัดการตามตามกรรมวิธีขั้นตอนของเขา.....หลังจากนั้นหมอก็ให้น้ำเกลือ พร้อมๆให้ยาฆ่าเชื้อ ที่หมอบอกเราว่าราคาค่อนข้างแพงขวดละ 1200 บาทหมอให้ติดต่อกันหลายวันเหมือนกัน ภายในเวลาไม่ถึง 10 วัน แม่ น้ำหนักลดลง เกือบ 10 กิโล จากที่ตัวอ้วนๆ แม่ ผอมลงอย่างรวดเร็ว หมอบอกเราว่าต้องให้ยาขับน้ำ เพราะที่ช่องท้องเริ่มมีน้ำมันจะทำให้แม่อึดอัด  หลังจากนั้นไม่กี่วันหมอก็เริ่มเจาะท้องแม่ครั้งแรก  แม่  เริ่มรับรู้ว่าตัวเองเป็นเยอะแล้ว ......หมอเรียกเราไปคุยแล้วบอกเราว่า อาการของแม่เริ่มหนักมากขึ้นเพราะตับทำงานได้น้อยลง อาการตับแข็งที่ตอนแรกแข็งแค่ขอบๆตอนนี้มันเริ่มขยายจนตับเหลือเปอร์เซ็นต์ของการทำงานน้อยลงเรื่อยๆ เราก็เริ่มตกใจ......เฮ้ย!...อะไร.( วะ) หมอพูดจริงเหรอหมอแค่นักเรียนหมอนะ จะมาวิเคราะห์อาการแม่เราแบบนี้ได้งั้ย.....เราขอพบอาจารย์หมอที่เป็นเจ้าของไข้ได้มั้ย..คำตอบคือ ..ไม่ว่างให้ญาติรอ...เราก็เริ่มวิตกแล้วหมอจะทำอะไรได้บ้างแล้วแม่เราจะเป็นอย่างไรต่อไป...แล้วเราก็ได้พบหมอ ...หมอ อธิบายให้ฟังว่าต่อไปแม่จะเริ่มกินได้น้อยลง เริ่มหมดแรง เพราะตับเป็นเหมือนโรงงานพลังงานชีวิต วันนี้ถ้าโรงงานทำงานไม่ได้  การเคลื่อนไหวทุกอย่างมันก็จะหยุดลงด้วย.......