Death Inspiration แรงบันดาลใจที่ช่วยปลดปล่อยชีวิตจากความซ้ำซากเน่าเบื่อของศตวรรษที่ 21


ความเจ็บปวดเป็นครูอันประเสริฐของเรา ที่จะเพิ่มพูนสติปัญญาและความเจนจัด เพื่อจะรีดเร้นประสิทธิภาพที่ซ่อนอยู่ในตัวเราออกมาให้โลกได้รับรู้

เรากล้าพอที่จะขอเบอร์โทรศัพท์จากสาวสวยที่พึ่งเจอกันบนรถไฟฟ้าหรือไม่ ?

ความอายทำให้เราปฏิเสธ สายตาทุกคู่บนรถไฟฟ้าที่จับจ้องมาก็ยิ่งทำให้ถุงลมในปอดของเราหดแคบลง แต่หากยังไม่สามารถเอาชนะความกลัวเล็กน้อยแค่นี้ได้ เราจะมีพลังใจในการเอาชนะอุปสรรคสำคัญของชีวิตได้กระไร

ความบ้าบิ่นในการจีบสาวที่พึ่งเจอกันครั้งแรกในที่สาธารณะ อาจไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญ  แต่ก็สะท้อนว่า ชีวิตมนุษย์ไม่ได้มี “อิสรภาพทางความคิดและการกระทำ” อย่างที่เชื่อกัน

กฎหมายไม่ได้มีบัญญัติว่าห้ามทะลึ่งขอเบอร์หญิงท่ามกลางฝูงชน แต่จารีตของสังคมกลับตอกตรึงเราไว้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงกรอบจำกัดในใจเรา ที่กลัวการถูกปฏิเสธและหัวเราะเยาะเย้ยเป็นที่สุด

รู้ทั้งรู้ว่า หากเรากล้ากว่านี้ ก็จะมีโอกาสได้ครอบครองสาวงาม ถ้าเราปล่อยให้ผ่านไป ชีวิตก็จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงซาบซ่าน แต่สุดท้ายเราก็ไม่สามารถเอาชนะตัวเองได้เลย

การเปลี่ยนแปลงเพื่อหลุดออกจากความเคยชินเดิม เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา เป็นสิ่งที่ต้องอาศัยมากกว่าความคิดหรือตรรกะเหตุผล
นั่นคือ การฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ ด้วยกลวิธีที่แยบคายในการเอาชนะความกลัวที่อยู่เบื้องลึก

Death Inspiration อาจเป็นเครื่องมือหนึ่งที่น่าสนใจ โดยการถามตัวเองว่า “ถ้าวันนี้เป็นวันสุดท้ายในชีวิต เราจะยังหวาดกลัวการถูกปฏิเสธนี้หรือไม่ สายตาที่จับจ้องมายังคงมีความหมายในขณะที่ความตายมาเยือนหรือไม่”

แน่นอนว่า คำถามแค่นี้ไม่ได้ช่วยอะไรได้มากนัก แต่ถ้าเราหมั่นฝึกตัวเราให้คิดถึงความตาย คิดถึงว่าเวลาในชีวิตน้อยนิดยิ่ง เราก็จะปลดปมในใจไปทีละชิ้น เราจะสามารถลบทิ้งบางสิ่งที่ไร้สาระ  แล้วมีความเบาโล่งในชีวิตมากขึ้น มีเวลาที่จะนำไปใช้สร้างสรรค์และเสพสุขสมใจ

ความอายไม่ได้เป็นสิ่งเดียวที่คุกคามเรา ความโกรธก็เป็นศัตรูที่กักขังให้เราวนเวียนกับเรื่องราวของคนอื่น ทั้งที่รู้ว่าไร้เหตุผลที่จะตามจองเวรทางความคิดกับเรื่องราวที่จางหายไปตาม สายลมแห่งกาลเวลา แต่เราก็ไม่สามารถที่จะหักห้ามความคิดที่วนเวียนไปมานี้ได้

“ให้อภัย” เป็นคำตอบเดียว ไม่ว่ามันจะยากเย็นอย่างไร ไม่ใช่เพื่อคนที่เราชังน้ำหน้า หรือเพื่อความเมตตาแห่งสวรรค์ชั้นฟ้า แต่เพื่อตัวเราเองที่น่ารักทะนุถนอม ไม่ควรเสียเวลาและหมดแรงไปกับเรื่องราวที่เป็นเพียงฝุ่นธุลี หากเราต้องเผชิญกับความตายในวันพรุ่งนี้

ความเสียดาย ก็เป็นศัตรูตัวร้ายที่สุดที่ทำให้ชีวิตของเราเต็มไปด้วยความน่าเบื่อ

ถ้าสาวคนเดิมที่เรากล้าขอเบอร์ ได้รับเบอร์มา แล้วยังจีบไม่ติดสักกะที

เราจะกล้าไปขอเบอร์สาวคนใหม่หรือไม่

ถ้าธุรกิจที่เคยรุ่งเรืองมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายาย แล้วปรากฏว่าวันนี้ไม่ได้ดีเหมือนเดิม เราจะกล้าละทิ้งกิจการไปหรือไม่ เราจะมีคำตอบให้กับพ่อแม่ของเราอย่างไร

ทุกสิ่งในชีวิต เป็นเรื่องที่สั่งสมมานานตั้งแต่ก่อนที่เราจะเกิด แม้แต่ตัวเราเองก็เป็นผลผลิตของพ่อแม่ และวิวัฒนาการตั้งแต่ยุคมนุษย์ถ้ำ

การเปลี่ยนแปลงในวันเดียว จึงเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้และเจ็บปวดอย่างยิ่ง

เปลี่ยนแปลงวันละนิด อย่างสม่ำเสมอ ด้วยวิธีการที่ถูกต้อง จะเป็นทางออกที่น่าพิสมัยยิ่งกว่า

สาวที่เราเข้าไปขอเบอร์ อาจจะไม่ยอมให้เบอร์โทรเรา แต่ก็อาจไม่ได้มองเราด้วยสายตาดูถูกอย่างที่เราจินตนาการไว้ เธออาจจะส่งยิ้มให้พร้อมสายตาที่ชื่นชมในความกล้า แค่นี้ก็ทำให้ความล้มเหลวของเรามีคุณค่าแล้ว

พ่อแม่ของเราอาจรู้สึกช็อก ถ้าเราบอกว่าจะเลิกกิจการที่ก่อร่างมา 50 ปี แต่ถ้าเราอธิบายอย่างใจเย็น ค่อยปรับเปลี่ยนหรือขายทิ้งโละสต๊อกทีละน้อย แล้วนำเงินที่ได้ไปสร้างกิจการใหม่ที่มีอนาคตไกล เมื่อความสำเร็จเริ่มมาเยือน บุพการีของเราก็จะเริ่มรับได้ทีละน้อย จนกระทั่งลืมเลือนกิจการเก่าไปในที่สุด แม้ว่าปากจะบอกว่ายังไงก็ขายทิ้งไม่ได้ แต่ในใจก็แอบยกย่องในความคิดริเริ่มของเรา

ถ้าวันนี้เรารู้สึกตีบตันกับชีวิต รู้สึกว่าสรรพสิ่งรอบข้างเต็มไปด้วยความน่าเบื่อ

อยากให้ลองจินตนาการถึง “ความตาย” แล้วถามตัวเองว่าเราจะยังคงซ้ำซากกับชีวิตแบบนี้หรือเปล่า สังคมเพื่อนฝูงที่คอยนัดกินข้าวทุกวันจะยังคงสำคัญหรือไม่ ละครน้ำเน่าที่เคยติดหนึบเหนียวแน่น ยังคงมีความหมายอันใด

Death Inspiration ไม่ได้ช่วยให้เราค้นพบว่าควรจะทำอะไร นั่นเป้นสิ่งที่เราต้องใช้เวลาทุ่มเทค้นหาเอง แต่การคิดถึงความตาย จะทำให้เราปลดปล่อยตัวเองจากความกลัว ความเคยชิน ความโกรธ ความอาย และความฟุ้งซ่านที่กักขังเราไว้

หลังจากหลุดพ้นได้ทีละน้อย เราจะเริ่มขุด Project และความฝันที่หมกกองไว้ตามรายทางออกมาปะติดปะต่อใหม่
เรื่องนินทาน้ำเน่าจะหายไป เรื่องสดใสซาบซ่านจะเข้ามา

ถ้าเรากล้าขอเบอร์สาวสักคน เราก็จะค้นพบสาวสวยให้ขอเบอร์อีกมากมาย

ถ้าเรากล้าเสนอขายสินค้าให้ลูกค้าสักคน เราก็จะค้นพบลูกค้าอีกมากมายให้เดินเข้าหา

ปัญหาที่ตามมาก็คือ ท่ามกลางทรัพยากรเวลาที่มีจำกัด เราจะเลือกเฟ้นอย่างไร คนไหนจะมีโอกาสสำเร็จมากกว่า คนไหนที่เราต้องละทิ้งไป จะทดลองตามตื๊อกี่ครั้งจึงจะเป็นจุดที่ดีที่สุด (Optimal Solution)

ชีวิตไม่มีคำตอบสำเร็จรูป นั่นขึ้นอยู่กับว่าบริบทเงื่อนไขของเราเป็นอย่างไร ยิ่งเรามีประสบการณ์และการเรียนรู้มากเท่าไร ก็ยิ่งตัดสินใจลงทุนต่อหรือละทิ้งได้ดียิ่งขึ้น

Death Inspiration อาจช่วยเหลือเราได้บ้าง เพราะมันจะคอยเตือนเราเสมอว่า “เวลามีจำกัด” ดังนั้น เราต้องเค้นสมองและทุกสิ่งในส่วนลึกของเราเพื่อตอบให้เร็วที่สุดว่า

“เริ่มต้นใหม่กับใครดี และถ้าจะลงทุนกับคนเดิม เราจะปรับเปลี่ยนกลยุทธ์อย่างไร พลิกแพลงกระบวนท่าไหน โดยไม่ติดกรอบเดิมที่เคยทำให้ล้มเหลวเจ็บช้ำ”

ความเจ็บปวดเป็นครูอันประเสริฐของเรา ที่จะเพิ่มพูนสติปัญญาและความเจนจัด เพื่อจะรีดเร้นประสิทธิภาพที่ซ่อนอยู่ในตัวเราออกมาให้โลกได้รับรู้

Death Inspiration จะกระตุ้นเราไม่ให้หวาดกลัวความเจ็บปวด แล้วพร้อมจะลุกขึ้นมาอีกครั้ง

ไม่ให้เคยชินกับคำตอบเดิม กล้าที่จะปรับเปลี่ยนวิธีใหม่ ไม่ว่ามันจะต้องอาศัยความบ้าบิ่นและหน้าด้านเพียงใด ขอเพียงไม่ผิดศีลธรรมและกฎหมายก็เพียงพอแล้ว

ไม่ให้ยึดติดหลงใหลในทรัพยากรและเวลาที่ได้ทุ่มเทไปแล้ว เพียงเพราะหวาดกลัวความเจ็บปวดจากคำว่า “ล้มเหลว”

ชีวิตของเราจะล่องลอยไปเรื่อย หากไม่มี “เข็มทิศ” ที่จะช่วยกำหนดเส้นทางและการลงมือทำ

Death Inspiration จะเป็นแรงบันดาลใจยิ่งใหญ่ ที่จะช่วยทำให้เราปลดปล่อยตัวเองจากชีวิตที่ซ้ำซากตีบตัน เพราะคิดและทำแบบเดิม

ความล้มเหลวไม่ใช่เรื่องน่ากลัว หากเรารู้วิธีที่จะเอาชนะใจตนเอง แล้วเริ่มต้นใหม่ให้ดีกว่าเดิม

หมายเลขบันทึก: 501798เขียนเมื่อ 10 กันยายน 2012 18:58 น. ()แก้ไขเมื่อ 10 กันยายน 2012 19:21 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ขอบคุณบทความให้ความหวังและกำลังใจค่ะ

ประทับใจมากค่ะ ;)

Inspiration ==> สำคัญ... ที่ต้องมี "ในชีวิต" ....... ถ้าคุณรู้ว่า ...... "วันนี้ ..... เป็นวัน......สุดท้าย....ในชีวิต"

ขอบคุณ บทความดีดี มีคุณภาพนี้นะคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท