สมานฉัน …………


สมานฉัน …………

 

                                                                คนที่ราบสูง

 

                ท้องฟ้าแจ่มใสสีครามไร้เมฆหมอก รถมอเตอร์ไซด์คันเก่าๆแต่แผดเสียงดังไปได้สามบ้านแปดบ้านวิ่งเข้ามาจอดหน้าเรือนไทย คนขับไม่ใช่ใครที่ไหน คือชไมพรนั่นเอง หล่อนมีอายุประมาณสามสิบกว่าๆ ผิวขาว รูปร่างผอมเพรียว

                 หลังจากที่ชไมพรจอดรถมอเตอร์ไซด์ใต้ถุนบ้านเรียบร้อย ก็หอบเอกสารกองใหญ่ จากสำนักงานมาทำต่อที่บ้าน ซึ่งหล่อนมีตำแหน่งเป็นเจ้าหน้าที่ธุรการของสำนักปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยทรายงาม

วันนี้บ้านรู้สึกเงียบเหมือนไม่มีคนอยู่บ้าน

ชไมพรผลักประตูบ้านที่เปิดแง้มอยู่  ภาพที่ปรากฏต่อสายตาของหล่อน

“สมชาย” ลูกชาย ที่เพิ่งจะเรียนชั้น ป. ๑ กำลังนั่งเล่นเกมส์อย่างสนุกสนานจากแท็บเล็ตที่ได้รับแจกมาจากโรงเรียนบ้านห้วยทรายงาม โดยไม่สนใจว่ามีใครก้าวขึ้นมาบนบ้านของตนเอง

มันเป็นพลวงจากโครงการแจกแท็บเล็ตให้แก่นักเรียน นโยบายของรัฐบาล ทำให้ “สมชาย” มีความสุขอย่างล้นเหลือ ไม่ต้องรอคอมพิวเตอร์จากแม่ ที่มักจะใช้งานวันละหลายชั่วโมง กว่าจะเปิดโอกาสให้ได้ฝึกใช้เพียงไม่กี่นาที

                “สมชาย พ่อไปไหนล่ะลูก” ชไมพร ร้องถามสมชาย ขณะที่ก้มหน้าก้มตาเล่นเกมส์ อย่างสนุกสนาน เมามัน ไม่สนใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรอบข้าง

                เงียบ ไม่มีเสียงตอบ

                หล่อนร้องถามอีก สอง สามครั้ง ก็ไม่เป็นผล

                ชไมพร เอาแฟ้มที่ถือมาจากที่ทำงานโขกไปที่หัวลูกชายคนเดียวของหล่อนเสียงดังโป้ก

                “แม่ถาม พ่อไปไหน ไม่ได้ยินเหรอ”

                “พ่อออกไป ข้างนอก มีเพื่อนผู้ชายมารับออกไปครับ” สมชาย ตอบในขณะที่สายตายังไม่ละจากจอสี่เหลี่ยมของแท็บเล็ต

                หล่อนรู้สึกสบายใจ กับคำตอบที่ได้ยิน อย่างน้อย “สมาน”สามี ที่เป็นพนักงานบริษัทธรรมดาแห่งหนึ่ง บริษัทไม่ได้ใหญ่โตอะไร แต่ก็ให้เงินเดือนดี เป็นบริษัทเจ้าของคนเดียว มีออฟฟิศเป็นแบบโฮมออฟฟิศขนาด 6 คูหา รับงานจัดทำโฆษณาให้กับบริษัทดังๆมากมาย

                เป็นเรื่องปกติที่สามีของหล่อน จะออกไปไหนมาไหนกับเพื่อนร่วมงานที่เป็นผู้ชายหรือไม่ก็ไปกับผู้จัดการหนุ่มโสด ที่ชไมพรเองก็รู้จักเป็นอย่างดี

                เมื่อชไมพร กลับถึงบ้าน ก็นอนพักเหนื่อย ราวครึ่งชั่วโมง หล่อนก็เริ่มทำหน้าที่แม่ซึ่งเป็นภารกิจประจำวัน ตะโกนร้องเรียกลูกชาย

                “ลูก ไปตลาดกัน”

                ชไมพรและสมชายจะออกไปซื้ออาหารถุงสำเร็จรูป มาเป็นอาหารเย็นสำหรับสามชีวิตในวันจันทร์ถึงวันศุกร์ ส่วนวันเสาร์และอาทิตย์เป็นหน้าที่ของสมานผู้สามี จะทำหน้าที่พ่อบ้านแทน เนื่องจากหล่อนไปเรียนหนังสือ กว่าจะกลับถึงบ้านก็มืดค่ำ

                ทุกเย็นทั้งสามคนจะรับประทานอาหารเย็นร่วมกัน ไม่ว่าใครจะเย็นแค่ไหนก็จะต้องรอนั่งล้อมวงรับประทานอาหารร่วมกันอย่างมีความสุขเป็นครอบครัวบ้านนอก

               

นี่เป็นกฎกติกาที่ชไมพร ได้ออกไว้ ตั้งแต่เด็กชายสมชายอายุเพิ่งได้สี่ขวบ

                แม่บ้านอย่างหล่อนมีอาหารถุงเป็นหัก เนื่องด้วยภารกิจที่รัดตัว

                นอกจากทำงานที่สำนักงานแล้ว ชไมพร ยังเรียนหนังสือระดับปริญญาตรี เพิ่มเติมในวันเสาร์-อาทิตย์ที่มหาวิทยาลัยในตัวเมืองอีกด้วย ทำให้แทบไม่มีเวลาในการทำงานบ้าน

                แม่บ้านยุคใหม่ ไม่มีเวลาแม้จะซักเสื้อผ้า ชไมพร มักใช้บริการซักรีด ของยายสม คนข้างบ้านที่มาเก็บเสื้อผ้าไปซักให้ ทุกสามวัน

                ทุกเสาร์-อาทิตย์ชไมพร ตื่นตั้งแต่หกโมงเช้า ขับรถมอเตอร์ไซด์คันเก่าๆของหล่อนไปที่บ้านแม่หลวงบ้าน  เพื่อที่จะอาศัยไปเรียนหนังสือที่มหาวิทยาลัยในตัวจังหวัด

                แม้หนทางจะไกลแสนไกลด้วยระยะทางเกือบหนึ่งร้อยกิโล แต่เพื่ออนาคตของตนเองและครอบครัว ชไมพร ยังคงพยายามเดินทางไปเรียนหนังสือตลอดทุกวันเสาร์และอาทิตย์

                “อดทนหน่อย แค่ สองปีกว่าเอง” หล่อนนึกในใจบ่อยๆ เพื่อเป็นการให้กำลังตนเอง ยามท้อแท้และเหนื่อยล้าจากเดินไปเรียนหนังสือ

                หลังจากเด็กสมชายลูกชายคนเดียวของหล่อนเข้าเรียนหนังสือที่โรงเรียนบ้านห้วยทรายงาม ด้วยวัยเพียงหกขวบ

                ครอบครัวของชไมพร เริ่มมีความเปลี่ยนแปลงไป      พ่อ แม่ ลูก ไม่มีโอกาสได้ดูโทรทัศน์ด้วยกันเหมือนก่อน

 แม้ชไมพร จะเปิดโทรทัศน์พร้อมกับพิมพ์งานบ้างเล่นเฟสบุ๊คไปด้วย  สมาน สามีก็หมกมุ่นอยู่กับงานโฆษณา ที่วันๆจะเปิดอินเตอร์เน๊ตดูงานและเล่นเฟสบุ๊คคุยกับเพื่อนร่วมงาน  

สมชายลูกชายที่เพิ่งจะเข้าเรียนประถมชั้นปีที่1 ที่ใช้เวลาวันละหลายชั่วโมงกับแท็บเล็ต แทนที่จะออกไปวิ่งเล่นกับเพื่อนๆ เหมือน ก่อนที่จะเข้าโรงเรียน

สมชายดูเหมือนจะโชคดีกว่า นักเรียนเพื่อนร่วมชั้นที่สามารถเล่นคอมพิวเตอร์ได้ดี แถมมีคุณตา เป็นผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านห้วยทรายงาม จึงได้รับอนุญาต เป็นพิเศษให้นำแท็บเล็ตกลับมาเล่นที่บ้านได้ ในขณะที่นักเรียนคนอื่นไม่สามารถทำได้

 

วันเสาร์นี้ มหาวิทยาลัยปิด ทำไห้ชไมพร มีเวลาหยุดพัก อยู่บ้าน

ลูกชายตัวดีนำแท็บเล็ตลงไปเล่นทีใต้ถุนบ้านเพื่ออวดเพื่อนๆวัยเดียวกัน

หล่อนถือโอกาสปัดกวาดบ้านที่ไม่ได้นำมานานแล้ว

เมื่อชไมพรถือไม้กวาด ใช้อีกมือผลักประตูห้องนอน หน้าของหล่อนร้อนฉ่า เมื่อเห็นสามีกำลังออนไลน์เปิดกล้องคุยกับชายหนุ่มทาง เฟสบุ๊ค  มันไม่ใช่การคุยธรรมดาเสียแล้ว

                สมานอยู่ในสภาพนุ่งกางเกงชั้นในเพียงตัวเดียว ส่วนชายหนุ่มที่สามีหล่อนกำลังออนไลน์สนทนาอยู่ด้วยทางเฟสบุ๊คนั้น อยู่ในสภาพที่เปลือยเปล่า หล่อนมองภาพนั้นผ่านจอโน๊ตบุ๊ตของสามี

                ชไมพร ของหัวใจเต้นถี่ ๆ เมื่อเห็นสามีออนไลน์เช่นนั้น น้อยใจน้ำตาไหลที่เห็นเขาออนไลน์ คุยต่อไปโดยไม่สนใจหล่อนที่เข้ามาในห้อง

                สมาน ไม่สนใจว่ามีใครมียืนดูการออนไลน์ของเขา ยังคงนั่งพิมพ์ข้อความสนทนากับเพื่อนชายต่อไปเพียงแค่ปิดกล้องของคู่สนทนาเท่านั้น

               

เป็นเวลากว่าปีแล้วที่หล่อนไม่ค่อยมีเวลาให้ครอบครัว วันจันทร์ถึงวันศุกร์ ต้องหอบเอกสารมาทำงานที่บ้าน เนื่องจากพนักงานที่ทำงานด้วยกันถูกจับกุม สาเหตุมาจากค้ายาบ้ากับสามี ทำให้ต้องทำงานเพิ่มเป็นสองเท่า หัวหน้าก็บอกแต่เพียงว่า ให้หล่อนช่วยงานไปก่อนเดี่ยวจะรับเจ้าหน้ามาช่วย

 

วันเสาร์-อาทิตย์ หล่อนหอบสังขารที่อ่อนล้าไปเรียนหนังสือ หลายครั้งที่แอบหลับในห้องเรียน

ครอบครัวที่มีกันสามคน พ่อ แม่ ลูก เมื่อกลับถึงบ้านแต่ละคนจะทำภารกิจส่วนตัวหรือนอนพักผ่อนสักครู่ ชไมพรจะชวนสมชาย ลูกชายคนเดียวไปซื้ออาหารถุง ปล่อยให้สมานหุงข้าว ทุกคนรู้หน้าที่ของตนเองอย่างดี

หน้าที่ทั้งหมดนี้ถูกกำหนดโดยชไมพรที่ทำหน้าที่แม่บ้าน

ค่าใช้จ่ายภายในครอบครัว ชไมพรจะเป็นผู้ดูทั้งหมดเช่นกัน สมานเองก็รู้หน้าที่ เป็นอย่างดี ทุกเดือนเขาจะกดเอทีเอ็ม นำเงินมอบให้ชไมพรนำไปฝากธนาคารเก็บไว้และเก็บไว้เป็นค่าใช้จ่ายภายในครอบครัว

ครอบครัวของชไมพร เป็นครอบครัวยุคใหม่ ไม่มีเวลาในการทำอาหาร จึงฝากท้องไว้กับอาหารถุงจากแม่ค้าเจ้าประจำในตลาด ซึ่งประหยัด และต้องไม่เสียเวลาในการปรุงอาหารเอง

หล่อนจะซื้อกับข้าววันละสองถุง เพียงถุงละยี่สิบห้าบาท เพียงมาทอดไข่ ทอดปลาทู ต้มผักเพิ่มเติม ตามแต่โอกาส

อาหารสามอย่างเพียงพอสำหรับมื้อเย็นที่มีกันเพียงสามชีวิต

หลังจากรับประทานอาหารเย็นทุกคนจะเข้านั่งประจำที่ของตนเองที่เคยนั่งอยู่เป็นประจำ

สมานจะเข้าประจำที่ในห้องนอนพร้อมด้วยโน๊ตบุ๊คส่วนตัว ทั้งใช้ทำงานและออนไลน์คุยกับเพื่อนๆ ซึ่งหล่อนไม่ค่อยเป็นกังวลเพราะ คนที่สามีคุยด้วยเป็นผู้ชายหรือไม่ก็เจ้านายของตนเอง แม้จะสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของสามีที่เปิดกล้องคุยกับเพื่อนชาย

“ก็ยังดี ที่ไม่ใช่ผู้หญิง” หล่อนคิดในใจ

ส่วนชไมพรจะใช้คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะที่อยู่หน้าจอทีวี ซึ่งหล่อนจะดูทีวีและทำงานไปด้วยเสมอ พร้อมสอนให้สมชายลูกชายคนเดียวได้ใช้คอมพิวเตอร์เป็น เพื่อเตรียมพร้อม ตั้งแต่มีการเลือกตั้งที่พรรคเพื่อประชาชนที่มีนโยบายว่า ถ้าได้เป็นรัฐบาลจะแจกแท็บเล็ตให้แก่เด็กนักเรียน ชั้นป.1

ชไมพรเรียนคณะรัฐศาสตร์ หลักสูตรต่อเนื่อง หล่อนติดตามข่าวการเมืองด้วยความสนใจมาโดยตลอด มีโอกาสไปฟังนโยบายหาเสียงของผู้สมัครของพรรคเพื่อประชาชนที่มาหาเสียงในตลาด

                นโยบายหาเสียงของพรรคเพื่อประชาชน ชไมพรรู้สึกถูกใจเป็นอย่างยิ่งอย่างน้อยมีนโยบายสอง สามอย่างที่ตนเองและครอบครัวจะได้ประโยชน์จากนโยบายจบปริญญาตรีได้เงินเดือนหมื่นห้า ที่หล่อนจะจบในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เนื่องจากขณะนี้หล่อนได้รับเงินเดือนจากวุฒิ ปวส. เพียงแค่7,540 บาท นโยบายรถยนต์คันแรกที่ถูกใจสมานเป็นอย่างยิ่ง ต่อไปนี้คงไม่ต้องขับรถมอเตอร์ไซค์คันเดิมไปทำงานอีกแล้ว นโยบายแจกแท็บเล็ต ลูกชายของหล่อนก็จะได้ประโยชน์เพราะสมชายจะเข้าโรงเรียนปีนี้

                หล่อนยินดีกับนโยบายของพรรคเพื่อประชาชนเป็นอย่างยิ่ง ครอบครัวของตนได้รับประโยชน์จากนโยบายของพรรคนี้ทั้งสามคน

                ชไมพรกลายเป็นหัวคะแนนให้พรรคเพื่อประชาชนโดยปริยาย ไม่ว่าหล่อนเจอใครที่ไหน จะบอกให้เลือกผู้สมัครจากพรรคเพื่อประชาชน

หลังจากที่รัฐบาลแจกแท็บเล็ตให้นักเรียนชั้นป.1  สมชายได้อ้อนคุณตา ในฐานะที่เป็นผู้อำนวยการโรงเรียน เพื่อขอท็บเล็ตมาเล่นที่บ้าน  ทำให้เขามีโอกาสนำแท็บเล็ตมาเล่นเกมส์ที่บ้าน

บ้านทั้งสามแทบจะไม่มีเสียงพูดคุยกันเหมือนแต่ก่อน

กลายเป็นเรื่องปกติที่บุคคลทั้งสามใช้อินเตอร์เน๊ตจนถึงเที่ยงคืน

 

“สมชาย วันนี้แม่จะไปปฏิบัติธรรมที่มหาวิทยาลัย นอนค้างสองคืน พ่อกลับมาก็ชวนกันออกไปหาซื้ออะไรกินก็แล้วกัน” ชไมพรพูดจบก็ควักเงินให้สมชายไว้ สามร้อยบาท

 

การปฏิบัติธรรมประจำปีของหล่อนครั้งนี้ ดูเหมือนจะไม่บังเกิดผล

นั่งสมาธิครั้งใด ภาพสามีของหล่อนออนไลน์คุยกับชายหนุ่มมาปรากฏในจิต ของหล่อนทุกครั้ง

“พร เป็นอะไร” สุรีย์ ที่นั่งสมาธิอยู่ข้างๆสะกิดถามหล่อนเบาๆ เมื่อเห็นเพื่อนมีความผิดปกติ ขยับตัวหยุกหยิกตลอดเวลาการนั่งสมาธิ

“สุรีย์ เราสับสนยังงัยไม่รู้ จิตไม่เป็นสมาธิเลย” ชไมพรตอบเบาๆ ในขณะที่หลับสายตา

“...............เอาล่ะ ค่อยๆ ลืมตา.........”เสียงพระอาจารย์ที่สอนกัมมัฏฐานบอกให้ผู้ปฏิบัติธรรมออกจากการนั่งสมาธิ

การปฏิบัติธรรมสามวันสองคืน ครั้งนี้ดูเหมือนไม่เป็นผลอะไรเกิดขึ้นกับชไมพรเลย

“พร กลับบ้านกับใคร” สุรีย์ เพื่อนสาวร้องถามขณะที่หล่อนกำลังก้มหน้าก้มตาเก็บสัมภาระส่วนตัว เพื่อเดินทางกลับบ้าน

สุรีย์ เป็นทอมสาวที่เพื่อนๆร่วมชั้นเรียนต่างก็รู้ว่า ชอบแอบมองชไมพรมานานหลายเดือนนับตั้งแต่ ภาคการศึกษาแรกที่ทำรายงานกลุ่มเดียวกัน

“ เราจะกลับบ้านกลับแม่หลวงบ้าน ค่ะ” หล่อนตอบ

“ไปบอกแม่หลวงสิ เดี่ยวเราจะไปส่งเอง พอดีเราจะไปธุระแถวบ้านพรพอดีน่ะ”

 

สองทุ่มครึ่ง บ้านเรือนไทยของหล่อนมืดมิด ประตูมีโซ่คล้องกุญแจปิดอยู่ ชไมพร รู้สึกตกใจ สมานสามี สมชายลูกชายคนเดียว หายไปไหน รถมอเตอร์ไซค์คันเก่าของหล่อนยังจอดอยู่ใต้ถุนบ้านเรือนไทย  รถอิซูซุมังกรสีเขียวคันใหม่ป้ายแดงของสมานยังคงจอดอยู่ที่หน้าบ้านตามปกติ

“เกิดอะไรขึ้น” หล่อนรู้สึกวิตกกังวล

“สุรีย์ ขับรถไปส่งเราที่บ้านแม่ในตลาดห้วยทรายงาม” ชไมพร บอกสุรีย์หลังจากไขกุญแจที่โซ่และกุญแจบ้าน พร้อมกับโยมสัมภาระส่วนตัวเข้าไปในบ้าน อย่างไม่แยแสอะไร

 

“แม่ๆ” หล่อนร้องเรียกแม่ ที่เปิดประตูบ้านแง้มไว้

แต่ผู้ที่โผล่หน้าออกมา กลายเป็นสมชายลูกชายคนเดียวของหล่อน

“สมชาย ทำไมมาอยู่ที่บ้านย่า”

“ก็ ไอ้สมานผัวมึง  มันไม่กลับบ้าน มาตั้งหลายวัน ไอ้สมชาย มันจ้างรถมอเตอร์ไซค์มานอนกะกูตั้งแต่คืนวันก่อนแล้ว”  เสียงแม่ของหล่อนตอบออกมาทั้งๆที่ไม่ทันเห็นหน้า

ชไมพรชะงัก หล่อนเพิ่งนึกได้ว่า สมานสามีหล่อนไม่ได้กลับบ้านตั้งแต่วันพุธ ก่อนที่หล่อนจะไปปฏิบัติธรรม

“แต่โทรศัพท์ไปบอกแล้ว ว่าให้กลับมาบ้าน เพราะจะไปปฏิบัติธรรม” หล่อนนึกขึ้นมาได้

“สุรีย์ เธอกลับไปก่อนเถอะ เดี่ยวเราจะให้น้องชายไปส่งที่บ้าน ขอบใจมากที่มาส่ง”

“ทำใจดีๆน่ะพร” สุรีย์พูดพร้อมเอามือจับแก้มชไมพร ด้วยความรู้สึกสงสารด้วยความนิ่มนวล

“กูให้ไอ้บัติ มันโทรฯหาผัวมึง มันก็ไม่รับสายแล้วมันก็ปิดเครื่อง โทรฯหามึงก็ปิดเครื่อง”

“หนู ไปปฏิบัติธรรมพระอาจารย์ให้ปิดโทรศัพท์น่ะ”

“นั่นกูรู้ แต่ผัวมึงสิ  ไอ้บัติมันโทรฯหาเป็นร้อยครั้งแล้วมั้ง ก็ไม่รับสายแถมมันยังปิดเปิดเครื่องอีก”

“เจ๊ รู้เรื่องหรือเปล่าว่า น้าสมาน เขามีแฟนใหม่” สมบัติน้องชายของชไมพรพูดแทรกขึ้นมา

“ใครบอกมึง”

“เจ๊ ไม่เคยเห็นพี่สมานเขา สนใจผู้หญิงอื่น เพื่อนในเฟสบุ๊คก็มีแต่ผู้ชาย” หล่อนเถียงน้องชาย

“นั่นแหละ พี่รู้หรือเปล่า ว่าผัวพี่ไปมีผัวใหม่”

“ใครบอกมึง ไอ้บัติ” หล่อนขึ้นเสียง อย่างไม่เชื่อในการบอกเล่าของน้องชาย

“พี่อยากรู้จริงเปล่า เพื่อนผมโทรศัพท์มาบอกเมื่อเย็นนี่เอง ว่าเจอน้าสมานที่บ้านของเจ้าของบริษัทที่น้าสมานทำนั่นแหละ”

“เอ้อ พี่สมาน เขาไปทำงาน บางทีก็นอนค้างที่นั่น กูเพิ่งนึกออก”

 

“พี่ไปกับผม แล้วจะเห็นว่าไม่เป็นอย่างที่เจ๊คิด”

สมบัติพูดจบก็จูงมือชไมพรพี่สาวที่กำลังงง ขึ้นซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์ ไปยังบ้านของเจ้าของบริษัทที่สามีของหล่อนทำงานอยู่

บ้านสองชั้นหลังใหญ่เปิดไฟสว่าง ชไมพรลองผลักประตู ประตูไม่ได้ล็อค

“รอพี่ที่หน้าบ้านนี้แหละ เดี่ยวเจ้าของบ้านจะหาว่าเราเป็นขโมย” หล่อนหันมาบอกน้องชายที่เดินตามหลังเข้ามา

หล่อนค่อยๆเอื้อมมือไปเปิดประตูบ้านของผู้ที่เป็นเจ้านายของสามี แล้วเห็นภาพบาดตาชนิดที่เธอไม่มีวันลืมไปชั่วชีวิต ...

ร่างกายที่เปลือยเปล่าของผู้ชายสอง กอดรัดกันแนบแน่นราวกับจะหลอมละลายเข้าด้วยกัน อย่างไม่อายฟ้าดิน .... เสียงบิดกลอนประตูทำให้ชายทั้งสองที่กำลังพรึง เพริดไปกับรสรัก ถึงกับสะดุ้ง

สุภาพบุรุษทั้งสองคว้าผ้าเช็ดตัวมานุ่ง

“พี่สมานชอบแบบนี้ใช่ไหม?” หล่อนพูดพร้อมกับหันหลังให้ เพราะไม่สามรถทนดูภาพที่อุจาดตานั้นได้

 

“เดี่ยวก่อน ชไมพร เธออย่านำเรื่องนี้ไปบอกใครน่ะ” ผู้ที่เป็นเจ้านายของสามีหล่อนพูดขึ้นก่อนที่หล่อนจะเดินออกจากประตูบ้านไป

“ว่ามาค่ะ”

“ทางบริษัทจะขึ้นเงินเดือนให้สมาน  จะช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในครอบครัวน่ะ ”

สมองชไมพรมึนตื้อจนคิดอะไรไม่ออก “ค่ะ” หลุดออกมาจากลำคอที่แห้งผากของหล่อนเพียงประโยคเดียว

                “กลับบ้าน”

                “ไม่เจอน้าสมานเหรอ เพื่อนมันบอกผมว่า เห็นน้าสมานนั่งรถเข้าออกบ้านนี้บ่อย”

                “มึงไม่ต้องพูดมาก กลับบ้าน”  หล่อนตะคอกใส่อย่างขาดสติ

               

                วันนี้เป็นสอบวันสุดท้ายของภาคเรียนที่สอง ชไมพรมเข้าสอบด้วยจิตใจที่สับสน แม้จะได้กำลังใจจากเพื่อนๆร่วมห้อง ที่รู้ข่าวว่าชไมพร ว่าแยกทางกับสามีที่อยู่กินด้วยกันกว่า สิบปีมีลูกด้วยกันหนึ่งคน

                เพื่อนๆทางเฟสบุ๊คที่ทราบข่าวจากการส่งต่อลิงค์ถึงกัน  จึงมีกำลังใจเป็นจำนวนมากส่งมาให้ชไมพร แต่ก็เป็นเพียงกำลังใจที่ได้รับจากสื่อออนไลน์ ที่ไม่รู้ว่าจริงใจหรือไม่

                มีเพียงสุรีย์เท่านั้นที่เฝ้าโทรศัพท์มาพูดคุยและแวะเวียนมาให้กำลังใจอยู่เสมอ

               

สมชายกลับจากการไปทัศนะศึกษาที่ทางโรงเรียนบ้านห้วยทรายงาม พานักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่หนึ่งไปเที่ยวชมสวนสัตว์ที่เชียงใหม่และอีกหลายแห่งตั้งแต่วันก่อน

สมชายลงจากรถโรงเรียนที่วิ่งมาส่งถึงหน้าบ้านด้วยความสุขจากการได้ไปเที่ยวกับเพื่อนๆ หลังจากที่ไม่ได้วิ่งเล่นกับเพื่อนมานานแล้วหลังจากนำแท็บเล็ตมาเล่นที่บ้าน

 

สมชายถอดรองเท้าไว้ที่หัวบันไดบ้านก็วิ่งขึ้นไปบ้าน ด้วยความดีใจว่า

“วันนี้แม่อยู่บ้าน” สมชายคิด เนื่องจากได้ยินเสียงโทรทัศน์เปิดอยู่

วันนี้เป็นวันแรกในรอบหลายเดือนที่สมชายกลับบ้านและเข้าบ้านโดยไม่ต้องไขกุญแจเอง

เหมือนเมื่อก่อนที่กว่าพ่อและแม่จะกลับถึงบ้านก็ห้าโมงเย็นไปแล้ว

 

                หลังจากที่พ่อแยกทางกับแม่ สมชายมักจะมาคลุกคลีและนอนกับแม่เสมอเพื่อเป็นการให้กำลังใจ

                สมชายวิ่งขึ้นบ้านด้วยความดีใจมีความตั้งใจที่จะเล่าสิ่งที่ตนได้พบเห็นจากที่ไปเที่ยวมาให้แม่ฟัง

                เมื่อสมชายเปิดประตูบ้าน มีเพียงโทรทัศน์ที่กำลังทำหน้าที่ของมันโดยไม่มีใครนั่งดู แต่มันก็ทำหน้าที่นำเสนอรายการอย่างซื่อสัตย์แม้จะไม่มีใครอยู่หน้าจอก็ตาม

                ประตูห้องนอนของแม่แง้มอยู่ สมชายจึงเอื้อมมือไปเปิดประตูห้องเบา ด้วยความตั้งใจอยากให้แม่เชอร์ไฟล์

                ทันทีที่สมชายเปิดประตูห้องนอน ผู้ที่นอนอยู่บนเตียงไม่ใช่แม่ของเขาคนเดียว แต่กับมีร่างของน้าสุรีย์นอนกอดแม่อยู่...................

 

                                                                                    

                                                                                                            

 

 

 

คำสำคัญ (Tags): #สมานฉัน …………
หมายเลขบันทึก: 501450เขียนเมื่อ 6 กันยายน 2012 22:35 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 ธันวาคม 2012 16:31 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

สวัสดีครับBlank ครูอ้อย แซ่เฮ 

ขอบคุณสำหรับกำลังที่มอบให้ครับ

 

สมัยนี้มันเป็นเช่นนี้จริงๆค่ะ

ทุกอย่างในโลกนี้เปลี่ยนไปจนบางคนตั้งตัวรับไม่ทัน....

สวัสดีครับkrugui Blank

 

ประเทศชาติจะเป็นอย่างไรในอนาต อันใกล้นี้

มาขอบคุณที่ให้กำลังใจในบันทึกของครูอ้อยค่ะ

สวัสดีครับครูอ้อย แซ่เฮ Blank

ขอบคุณ ที่ผ่านมาทักทายกัน

สถานภาพที่โน้นเป็นอย่างไรบ้าง

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท