อาทิตย์นี้เจอเรื่องที่ซวยมากจริงๆ นั่นคือ
เครื่องคอมที่ทำงานเสียแล้วครับ ตั้งแต่วันอังคาร ทำให้ไม่สามารถเข้าเน็ตได้ ไม่รู้เหมือนกันว่าจะซ่อมได้ไหม หรือจะเสร็จเมื่อไหร่
(โชคดีที่เป็นที่จอเท่านั้นครับ ข้อมูลเลยยังอยู่ครบถ้วน เฮ้อ)
จริงๆ มีเรื่องอยากจะเขียนเอยะเลยครับเพราะอาทิตย์นี้เจออะไร/ได้คิดอะไรมาพอควรแต่เดี๋ยวจะล้นทะลักเกินบันทึกไป เอาเป็นเรื่องความก้าวหน้าใหม่ที่กำลังจะเกิด (หรือเปล่า) นี่ก่อนละกันครับ ว่าแล้วก็เข้าเรื่อง
เรื่องปัญหาเก่ามาเล่าใหม่อีกรอบครับ ปัญหาโปรแกรม HomeC-IPD ที่ยังไม่ลงตัวดีคราวนี้ถือว่าเป็นปัญหาใหญ่พอควรเลยครับ ขอเอา 1 ปัญหาก่อนครับ มากว่านี้จะรู้สึกซีเรียสเกิน
ปัญหาแรก การส่งใบคำสั่งแพทย์ (Doctor’s order sheet) มาห้องยาครับ
ต้นเหตุ มาจากบริษัทออกแบบมาว่า เภสัชต้องอยู่ประจำตึก หรือไม่ก็แพทย์เป็นคนคีย์ยาเอง ดังนั้นปัญหานี้บริษัทเลยไม่หาทางไว้ให้ พวกเราต้องมาหาทางกันเอาเองครับ
วิธีการแก้ไข
1. ใช้ FAX ส่งคำสั่งแพทย์จากตึกมาที่ห้องยา
อุปกรณ์ เครื่อง FAX ประจำทุกตึก+ห้องยาสองห้อง 17 เครื่องเป็นอย่างน้อย , เบอร์โทรประจำตึก+ห้องยาทั้งสองห้องสำหรับส่ง FAX , อุปกรณ์อื่นๆ การต่อสายโทรศัพท์
อุปกรณ์สิ้นเปลือง กระดาษ+หมึก FAX, ค่าโทร (ไม่ทราบว่าโทรภายในจะคิดราคายังไง)
2. ใช้เครื่อง Scanner ส่งข้อมูลมายังห้องยา
อุปกรณ์ เครื่อง Scanner สำหรับตึก+ห้องยา ,เครื่องพิมพ์เลเซอร์สำหรับห้องยานอก 1 เครื่อง, เครื่องคอมพิวเตอร์สำหรับทุกตึก+สาย Lan เชื่อมต่อ (คาดว่ามีครบทุกตึกแล้ว), โปรแกรมที่ใช้ส่งเอกสารที่ scan
อุปกรณ์สิ้นเปลือง กระดาษ A4+หมึกพิมพ์เลเซอร์พรินเตอร์
ดูคร่าวๆ แล้วพบว่าวิธีแรกคุ้มทุนกว่ากันเยอะเลยใช่ไหมครับ แต่ถ้าตัดค่าเครื่องคอมพิวเตอร์ออกแล้วพบว่าสูสีกันครับ อาจจะแพงกว่าด้วยในระยะยาวเพราะ ค่าอุปกรณ์สิ้นเปลือง FAX จะสูงกว่าทั้งกระดาษ A4 และหมึกพิมพ์ รวมทั้งค่าโทรในการส่งแต่ละครั้ง
แต่ทั้งนี้การส่ง Scan ยังต้องพึ่งพาโปรแกรมในการส่ง ซึ่งทางตึกอาจประหลาดใจเพราะการส่งข้อมูลคราวก่อนใช้การส่งผ่านระบบ Lan โดยตรง ให้พิมพ์ที่เครื่องพิมพ์ห้องยาเลยใช่ไหมครับ ไม่ต้องใช้โปรแกรมอะไรให้ยุ่งยาก กล่าวคือ การพิมพ์แบบ share เครื่องพิมพ์นั่นเอง
แต่การส่งครั้งนั้นมีเงื่อนไขที่ทำให้ประสพความสำเร็จครับ คือ
ซึ่งค่อนข้างต่างกับความเป็นจริงการทำงานของสถาบันเราครับสภาพความจริงที่โหดร้าย นั่นคือ
ข้อมูลเพิ่มเติม
ปริมาณใบยาผู้ป่วยใน ที่มาห้องยาในเฉลี่ยแต่ละวัน ประจำเดือน สค.49 คือ 156 ใบ ครับ ซึ่งมากที่สุดในรอบปีงบประมาณ 49 (น้อยที่สุด เดือน เมย.49 คือ 120 ใบ คาดว่าเพราะไปสงกรานต์กัน)
ช่วงเวลาเร่งด่วนสำหรับใบยาผู้ป่วยใน คือ 10.00-13.00 น.เลื่อนลงมาจากเดิม 9.00-12.00 น.เพราะแพทย์เลื่อนเวลาขึ้นตึก
ตึกที่เคยส่งใบยามากที่สุด คือ ตึก 5/3 สถิติ 27 ใบ, รองมา คือ 3/4 สถิติ 24 ใบ
ความจริงอันนี้ละครับที่กลายเป็นปัญหาให้กับทั้ง 2 วิธีแก้ไขดังกล่าวว่า
มาดูทีละระบบ ทีละข้อนะครับ
วิธี FAX นั้น เท่าที่ทราบจากน้องเอ้ (คลังยา) คือ
วิธี Scanner นั้น
ทางออกอีกทางที่ผมเสนอไป คือ
การส่งข้อมูลผ่าน Intranet ด้วยโปรแกรม Outlook Express ที่มีอยู่แล้วครับ
โดยส่งไฟล์ภาพแนบมากับจดหมาย แยกจดหมายฉบับหนึ่งอาจส่งมาหลาย (ภาพ) ใบได้ครับ
ความละเอียดภาพ | เวลาแสกนเฉลี่ย | ความจุที่ใช้/A4 | ความคมชัดภาพ |
100 dpi | 20 วินาที/ใบ | 150 kb | ภาพเลือน |
150 dpi | 22 วินาที/ใบ | 175 kb | ดีขึ้นแต่ยังมีการเบลอบางส่วน |
200 dpi | 25 วินาที/ใบ | 230 kb | ชัดเจน |
250 dpi | 30 วินาที/ใบ | 275 kb | ชัดเจนมาก |
หมายเหตุ ภาพแต่ละใบขนาดจะต่างกันขึ้นกับรายละเอียดใบคำขอ กล่าวคือ ยิ่งมีการเขียนมากขนาดภาพยิ่งใหญ่
ดังนั้นค่าเฉลี่ยที่ได้นี้ผมใช้ภาพเดียวกันหมดแต่ในการทำงานจริงอาจต่างจากนี้ได้ทั้งนี้ต่อจากใบแรก (ที่ต้องวอร์มเครื่อง 30 วินาทีก่อน)
ใบต่อๆ ไป ก็ใช้เวลาพอๆ กันครับแล้วแต่ความละเอียดของภาพที่ต้องการ
การใช้งานเครื่องก็ง่ายมากเลยครับ เพราะว่าผมตั้งให้มันง่าย ไม่งงนะครับ คือ กดปุ่มที่เครื่อง scan ครับเลือกปุ่ม E-mail มันก็เปิดโปรแกรม scan มาถามยืนยันว่าเราจะ scan ที่ความละเอียดนี้ใช่ไหม ถ้าใช่ก็ใส่ใบที่ต้องการ scan แล้วตอบ yes ตกลงไปพอ scan ภาพแรกเสร็จมันจะถามว่าเรามีใบอื่นอีกไหม ถ้ามีก็ใส่แผ่นคำขอใหม่พร้อมกด Yes ตกลงไปและจะถามไปเรื่อยๆ ครับจนกว่าจะกระทั่งเราทำครบงาน ก็กด NO จบไปจากนั้นจะเปิดเข้าโปรแกรม Outlook express ให้ สร้างจดหมายใหม่ให้เอง พร้อมแนบไฟล์ภาพมาให้เสร็จขั้นนี้เราอาจกำหนดต่อให้เสร็จได้ครับว่าส่งมาที่ห้องยาเลย ไม่ต้องจ่าที่อยู่เอง
หมายเหตุ ถ้านอกเวลาต้องจ่าที่อยู่ใหม่เป็นห้องยานอกนะครับเขียนหัวข้อว่าเป็นจดหมายเรื่องใด ด่วนหรือไม่ (ตรงนี้ผมยังหาไม่เจอแต่คาดว่าน่าจะมี)
เนื้อหาว่าต้องการตรงไหนพิเศษยังไงสั่งมาเลยครับ จะส่งมาคิดเงินก็ว่าไปเสร็จแล้วก็กดปุ่มส่ง (Send) ปิ๊ง
เครื่องก็ทำการส่งผ่านระบบ Lan ซึ่งก็ต้องใช้เวลาหน่อยถ้าจดหมายขนาดใหญ่
ข้อดีของวิธีนี้ครับ
ข้อเสีย/ปัญหาจุกจิกครับ
ส่วนวิธี FAX นั้นข้อดีเด่นๆ เลยครับ
ข้อเสียครับ
ก็อย่างที่ผมพยายามหาข้อดีข้อเสีย มาแล้วครับ บอกตามตรงว่า ผมเอียงๆ ไปด้านใช้ระบบ Lan ในการส่งข้อมูลมากกว่า เพราะข้อมูลถูกแปลงเป็นดิจิตอลเสร็จ การต้มยำทำแกง เอ้ย เก็บรวบรวมข้อมูลทำได้ง่าย สะดวกกว่า แต่ผมไม่ได้แอนตี้ระบบ FAX นะครับ ถ้าใครมีข้อมูลดีๆ เกี่ยวกับ FAX ก็เสนอได้ครับ
บันทึกนี้ยาวนานที่สุดที่เคยทำ คือ พิมพ์ค้างตั้งแต่เมื่อวานยันวันนี้รวม 4 ชั่วโมงครับ
ความจริงอันน่าขำแต่ผมขำไม่ออก
มีคนเสนอให้นำใบคำขอมาซีร็อกไปเลย...
คือ ให้เจ้าหน้าที่รวมใบคำสั่งแพทย์ไปนั่งต่อคิวซีร็อก จากนั้นก็เอาใบซีร็อกมาห้องยาในแล้วนำตัวจริงกลับขึ้นตึก.....
วิธีนี้ผมพูดไม่ออกบอกไม่ถูกเลยครับ
อ่านบันทึกนายแล้ว....
เป็นคนคุณภาพจริงๆ...ผมว่าข้อมูล และการเรียนรู้เหล่านี้เป็นประโยชน์อย่างมาก
ถึงผมไม่มีความรู้เรื่องโปรแกรมอะไรที่ว่านี้ แต่วิธีการเปรียบเทียบ และการวิเคราะห์อย่างรอบด้านแบบที่จันทร์เมามายทำ ทำให้ได้เรียนรู้และเป็นแบบอย่างกับผมครับ
ขอบคุณคนคุณภาพของบำราศฯ
จอมยุทธ์แห่งห้องยา
มาศึกษาวิทยายุทธ เพื่อไปต่อยอดค่ะ ขอบคุณมากๆค่ะ
คิดว่าน่าจะใช้ส่งทาง Intranet จะสะดวกที่สุด แต่ต้องมีเจ้าหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง ต้องคอยตรวจเช็ค เพราะ ถ้า Intranet เต็มจะส่งข้อมูลไม่ได้เลย
สำรอง อีกวิธี คือการส่ง Fax น่าจะช่วยให้เร็วขึ้น ต้องวางระบบดีๆๆ
ข้าน้อยก็ชื่นชมผลงานสหายเช่นกันความขยัน การหมั่นออกเดินทางและอารมณ์ดีของท่านทำให้ข้าน้อยได้เรียนรู้ แต่ทำม่ายด้าย...
ปล. อย่ายอมากเน้อ(เดี๋ยวเหลิง) สหายเพียงมองตาก็รู้ใจจริงไหม
P..OOM
เรื่องการใช้งานสำรองนี่ โดนใจผมจริงๆ ครับ เพราะมองเผื่อ...(ไม่ได้แช่งนะครับ) ว่า ระบบ Intranet ล่มแล้วเรามีช่องทางอื่นนอกจากการส่งก็เป็นทางเลือกหนึ่งครับ หรือใช้แยกใบคำขอยาด่วนออกมาก็ได้ครับ
วันนี้ผมได้ลองส่งจดหมายด่วนแล้วก็ไม่รู้ถึงความแตกต่างครับในด้านความเร็วเพราะส่งถึงตัวเอง ทั้งด่วนและไม่ด่วนพบว่าใช้เวลาพอกัน 1 วินาที ส่งปุ๊บถึงปั๊บ
แต่จดหมายฉบับด่วนจะมีเครื่องหมายตกกะใจ (!) แสดงต่อหลังจดหมายครับ
คุณพัชรา
ขอบคุณที่มาเยี่ยมชมครับ
ขอให้คุณพัชราเก่งวิทยายุทธเร็วๆ นะครับ
คุณอัจฉรา
ขอบคุณท่านผอ. ที่มาให้กำลังใจครับ
คุณสุนันทา
พี่นันมีประชุมเรื่องนี้ด้วยหรือครับ ได้ยินจากพี่หญิงเหมือนกัน ว่าพยาบาลมีคุยกันเรื่องคอม แต่ไม่ได้เอะใจอะไร
คือ วันนั้นผมกับพี่หญิงจะไปคุยกับห้องคลอดและหลังคลอดเรื่องขยายตึกที่จะใช้โปรแกรมใหม่นี้พอดีครับ
แทนคำขอบคุณ ขอให้พี่นันช่วยดันเรื่องนี้ให้สำเร็จด้วยครับ ห้องยาจะได้รับอานิสงค์ไปด้วย
คุณทน.พญ.ครับ
ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ ถ้า fax ไม่เสียค่าโทรจริงจะประหยัดได้เยอะครับ
fax center ก็เป็นไอเดียที่น่าสนจริงๆ ครับ ถ้ามีการรวมกันระหว่างตึกใกล้ๆ กัน ที่น่าเป็นไปได้ก็จะมีตึก 5 ชั้น 2 ครับห้องหลังคลอดกับ NICU ที่อยู่ในชั้นเดียวกัน
ส่วน 5/3 ตึกเด็กจะคนไข้เยอะไม่ควรรวมกัน เช่นเดียวกับ 5/4 และ 5/5 ที่น่าจะแยกกัน
และน่าคิดเพิ่มเติมครับว่า center ควรจะมีกี่เครื่องถ้าเสียหมายความว่า center นั้นใช้งานไม่ได้ ต้องไปขอใช้ตึกที่งานเยอะใช่ไหม....เป็นปัญหาที่น่าคิดต่อครับ
คุณ ศูนย์พัฒนาคุณภาพ Anonymous
เห็นด้วยครับที่ต้องมีระบบสำรองไว้ใช้
ยิ่งเราเน้นใช้ระบบไปทีมากเท่าไหร่ยิ่งต้องหาทางเผื่อไอทีล่มมากขึ้นครับ ที่ห้องยาทำได้ตอนนี้ คือ ระบบเขียนมือครับ
ส่วนอีกกรณีหนึ่ง คือ
แต่ก็กำลังคิดหาวิธีอื่นอยู่เหมือนกันครับ
ขอบคุณสำหรับกำลังใจมากเลยครับ
การแก้ปัญหาทุกวันนี้มันเหนื่อยตรงที่ว่าแก้เป็นเฉพาะรายไปครับ ซึ่งแต่ละรายรายละเอียดต่างกันก็อาจต้องแก้ต่างกัน
สาเหตุมาจากเราใช้เชิงรับครับ โดนตีหัวค่อยมารับทั้งเจ็บทั้งเหนื่อย ต้องตื่นตัวตลอดไม่รู้ว่าจะโดนจู่โจมเมื่อไหร่
ผมเลยพยายามหาทางเชิงรุกไม่ให้คุณปัญหามารุกถึงห้องยาเราได้ โดยการสร้างปราการออกแบบ ให้มันแน่นหนา จะได้ไม่ต้องตื่นตัวตลอดแถมก็ยังเจ็บตัวอยู่ดีแต่เจ็บมากหรือน้อยเท่านั้น